สถิติคดีมาตรา 112 ที่ศาลมีคำพิพากษา

หลังนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กลับมาบังคับใช้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมา หลังการชุมนุมเยาวชนปลดแอกและข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ คดีข้อหานี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ดูสถิติคดีเท่าที่ทราบข้อมูล) ในปี 2565-68 ศาลได้ทยอยมีคำพิพากษาในแต่ละคดีออกมาเป็นระยะ

ตารางข้อมูลต่อไปนี้รวบรวมผลคำพิพากษาในคดีมาตรา 112 เท่าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนติดตามข้อมูล เฉพาะคดีที่เกิดขึ้นนับแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมา ทั้งนี้ผลของคดีเหล่านี้ ยังไม่ถึงที่สุด หลายคดีมีการอุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษาต่อไป

** เท่าที่ทราบข้อมูล จนถึงวันที่ 15 ม.ค. 2568

.

ศาลมีคำพิพากษาอย่างน้อย 171 คดี แยกเป็น

คดีที่จำเลยต่อสู้คดี และศาลมีคำพิพากษา อย่างน้อย 87 คดี

แยกเป็นคดีที่ศาลยกฟ้อง 19 คดี, คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา 50 คดี, คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยให้รอลงอาญา 11 คดี, คดีที่ศาลยกฟ้องข้อหามาตรา 112 แต่ลงโทษในข้อหาอื่นๆ 4 คดและคดีที่ศาลยกฟ้องจำเลยบางคน แต่ลงโทษจำคุกจำเลยอีกราย 3 คดี

ลำดับชื่อคดี/เหตุแห่งคดีวันที่พิพากษาผลคำพิพากษาโดยสรุป
1คดีจรัส
คอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจพอเพียง
30 พ.ย. 2564
(ศาลจังหวัดจันทบุรี)

22 พ.ย. 2565
(ศาลอุทธรณ์ภาค 2)
ศาลพิพากษายกฟ้องเฉพาะข้อหา ม.112 เห็นว่าองค์ประกอบ ม.112 คุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงครองราชย์อยู่เท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) เห็นว่าข้อความกระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชนทั่วไป พิพากษาจำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับเงิน 26,666.66 บาท แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี

ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 2 กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น เห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 เนื่องจากแม้กระทำต่อกษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้ว ก็กระทบองค์ปัจจุบัน ลงโทษจำคุก 3 ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
* คดีสิ้นสุดแล้ว
2คดีนรินทร์
แปะสติกเกอร์ “กูkult” คาดตาบนรูปรัชกาลที่ 10
4 มี.ค. 2565
(ศาลอาญา)

2 พ.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการแสดงว่ามีความยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระมหากษัตริย์ เป็นการลบหลู่ ดูหมิ่น แม้ไม่ได้เป็นการกระทำต่อตัวกษัตริย์โดยตรง แต่ก็แปลความหมายได้ในลักษณะเดียวกัน
พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษจำคุก 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา 

ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาเป็นยกฟ้อง เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังมีพิรุธสงสัย ว่าจำเลยได้เป็นผู้กระทำตามที่ถูกฟ้องหรือไม่
3คดีอิศเรศ อุดานนท์
โพสต์กรณียังไม่แต่งตั้งกษัตริย์ใหม่ หลังการสวรรคต
16 มี.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนครพนม)

26 ก.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 4)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา ข้อความที่จำเลยโพสต์ไม่ได้แสดงความอาฆาตมาดร้าย มิได้ระบุถึงบุคคลที่ถูกดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทให้รู้ได้แน่นอนว่าเป็นใคร อีกทั้ง ม.112 ไม่บัญญัติถึงสถาบันกษัตริย์ พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟังลงโทษจำเลยได้ และเมื่อไม่ผิด ม.112 จึงไม่เป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นว่าแม้จําเลยใช้ถ้อยคําไม่สุภาพและรุนแรง แต่ไม่ถึงขนาดเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น อีกทั้งข้อความดังกล่าวไม่ได้เป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น 
* คดีสิ้นสุดแล้ว
4คดี “วุฒิภัทร”
โพสต์คอมเมนต์ข้อความเกี่ยวกับ 3 จำเลยกรณีสวรรคต ร.8
25 มี.ค. 2565
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)

27 เม.ย. 2566
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลพิพากษายกฟ้องเฉพาะข้อหา ม.112 เห็นว่าองค์ประกอบ ม.112 คุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงครองราชย์อยู่เท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) เห็นว่าข้อความกระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชนทั่วไป พิพากษาจำคุก 1 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาเห็นว่ามีความผิดตามมาตรา 112 เห็นเป็นการดูหมิ่นอดีตพระมหากษัตริย์ ย่อมกระทบกษัตริย์องค์ปัจจุบันด้วย พิพากษาจำคุก 5 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 3 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
5คดีสมบัติ ทองย้อย
โพสต์ “เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ” และข้อความกล่าวถึงการทำตัวใกล้ชิดประชาชน
28 เม.ย. 2565 (ศาลอาญากรุงเทพใต้)

13 ก.ย. 2566
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 จำนวน 2 กรรม เห็นว่าข้อความเป็นสิ่งที่ไม่บังควร มีลักษณะเป็นการจาบจ้วง และชี้ให้เห็นถึงเจตนาของจําเลยที่ต้องการจะดูถูก ด้อยค่าพระมหากษัตริย์ อันเข้าลักษณะเป็นการดูหมิ่นแล้ว พิพากษาจําคุกกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง เป็นจําคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่เห็นว่าให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือกระทงละ 2 ปี เหลือจำคุก 4 ปี
* คดีสิ้นสุดแล้ว
6คดีมีชัย
โพสต์วิจารณ์การใช้ภาษีของสถาบันกษัตริย์
18 ก.ค. 2565
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)

27 ก.ย. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 1)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 เห็นว่าข้อความที่โพสต์เป็นความเท็จ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ มีเจตนาลดเกียรติและดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พิพากษาจำคุก 4 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ต่อมาวันที่ 25 ก.ค. 2567 ไม่มีผู้พิพากษารับรองให้ฎีกา คดีถึงที่สุด
7คดีอุดม
โพสต์ข้อความรวม 7 ข้อความ
26 ก.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)

30 ส.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 9)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 ใน 2 ข้อความ ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมโทษจำคุก 6 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือโทษจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ขณะที่ศาลเห็นว่า ม.112 คุ้มครองเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน ทำให้ข้อความตามฟ้องใน 4 ข้อความ ไม่ครบองค์ประกอบ ขณะที่อีก 1 ข้อความ โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าหมายถึงบุคคลใด

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
8คดี “กัลยา”
โพสต์ข้อความ 2 กระทง
2 ส.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)

20 ต.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 9)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 ในทั้ง 2 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมโทษจำคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
9คดีปริญญา ชีวินกุลปฐม หรือ “พอร์ท ไฟเย็น”
โพสต์ข้อความ 3 ข้อความ
15 ส.ค. 2565
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 ทั้ง 3 ข้อความ จำคุกกระทงละ 3 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุกรวม 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา
10คดี “นิว” จตุพร แซ่อึง
แต่งชุดไทยเดินแฟชั่นโชว์บนถนนสีลม ในม็อบ29ตุลา63
12 ก.ย. 2565
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)

19 ส.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เห็นว่าจำเลยมีการแสดงตนเป็นราชินี ในเชิงล้อเลียนเสียดสี ก่อให้เกิดความตลกขบขัน เป็นการไม่แสดงความเคารพต่อสถาบันกษัตริย์ อันเป็นกระทำที่ไม่บังควร

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
11คดีทิวากร วิถีตน
ถ่ายรูปสวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” โพสต์ลงเฟซบุ๊ก รวมถึงโพสต์เรียกร้องให้สถาบันกษัตริย์ยุติการใช้มาตรา 112 และปล่อย 4 แกนนำราษฎร รวม 3 กระทง
29 ก.ย. 2565
(ศาลจังหวัดขอนแก่น)

14 ส.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 4)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าข้อความของจำเลยไม่ได้ระบุให้รู้ได้โดยแน่นอนว่าเป็นองค์พระมหากษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะ ขึ้นกับการตีความของบุคคล และสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 112 พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีไม่พอที่จะลงโทษจำเลยในทุกข้อหาได้

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่ามีความผิดตามมาตรา 112 ทั้ง 3 กระทง โดยเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่า รูปภาพและข้อความที่จําเลยโพสต์หมายถึง พระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบัน และจําเลยมีเจตนาสบประมาท ลดคุณค่าพระเกียรติยศ อันเป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 6 ปี
12คดี “วารี”
นำภาพจากทวิตเกี่ยวกับการเลือกปกป้องกษัตริย์ของตำรวจ มาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก รวมถึงการโพสต์รูปการ์ตูนล้อเลียนตำรวจในคอมเมนต์ และการแชร์โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ประยุทธ์ที่สั่งปิดกั้นเพลงของ R.A.D 
6 ต.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)

26 ต.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 9)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าพยานโจทก์ยังไม่พอให้เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้นำเข้าโพสต์ดังกล่าว มีเพียงผู้กล่าวหาคนเดียวที่เบิกความว่าจำเลยโพสต์ แต่กลับเบิกความถึงการเห็นโพสต์แตกต่างกัน อีกทั้งภาพที่นำมาแจ้งความก็ไม่ปรากฏ URL ประกอบการคำเบิกความของพยานจำเลยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งสองเห็นว่า ภาพมีการตัดต่อมา

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
* คดีสิ้นสุดแล้ว
13คดีภัคภิญญา
แชร์ข้อความจากเพจทางการเมืองต่างๆ รวม 6 ข้อความ
19 ต.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 รวม 3 ข้อความ จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 9 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนอีก 3 ข้อความให้ยกฟ้อง
14คดีพิพัทธ์
โพสต์ภาพรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกรฯ พร้อมใส่ข้อความแทรกบนภาพ 2 ประโยค ในกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส”
26 ต.ค. 2565
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)

25 ต.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 1)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าหลักฐานที่ผู้กล่าวหานำมาแจ้งความ เป็นการแคปภาพหน้าจอ ไม่ใช่สิ่งพิมพ์จากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง พยานหลักฐานของโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์มีจุดเริ่มต้น และปลายทางส่งข้อมูลเป็นอย่างไร หมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์คืออะไร ซึ่งเป็นข้อมูลระบุตัวตนสำคัญ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัย

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
* คดีสิ้นสุดแล้ว
15คดีธนกร
ปราศรัยในการชุมนุม 6 ธ.ค. 2563 ที่วงเวียนใหญ่
22 พ.ย. 2565
(ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง)

6 พ.ย. 2566
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 112 แม้คำปราศรัยจะไม่ได้มีการกล่าวถึงพระนามของกษัตริย์พระองค์ใด แต่เห็นว่ามาตรา 112 ไม่ได้คุ้มครองแค่กษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่คุ้มครองทั้งสถาบันกษัตริย์ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ ม.142 (1) เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นคุมประพฤติ นำตัวไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน กำหนดขั้นต่ำ 1 ปี 6 เดือน ขั้นสูงไม่เกิน 3 ปี

ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษ เป็นให้รอการลงโทษจำคุก 2 ปี และให้คุมประพฤติจำเลยไปตลอดระยะเวลาที่รอการลงโทษ ห้ามจำเลยกระทำผิดในทำนองเดียวกันนี้อีก
* คดีสิ้นสุดแล้ว
16คดีพรชัย วิมลศุภวงศ์
ไลฟ์สดและโพสต์ข้อความ รวม 3 โพสต์
15 ธ.ค. 2565
(ศาลจังหวัดยะลา)

5 ต.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 9)
ศาลเห็นว่าจำเลยโพสต์คลิปวิดีโอมีเนื้อหาสื่อถึงรัชกาลที่ 10 ที่วางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย เห็นว่าเป็นการดูหมิ่น จาบจ้วง ตามมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือ 2 ปี
ส่วนข้อความอีก 2 โพสต์ พยานหลักฐานโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้โพสต์ จึงยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน โดยเห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่าสามารถนำหลักการตามมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ มาเป็นเหตุผลประกอบมาตรา 112 ได้ และไม่สามารถอ้างการติชมโดยสุจริตเป็นเหตุยกเว้นความผิดได้
* คดีสิ้นสุดแล้ว
17คดี “ชัยชนะ” ผู้ป่วยจิตเวช
ถูกกล่าวหาโพสต์ข้อความ 4 โพสต์
21 ธ.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)

15 ธ.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 9)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้งานหรือเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กตามฟ้อง ขณะที่จำเลยถูกจับกุม ตำรวจได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของจำเลยมาตรวจสอบด้วย แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการเข้าใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กที่ถูกกล่าวหา อีกทั้ง จำเลยได้ให้การปฏิเสธตลอดมา ประกอบกับจำเลยมีอาการทางจิต จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืนยกฟ้อง
* คดีสิ้นสุดแล้ว
18คดีธนกร
ปราศรัยในการชุมนุม 10 ก.ย. 2563 ที่ท่าน้ำนนทบุรี
22 ธ.ค. 2565
(ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี)
ศาลเห็นว่าถ้อยคำปราศรัยของจำเลยเป็นการกล่าวหาที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง และเกิดความเข้าใจผิดต่อพระมหากษัตริย์ เห็นว่าจำเลยมีความผิดตาม ม.112 แต่ขณะเกิดเหตุมีอายุ 17 ปีเศษ เห็นควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน เพื่อให้การแก้ไขบำบัดฟื้นฟูจำเลยเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ จึงรอการลงโทษจำคุก 2 ปี และให้กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับความประพฤติ
* คดีสิ้นสุดแล้ว
19คดีสิทธิโชค เศรษฐเศวต
ถูกกล่าวหาว่าราดของเหลวคล้ายน้ำมันลงที่ฐานพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10-ราชินี ในระหว่างการชุมนุม 18 ก.ค. 2564
17 ม.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าจำเลยบีบของเหลวสีม่วงใส่ผ้าประดับซุ้มฯ ไฟก็ลุกพรึบขึ้นมา น่าเชื่อว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือวัตถุไวไฟบางชนิด ที่จำเลยเบิกความว่าต้องการช่วยดับไฟนั้น เป็นการเบิกความลอยๆ พยานโจทก์ยังเบิกความว่าพระบรมฉายาลักษณ์มีค่าเท่าตัวบุคคล มีไว้กราบไหว้และเป็นที่เคารพสักการะ การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 3 ปี ตามมาตรา 112 และจำคุกอีก 6 เดือน ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุกรวม 2 ปี 4 เดือน 
20คดี “ไลลา”
ปลดพระบรมฉายาลักษณ์ระหว่างการชุมนุมในมธ.ลำปาง วันที่ 17 ต.ค. 2563
17 ม.ค. 2566
(ศาลจังหวัดลำปาง)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏอย่างชัดเจนว่าจำเลยได้ร่วมกันกระทำตามฟ้อง คดีจึงมีเหตุอันควรสงสัยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
* คดีสิ้นสุดแล้ว
21คดี “นคร”
แชร์โพสต์ข้อความ 2 โพสต์
25 ม.ค. 2566
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)

28 พ.ย. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 1)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ พิสูจน์ไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดจริง จึงต้องยกประโยชน์ความสงสัย

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนยกฟ้อง
* คดีสิ้นสุดแล้ว
22-23คดี “บัสบาส” มงคล ถิระโคตร
พิจารณาร่วมกันสองคดี ได้แก่ คดีโพสต์เฟซบุ๊ก 25 ข้อความ และ 2 ข้อความ
26 ม.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงราย)

18 ม.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 5)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดใน 14 กรรม ที่เป็นข้อความเกี่ยวกับรัชกาลที่ 10 และยกฟ้องอีก 13 กรรม ที่เป็นข้อความเกี่ยวกับอดีตกษัตริย์หรือไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ พิพากษาจำคุกกระทงละ 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้เหลือกระทงละ 2 ปี รวมโทษจำคุก 28 ปี

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาเห็นว่ามีความผิดเพิ่มเติมใน 11 กระทง ตามอุทธรณ์ของฝ่ายโจทก์ โดยเห็นว่ามีการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นอดีตกษัตริย์ ร.9 ซึ่งมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ตีความไว้ ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 22 ปี รวมโทษจำคุกทั้งหมดเป็น 50 ปี
24คดีแขวนป้ายผ้า “งบสถาบันกษัตริย์>วัคซีนCOVID19” ที่จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 256331 ม.ค. 2566
(ศาลจังหวัดลำปาง)

30 ม.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 5)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าข้อความในป้ายไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 112 ไม่ได้ระบุว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ แต่ลงโทษปรับเฉพาะจำเลยที่ 1 ในข้อหาตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
* คดีสิ้นสุดแล้ว
25คดี “นิว” สิริชัย นาถึง
พ่นสีสเปรย์ข้อความ “ยกเลิก 112 และ “ภาษีกู” บนรูปพระราชวงศ์บริเวณย่านคลองหลวง
15 ก.พ. 2566
(ศาลจังหวัดธัญบุรี)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตามฟ้อง เห็นว่าแม้ไม่ได้พ่นข้อความบนพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 แต่การพ่นบนรูปภาพของสมาชิกราชวงศ์ ย่อมส่งผลกระทบต่อรัชกาลที่ 10 เป็นการกระทำที่ด้อยค่าและทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมเสีย ลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุกกระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 6,000 บาท รวม 5 กระทง เป็นจำคุก 10 เดือน ปรับ 30,000 บาท และกรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ลงโทษปรับ 1,177 บาท รวมโทษจำคุก 3 ปี 10 เดือน ปรับ 31,177 บาท แต่ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุก และจำเลยยังเป็นนักศึกษาอยู่ โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
* คดีสิ้นสุดแล้ว
26คดีสุรีมาศ
แชร์ลิงก์คลิปผู้ทำพิธีขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง’
20 ก.พ. 2566
(ศาลจังหวัดกระบี่)

24 ต.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ ภาค 8)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าจำเลยมีพยานเบิกความให้เห็นว่าหากไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มส่วนตัว ก็จะปรากฏเห็นเพียงภาพหน้าปกของกลุ่มส่วนตัว การที่จะเห็นลิงก์ตามโพสต์ต้นทางได้นั้น จะต้องเป็นสมาชิกของกลุ่มก่อน โดยพยานทำคลิปจำลองสถานการณ์อย่างละเอียด เป็นลำดับขั้นตอน มีน้ำหนัก และน่าเชื่อถือ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความชำนาญในการใช้เฟซบุ๊กถึงขนาดที่จะทราบสถานการณ์ดังกล่าวได้ กรณีจึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่  ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
* คดีสิ้นสุดแล้ว
27คดีของ “ต้นไม้”
กรณีจัดจำหน่ายปฏิทินตั้งโต๊ะ รูปเป็ดเหลือง ประจำปี 2564 ในเพจเฟซบุ๊ก “ราษฎร”
7 มี.ค. 2566
(ศาลอาญาตลิ่งชัน)

28 ต.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความในทำนองเดียวกันว่าภาพเป็ดในปฏิทินสื่อถึงรัชกาลที่ 10 เป็นการด้อยค่า หมิ่นประมาท สร้างความเสื่อมเสียศรัทธาต่อพระมหากษัตริย์ ขณะที่จำเลยได้มีส่วนในการกระทำความผิดร่วมกัน และหากไม่เห็นเนื้อหาในปฏิทินก็ต้องเห็นหน้าปกที่มีข้อความว่า ‘ปฏิทินพระราชทาน’ ขณะที่พยานจำเลยเบิกความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
28คดีพรชัย วิมลศุภวงศ์
โพสต์ข้อความ รวม 4 โพสต์
13 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)

5 เม.ย. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 5)
ศาลเห็นว่าที่จำเลยอ้างว่าบัญชีเฟซบุ๊กถูกโจรกรรมเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐาน จึงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความ ลงโทษตามมาตรา 112 ที่เป็นบทหนักสุด จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 4 กรรม รวมจำคุก 12 ปี

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
* คดีสิ้นสุดแล้ว
29คดีของ “ใจ”
ทวีตรูปภาพและข้อความเกี่ยวกับรัชกาลที่ 9
14 มี.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่ามาตรา 112 ไม่ได้บัญญัติว่าคุ้มครองเฉพาะกษัตริย์ที่ครองราชย์อยู่เท่านั้น และแม้จะสวรรคตไปแล้ว ก็ยังมีความผิด เนื่องจากข้อความดังกล่าวกระทบต่อรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นพระราชโอรส และทรงขึ้นครองราชย์อยู่ในปัจจุบัน ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี
30คดีฉัตรมงคล วัลลีย์
คอมเมนต์ข้อความในโพสต์ของเพจ “ศรีสุริโยไท”
27 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงราย)

1 พ.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 5)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ เห็นว่าไม่มีพยานบุคคลและหลักฐานยืนยันว่าจำเลยกระทำผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เห็นว่ามีความผิดตามฟ้อง โดยรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ และเห็นว่าพยานหลักฐานจำเลยยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 4 คงโทษจำคุก 27 เดือน
31คดี “สมพล”
ปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 ในพื้นที่ สภ.ปากคลองรังสิต
28 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดปทุมธานี)

3 ธ.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 1)
ศาลยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 112 เห็นว่าจำเลยมีเจตนามุ่งทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นเท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตามมาตรา 360 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน การกระทำของจำเลยไม่เหมาะสม มีความร้ายแรง จึงไม่รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 เห็นว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาดูหมิ่นกษัตริย์และพระราชินี เป็นการทำให้ประชาชนทั่วไปเห็นว่ากษัตริย์อยู่ในฐานะที่ไม่ควรเคารพสักการะ ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน
32คดี “สมพล”
ปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 3 จุด ในพื้นที่ สภ.เมืองปทุมธานี
28 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดปทุมธานี)

3 ธ.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 1)
ศาลยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 112 เห็นว่าจำเลยมีเจตนามุ่งทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นเท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตามมาตรา 360 จำคุกกระทงละ 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวมจำคุก 18 เดือน ไม่รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 เห็นว่าจำเลยขว้างปาสีในอีกหลายท้องที่ พฤติกรรมแสดงให้เห็นว่าจำเลยมุ่งประสงค์ต่อพระบรมฉายาลักษณ์เป็นการเฉพาะ
ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษเหลือจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 6 ปี
33คดี “สายน้ำ”
ถูกกล่าวหาแปะกระดาษ “CANCEL LAW 112” และใช้สีสเปรย์สีดำพ่นทับข้อความ “ทรงพระเจริญ” บนรูปรัชกาลที่ 10 ระหว่างการชุมนุม 18 ก.ค. 2564
30 มี.ค. 2566
(ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง)

8 ก.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ)
ศาลยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 112, วางเพลิงเผาทรัพย์, ทำให้เสียทรัพย์ เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอว่าจำเลยกระทำการดังกล่าว แต่ลงโทษปรับในข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
34คดี “รามิล” ศิวัญชลี วิธญเสรีวัฒน์ 
แสดง Performance Art ที่ป้ายหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 ถูกกล่าวหาว่าแสดงท่าทางคล้ายครุฑและใช้เท้าชี้ไปที่พระบรมฉายาลักษณ์
8 พ.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)

4 ก.ย. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 5)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังชี้ไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการอาฆาตมาดร้าย ดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท อีกทั้งการแสดงของจำเลยไม่ได้เจาะจงตัวบุคคล ประกอบกับป้ายหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นสถานที่ชุมนุมอยู่เป็นประจำ อีกทั้งพยานโจทก์ได้เบิกความถึงคลิปวิดีโอภาพเคลื่อนไหวซึ่งเป็นพยานหลักฐานในคดี แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการนำส่งเข้ามาในการพิจารณาคดีนี้ จึงทำให้พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัย

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน เห็นว่าพยานโจทก์มีพิรุธ ไม่น่าเชื่อถือ จนท.ตำรวจไม่ส่งหลักฐานคลิปวิดีโอการแสดง ทั้งที่เป็นหลักฐานสำคัญ การแสดงของจำเลยแม้ไม่เหมาะสมบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดเป็นความผิดมาตรา 112 และเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ
35คดี “ไวรัส”
โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 3 ข้อความ และติ๊กต็อก 2 ข้อความ มีเนื้อหาเกี่ยวกับรัชกาลที่ 9 และ 10 
11 พ.ค. 2566
(ศาลอาญา)
จำเลยให้การรับสารภาพกรณีโพสต์ 2 ข้อความ แต่ต่อสู้อีก 3 ข้อความ ศาลเห็นว่าโพสต์ข้อความของจำเลยเป็นการดูหมิ่น แม้จะไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงใด  และการหมิ่นประมาทอดีตพระมหากษัตริย์ย่อมกระทบต่อพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 5 กระทง เป็น 15 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 5 ปี 30 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี โดยอธิบดีศาลอาญาทำความเห็นแย้ง เห็นว่าไม่สมควรให้รอลงอาญา
36คดีศิระพัทธ์ ดีสวัสดิ์
ปลดพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 พร้อมกรอบรูปไปจากป้อมยามหน้าหมู่บ้าน แล้วนำกรอบรูปไปทิ้งลงคลอง
1 มิ.ย. 2566
(ศาลจังหวัดนนทบุรี)

11 ธ.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 1)
ศาลพิพากษายกฟ้องข้อหามาตรา 112 เห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นเพียงเจตนาที่ต้องการลักขโมยของยามวิกาลเท่านั้น เนื่องจากภาพในกล้องวงจรปิด จำเลยได้กระทำการเพียงลำพัง และกรอบรูปดังกล่าวมีความหนัก คงไม่สามารถจะเดินถือด้วยวิธีการปกติได้ ฟังมิได้ว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษที่ดูหมิ่นกษัตริย์อย่างไร
แต่เห็นว่ามีความผิดข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ลงโทษจำคุกรวม 9 เดือน ปรับ 30,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
37คดีชูเกียรติ แสงวงค์
ถูกกล่าวหาแปะกระดาษที่มีข้อความ “ที่ทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล!” บนรูปรัชกาลที่ 10 หน้าศาลฎีกา ในระหว่าง #ม็อบ20มีนา64
15 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษายกฟ้องข้อหามาตรา 112 เห็นว่าคดีมีประจักษ์พยานเพียงคนเดียว และเป็นการเห็นเพียงข้างหลัง ไกลจากที่เกิดเหตุ 10 เมตร ส่วนภาพกล้องวงจรปิดเป็นมุมจากระยะไกล ไม่ทราบว่าถ่ายไว้เมื่อใด ยังมีข้อสงสัยอยู่พอสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย แต่เห็นว่าจำเลยมีความผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
38คดีทีปกร
โพสต์ข้อความและแชร์คลิปจากยูทูบ ตั้งคำถามและวิจารณ์กษัตริย์ 
19 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการมิบังควรยิ่ง แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ต้องการพิมพ์ข้อความและสื่อสารโดยตรงถึงรัชกาลที่ 10 และต้องการให้ประชาชนที่พบเห็น เข้าใจคำว่ากษัตริย์ในคลิปดังกล่าวหมายถึงรัชกาลที่ 10 และบิดเบือนทำให้เข้าใจว่าคนที่ทำคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินและสร้างประเทศนี้คือประชาชนไม่ใช่กษัตริย์ ซึ่งใช้จ่ายภาษีของประชาชน พิพากษาจำคุก 3 ปี
* คดีสิ้นสุดแล้ว
39คดีชูเกียรติและวรรณวลี
ปราศรัยในม็อบวงเวียนใหญ่ วันที่ 6 ธ.ค. 2563
27 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญาธนบุรี)
ศาลเห็นว่าคำปราศรัยของจำเลยทั้งสอง ทำให้พระมหากษัตริย์ถูกดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ครบองค์ประกอบมาตรา 112 ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี ทางนำสืบจำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษลงหนึ่งในสาม คงโทษจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน
40คดี “เบลล์”
โพสต์รูปภาพถ่ายจุดต่างๆ ในพัทลุง และใส่ข้อความทางการเมืองประกอบในเพจเฟซบุ๊ก “พัทลุงปลดแอก” และ “ประชาธิปไตยในด้ามขวาน” รวม 2 กระทง
12 ก.ค. 2566
(ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพัทลุง)

24 ก.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ)
ศาลเชื่อว่าจำเลยเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “พัทลุงปลดแอก” และเกี่ยวข้องกับภาพข้อความตามฟ้องจริง และข้อความที่ใส่ในภาพ ตีความเป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้าย ลดทอนคุณค่า ความน่าเชื่อถือขององค์พระมหากษัตริย์ และอาจทำให้ประชาชนก่อความไม่สงบในสังคมได้ ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 12 เดือน โดยให้เปลี่ยนจากโทษจำคุกเป็นนำตัวไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เป็นระยะเวลา 2 ปี

ศาลอุทธรณ์แก้เป็นเห็นว่าจำเลยมีความผิด 1 กระทง ยกฟ้องอีก 1 กระทง ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 3 ปี พร้อมกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติต่าง ๆ
41คดี “สายน้ำ”
แต่งครอปท็อปเข้าร่วมเดินแฟชั่นโชว์ และเขียนข้อความบนร่างกายในการชุมนุม #ภาษีกู เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2563 บนถนนสีลม
20 ก.ค. 2566
(ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง)

16 ก.ย. 2567
(ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ)
ศาลพิเคราะห์จากบริบท พฤติการณ์ และอารมณ์ความรู้สึกของผู้ร่วมชุมนุมกับผู้ชม แสดงให้เห็นว่าแฟชั่นโชว์ดังกล่าวมีเจตนาสื่อถึงสถาบันกษัตริย์ การที่จำเลยแต่งกายสวมครอปท็อป แสดงกิริยาโบกไม้โบกมือ คล้ายจำลองเหตุการณ์รัชกาลที่ 10 ทรงเยี่ยมราษฎร ถือเป็นการล้อเลียนเสียดสี และเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐ พิพากษาจำคุก 3 ปี ขณะเกิดเหตุยังเป็นเยาวชนจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงลดโทษอีก 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุก 12 เดือน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี และให้รายงานตัวต่อคุมประพฤติทุก 3 เดือน

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
42คดี “แต้ม” ผู้ป่วยจิตเวช
ทุบทำลายป้ายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ในอำเภอตระการพืชผล อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2564 
15 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดอุบลราชธานี)

4 ก.ย. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 3)
โจทก์นำสืบเพียงว่าจำเลยทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ แต่ไม่ปรากฏว่า จำเลยมีกิริยาอาการในเชิงดูถูกหรืออื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่ามีจิตใจผูกใจเจ็บ อยากแก้แค้น ในการตรวจค้นที่พักอาศัยของจำเลย ไม่พบเอกสาร ข้อความ และพยานหลักฐานสื่อให้เห็นว่าผู้ต้องหามีการอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ หรือสื่อให้เห็นถึงการดูหมิ่น เหยียดหยาม เกลียดชัง จึงยกฟ้องข้อหามาตรา 112
แต่เห็นว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมีอาการทางจิตไม่รุนแรงถึงขนาดไม่สามารถบังคับตนเองได้ จึงยังต้องรับโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 ลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกและปรับรอการลงโทษไว้ 5 ปี และให้จำเลยเข้ารับการรักษาอาการจิตเภทที่โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ตลอดเวลาที่รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
43คดี “พชร”
โพสต์ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส” 2 ข้อความ
16 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)

6 มิ.ย. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 1)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอในการยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความ พยานหลักฐานจึงไม่น่าเชื่อถือหรือพิสูจน์ความจริงได้ และพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้มีการตรวจสอบ URL หรือ IP Address ของพยานหลักฐานดังกล่าว ประกอบกับจำเลยได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาตั้งแต่ในชั้นสอบสวน

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลเชื่อว่าจากพยานหลักฐานจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความ ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 2 ปี
44คดีธนาธร วิทยเบญจางค์
อ่านแถลงการณ์และปราศรัย ในคาร์ม็อบเชียงใหม่ “ล้านนาต้านศักดินาทัวร์” เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564
(รับสารภาพบางส่วน ต่อสู้บางส่วน)
21 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)

9 ต.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 5)
ศาลยกฟ้อง 1 กระทงที่ต่อสู้คดี เห็นว่าคำว่า “สถาบันกษัตริย์” ในแถลงการณ์ ไม่ได้ระบุเจาะจงถึงตัวบุคคลหรือองค์พระมหากษัตริย์
และเห็นว่ามีความผิดใน 1 กระทง ที่จำเลยให้การรับสารภาพ ลงโทษจำคุก 3 ปี รับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน และลงโทษในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุกอีก 1 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 7 เดือน

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
45คดี “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง
ปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565
24 ส.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ข้อความปราศรัยของจำเลยเป็นการเปรียบเทียบว่า ต่อให้รัชกาลที่ 10 และพระราชินีทำบุญ พระบารมีก็ไม่สูงขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้รัชกาลที่ 10 และพระราชินีทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชัง ลงโทษจำคุก 3 ปี และลงโทษจำคุก 6 เดือน ในข้อหาใช้เครื่องขยายเสียง (ข้อหานี้โทษตามกฎหมาย มีเพียงโทษปรับไม่เกิน 200 บาท) รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน
46คดี “รามิล-เท็น”
แสดงงานศิลปะคล้ายธงชาติที่ไม่มีสีน้ำเงิน ในงานกิจกรรมชุมนุมบริเวณสนามรักบี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2564
28 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ศาลเห็นว่าวัสดุที่ทั้งคู่นำไปวางไว้ มีลักษณะใกล้เคียงกับธงชาติ ตาม พ.ร.บ.ธง มาตรา 5 การไม่มีแถบสีน้ำเงิน แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้มีพระมหากษัตริย์ในธงชาติ ลดทอนคุณค่าของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน เข้าข่ายมาตรา 112
ลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 4 ปี และ พ.ร.บ.ธง จำคุก 8 เดือน ปรับคนละ 2,000 บาท ให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือจำคุกรวม 3 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,500 บาท จำเลยทั้งสองยังเป็นนักศึกษา และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ใหัรอการลงโทษจำคุกไว้ 3 ปี และคุมประพฤติ 2 ปี
* คดีสิ้นสุดแล้ว
47คดี “สมพล”
ปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 บริเวณหน้าห้างโลตัส สาขารังสิต
29 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดธัญบุรี)

26 มิ.ย. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 1)
ศาลยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 112 แต่ลงโทษในข้อหาตามมาตรา 360 จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหานี้ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี 

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แก้คำพิพากษา เห็นว่ามีความผิดตามมาตรา 112 เห็นว่าจำเลยมีการปาสีน้ำใส่รูปในหลายท้องที่ มุ่งประสงค์จะกระทำต่อรูปเป็นการเฉพาะ อันเป็นการกระทำที่มิบังควรและหมิ่นพระเกียรติ เห็นว่าเป็นการดูหมิ่น ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
48คดี “ปีเตอร์”
ปราศรัยเกี่ยวกับการพระราชทานยศสุนัขทรงเลี้ยง และงบสถาบันกษัตริย์ ในการชุมนุม “กฐินราษฎร์ตลาดหลวง” เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2563
29 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดอุดรธานี)

9 ต.ค. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าคำปราศรัยเรื่องฟูฟู วิญญูชนทั่วไปที่ได้ฟังไม่สามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าจำเลยหมายถึงใคร ส่วนเรื่องงบสถาบันกษัตริย์ จำเลยก็กล่าวถึงข้อมูลของงบสถาบันกษัตริย์โดยรวม ไม่ได้เฉพาะเจาะจงถึงกษัตริย์พระองค์ใด อีกทั้งมาจากข้อมูลที่เผยแพร่โดยทั่วไปในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง จึงไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกอุทธรณ์ 
49คดีของ “ปริญญา”
โพสต์และแชร์ข้อความ
(รับสารภาพบางส่วน ต่อสู้บางส่วน)
31 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู)
ศาลให้รอการลงโทษจำคุกไว้
50คดีพิมชนก ใจหงษ์
โพสต์ข้อความ ‘รัฐบาลส้นตีน สถาบันก็ส้นตีน🔥🙂’
6 ก.ย. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนาโพสต์ถึงสถาบันกษัตริย์ และเห็นว่ามาตรา 112 คุ้มครองทั้งสถาบันกษัตริย์ แม้ไม่ได้กล่าวถึงกษัตริย์พระองค์ใด ก็เป็นการดูหมิ่น ให้ร้าย ลดทอนคุณค่าของพระมหากษัตริย์ พิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา 
51คดีอานนท์ นำภา
ปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา2563
26 ก.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำให้กษัตริย์เสื่อมเสีย เจตนาของจำเลยรับฟังไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันผู้ชุมนุม หรือป้องกันเหตุการณ์สลายการชุมนุมอย่างไร พิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา
52คดีวีรภาพ วงษ์สมาน
พ่นสีสเปรย์ข้อความปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
บริเวณแยกดินแดง ระหว่างการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2564
28 ก.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์น่าเชื่อถือว่าจำเลยเป็นผู้พ่นข้อความจริง แม้คำว่าปฏิรูปสถาบันฯ เป็นคำแสดงความคิดเห็นโดยทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาถึงคำไม่สุภาพที่พ่นต่อท้าย พบว่าเป็นคำสบถ หยาบคาย เจตนาว่าร้ายพระมหากษัตริย์ ประชาชนทั่วไปสามารถพบข้อความดังกล่าวได้ ทำให้เกิดความเกลียดชังและสร้างความเสื่อมเสียต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 พิพากษาจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา
53คดีวรรณวลี ธรรมสัตยา และเพื่อน รวม 3 คน
โพสต์ภาพที่ทั้งสามถือป้ายข้อความ ซึ่งถ่ายในระหว่างการชุมนุม #บ๊ายบายไดโนเสาร์ บริเวณสถานีบีทีเอสสยาม เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2563
10 ต.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ศาลเห็นว่าข้อความเฉพาะในป้ายที่วรรณวลีถือเข้าข่ายเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน ลงโทษจำคุก 4 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษหนึ่งในสาม เหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน ส่วนจำเลยอีกสองราย ข้อความในป้ายที่ถือ ไม่ชัดเจนว่าหมายถึงบุคคลใด ทั้งจำเลยทั้งสองไม่ได้กดรับที่จำเลยที่ 1 แท็กมา ไม่ได้กดไลท์ กดแชร์ต่อ จึงยังไม่ชัดเจนว่าทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 และ 3
54คดี “โฟล์ค” สหรัฐ สุขคำหล้า
ปราศรัยในม็อบ #บ๊ายบายไดโนเสาร์ บริเวณสถานีบีทีเอสสยาม เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2563
19 ต.ค. 2566
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)
ศาลเห็นว่าข้อความของจำเลย เป็นการกล่าวล่วงละเมิดพระมหากษัตริย์ ทำให้ประชาชนเข้าใจว่ากษัตริย์ไม่น่าเคารพ เสื่อมศรัทธา พิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
55คดีเบนจา อะปัญ
อ่านแถลงการณ์ในคาร์ม็อบ ‘คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช’ หน้าอาคารซิโน-ไทย เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564
30 ต.ค. 2566
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)
ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นประมาท แม้จะเบิกความว่าข้อเรียกร้องในการชุมนุมไม่มีข้อใดที่เรียกร้องโดยตรงถึงกษัตริย์ แต่ไม่มีเหตุที่จะต้องกล่าวถึง ร.10 มาเปรียบเทียบให้เกิดความเสื่อมเสีย พิพากษาตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี พิเคราะห์แล้วจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และยังศึกษาอยู่ อยู่ในวิสัยที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
56คดี “บัสบาส” มงคล ถิระโคตร
โพสต์ข้อความ 2 โพสต์ วันที่ 28 และ 30 ก.ค. 2565
30 ต.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงราย)

4 ก.ย. 2567
(ศาลอุทธรณ์ภาค 5)
ศาลเห็นว่าทั้งสองข้อความเป็นความผิดตามมาตรา 112 ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือกระทงละ 2 ปี และบวกโทษจำคุกในคดีส่วนตัวที่เคยให้รอลงอาญาไว้ 6 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 6 เดือน

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
57คดีณัฐชนน ไพโรจน์
ถูกกล่าวหาว่าจัดพิมพ์หนังสือ “ปรากฏการณ์สะท้านฟ้า” ถอดเทปคำปราศรัย 10 ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ หรือ “หนังสือปกแดง”
8 พ.ย. 2566
(ศาลจังหวัดธัญบุรี)
ศาลเห็นว่าแม้ข้อความในหนังสือเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 แต่จากพยานหลักฐานโจทก์ นอกจากจำเลยแล้วก็มีบุคคลอีกหลายคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และถึงแม้ว่าจำเลยจะขึ้นปราศรัยในวันที่ 10 ส.ค. 2563 แต่ก็ไม่มีคำปราศรัยของจำเลยในหนังสือ และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จัดพิมพ์ อีกทั้งไม่ปรากฏหลักฐานว่าเจ้าหน้าที่ตรวจยึดหนังสือมาจากจำเลย พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ผลิตหรือครอบครองหนังสือดังกล่าว พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ริบหนังสือของกลางทั้งหมด
58คดี “โชติช่วง”
ถูกกล่าวหาว่าวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ ติดตั้งอยู่ที่สวนหย่อมใต้ทางต่างระดับบางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
30 พ.ย. 2566
(ศาลจังหวัดนนทบุรี)
ศาลเห็นว่าพระบรมฉายาลักษณ์เป็นสัญลักษณ์มีค่าเท่ากับพระมหากษัตริย์ ประดิษฐานไว้ให้ประชาชนเคารพสักการะ แสดงความจงรักภักดี พระบรมฉายาลักษณ์ที่เกิดเหตุตั้งอยู่ตรงข้ามห้างสรรพสินค้า มีประชาชนผ่านไปมาจำนวนมาก แสดงว่าการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าวต้องการให้ประชาชนที่ผ่านไปมาพบเห็น
เชื่อว่า จำเลยมีแนวคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ มีเจตนาวางเพลิงเผาทรัพย์ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เกิดความเสื่อมเสีย ลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี
59คดีจิรวัฒน์
แชร์โพสต์เฟซบุ๊ก 3 ข้อความ เกี่ยวกับการผูกขาดวัคซีน-ตั๋วช้าง และคำปราศรัยของมายด์ ภัสราวลี
6 ธ.ค. 2566
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)
ศาลเห็นว่าการแชร์ข้อความทั้งสามมีความผิดตามมาตรา 112 ทั้งหมด ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพในพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เป็นการตั้งคำถามซึ่งแสดงความเคารพตามที่จำเลยมีข้อต่อสู้ พิพากษาจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 9 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษหนึ่งในสาม เหลือจำคุก 6 ปี
60คดีรักชนก ศรีนอก
ทวีตข้อความเกี่ยวกับการผูกขาดวัคซีน และรีทวีตข้อความเกี่ยวกับกษัตริย์
13 ธ.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าข้อความมีเนื้อหาเป็นการกล่าวร้ายและอาฆาตมาดร้ายต่อรัชกาลที่ 10 และราชวงศ์จักรี ซึ่งย่อมหมายถึงพระราชินีด้วย แม้ไม่ได้พิมพ์ URL ไว้ แต่ไม่มีเหตุใดให้เชื่อว่าพนักงานสอบสวนและผู้กล่าวหาจะร่วมกันจัดแต่ง URL ขึ้นมาเอง ประกอบกับจำเลยไม่ได้ให้การทักท้วงหรือปฏิเสธความมีอยู่หรือความถูกต้องของ URL ในชั้นสอบสวน ข้อต่อสู้ของจำเลยในชั้นพิจารณาจึงมีน้ำหนักน้อย เห็นว่ามีความผิดตามฟ้องทั้งสองกระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี
61คดีนารา
ร่วมถ่ายทำและเผยแพร่คลิปวิดีโอโปรโมทแคมเปญลดราคาสินค้าของบริษัท Lazada
21 ธ.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา เห็นว่าจำเลยทำคลิปโฆษณาสินค้าลงเผยแพร่สาธารณะ โดยได้แสดงบทบาทสมมติต่าง ๆ มีการสวมใส่ชุดไทย ใช้คำพูดธรรมดาสามัญ ไม่ได้มีการใช้คำพูดราชาศัพท์ คำหยาบคายหรือดูหมิ่น ไม่มีการแสดงเครื่องหมายสัญลักษณ์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันกษัตริย์ และไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงในลักษณะการอาฆาตมาดร้าย จึงยังไม่ถึงขนาดเข้าข่ายมาตรา 112
ศาลยังอธิบายความหมายของรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ว่าถ้อยคำว่าผู้ใดจะละเมิดมิได้นั้น กล่าวคือพระมหากษัตริย์ไม่สามารถถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ เพราะการกระทำใด ๆ ของพระมหากษัตริย์จะเป็นความผิดไม่ได้ เพราะไม่ได้กระทำเองโดยตรง
62คดี “เก็ท โสภณ-โจเซฟ”
ปราศรัยในกิจกรรม #ฟื้นฝอยหาตะเข็บ #ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน ที่วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565
27 ธ.ค. 2566
(ศาลอาญาธนบุรี)
ศาลเห็นว่า “เก็ท โสภณ” มีความผิดตามมาตรา 112 คำปราศรัยทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสีย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ลงโทษจำคุก 3 ปี
แต่ยกฟ้อง “โจเซฟ” เห็นว่าปราศรัยกล่าวถึงรัชกาลที่ 1 เป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง
63คดี “ฟ้า-แอมมี่”
ปราศรัยหน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เรียกร้องปล่อยตัว “นิว สิริชัย” ผู้ถูกจับกุมคดี ม.112
(ฟ้า จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพหลังเริ่มสืบพยาน ส่วนแอมมี่ จำเลยที่ 2 ต่อสู้คดี)
28 ธ.ค. 2566
(ศาลจังหวัดธัญบุรี)
ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2 รับฟังจากพยานโจทก์ เห็นว่าขึ้นปราศรัยและร้องเพลงต่อจากจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ร่วมตระเตรียมกับพวกให้ร้องรับว่าอย่างไร การร้องรับจึงอาจเกิดจากเจตนาของจำเลยที่ 1 กับพวก จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2
ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุก 4 ปี ให้การรับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 2 ปี พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่รอลงอาญา
64คดีสุปรียา ใจแก้ว
วางป้ายผ้า “งบสถาบันฯ>งบเยียวยาประชาชน” บริเวณห้าแยกพ่อขุนเม็งราย จังหวัดเชียงราย
28 ธ.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงราย)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา เห็นว่า ข้อความเป็นการวิพากษ์วิจารณ์งบประมาณแผ่นดิน ไม่ปรากฏว่ามีลักษณะหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย และการจัดการงบประมาณแผ่นดินนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ไม่ใช่พระราชอำนาจ ข้อความดังกล่าวจึงไม่เป็นการใส่ความหรือให้ร้ายพระมหากษัตริย์ พยานโจทก์ยังแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มที่เห็นว่าเป็นความผิดกับไม่เป็นความผิด ซึ่งการตีความจะต้องพิจารณาจากภาวะวิสัย ไม่ใช่พิจารณาลงโทษจำเลยตามอัตวิสัยตามความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล
65คดีอานนท์ นำภา
กรณีโพสต์ 3 ข้อความในเฟซบุ๊ก เมื่อเดือนมกราคม 2564 มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การบังคับใช้มาตรา 112 กับผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ และเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันฯ
17 ม.ค. 2567
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าพยานโจทก์ทุกปากที่เข้านำสืบเบิกความในทำนองเดียวกันว่า โพสต์ทั้งสามมีลักษณะใส่ร้าย ร.10 ทำให้รู้สึกไม่ดีและดูหมิ่นเกลียดชัง
แม้จะใช้คำว่า “ระบอบกษัตริย์” และ “สถาบันกษัตริย์” ไม่ได้มีการเจาะจงถึง ร.10 แต่เมื่ออ่านข้อความทั้งหมดแล้ว จะเข้าใจได้ว่าสื่อถึงรัชกาลที่ 10 นอกจากนี้ การที่จำเลยขอออกหมายเรียกเอกสารสำคัญอย่างตารางการเดินทางเข้าออกประเทศของ ร.10 เห็นว่า หากไม่ได้มุ่งหมายถึงในหลวงแล้ว เหตุใดถึงต้องอ้างหลักฐานดังกล่าว อีกทั้งจำเลยยังเบิกความอ้างว่า ต้องการแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ ร.10 ให้กลับไปเป็นเหมือนในสมัย ร.9 จึงเป็นการตอกย้ำยืนยันว่า ทั้งสามข้อความกล่าวถึงกษัตริย์องค์ปัจจุบัน เห็นว่ามีความผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี
66คดีภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
ปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ24มีนา64 #เพราะประเทศนี้เป็นของราษฎร ที่สี่แยกราชประสงค์
31 ม.ค. 2567
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)
ศาลเห็นว่าข้อความปราศรัยเป็นการกล่าวให้กษัตริย์เสื่อมเสีย และแม้จำเลยจะต่อสู้ในชั้นศาลโดยมีพยานหลักฐานเป็นเอกสารอ้างอิงข้อมูลคำปราศรัย แต่ศาลห็นว่าหากจำเลยมุ่งหมายจะเสนอข้อแนะนำ ย่อมนำเอกสารต่างๆ ไปอ้างอิงในการกล่าวปราศรัยได้ ไม่มีเหตุจำเป็นต้องกล่าวปราศรัยให้กษัตริย์เสื่อมเสีย การกระทำของจำเลยทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในสถาบันกษัตริย์  ลงโทษจำคุก 3 ปี ทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี เห็นว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุก และกำลังศึกษาอยู่ ให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี
* คดีสิ้นสุดแล้ว
67คดี “ฟลุค กิตติพล”
ถือป้าย “ไม่มีจะแดกในรัชกาลที่ 10” ระหว่างกิจกรรมคาร์ม็อบอุบลราชธานี
7 ก.พ. 2567
(ศาลจังหวัดอุบลราชธานี)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าข้อความไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พยานโจทก์ก็เบิกความว่า “ในรัชกาลที่ 10” อาจหมายถึงระยะเวลาหรือยุคสมัย ไม่ใช่ตัวบุคคลหรือองค์พระมหากษัตริย์เพียงอย่างเดียว จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่แท้จริงจะสื่อถึงพระมหากษัตริย์ในช่วงเวลานั้นๆ 
68คดี “สามราษฎรใต้”
ขับขี่รถไปถ่ายภาพสถานที่ในพัทลุง และนำภาพถ่ายไปใส่ข้อความทางการเมืองประกอบ ก่อนโพสต์ลงในเพจเฟซบุ๊ก “พัทลุงปลดแอก” และ “ประชาธิปไตยในด้ามขวาน”
13 ก.พ. 2567
(ศาลจังหวัดพัทลุง)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
69คดี “ขนุน” สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ
ปราศรัยในชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2563
25 มี.ค. 2567
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)
ศาลเห็นว่าคำปราศรัยของจำเลย เป็นข้อความมิบังควร จาบจ้วง ให้ร้าย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ดูหมิ่น เกลียดชัง ไม่ใช่การติชมโดยสุจริต พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา
70คดี “สมพล” ปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 บริเวณทางขึ้นทางด่วนศรีสมาน ปากเกร็ด27 มี.ค. 2567
(ศาลจังหวัดนนทบุรี)
ศาลยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 112 เห็นว่าจำเลยมีเจตนามุ่งทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ไม่มีข้อความหรือการกระทำที่เป็นการดูหมิ่น-อาฆาตมาดร้าย แต่ลงโทษในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 1 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
71คดีอานนท์ นำภา
ปราศรัยในการชุมนุม ‘เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชน’ หรือ #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์2 ที่ลานหอศิลปกรุงเทพฯ วันที่ 3 ส.ค. 2564
29 เม.ย. 2567
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)
ศาลเห็นว่าจำเลยกล่าวใส่ความรัชกาลที่ 10 ว่านำของที่ประชาชนใช้ร่วมกันมาเป็นของตนเอง เป็นการหมิ่นประมาท แม้จำเลยจะเบิกความว่าเป็นการวิจารณ์ตรงไปตรงมา แต่ไม่อาจถ่ายทอดความเข้าใจของจำเลยซึ่งเป็นผู้กล่าวเท่านั้น มาตรา 112 ไม่ได้มีเหตุยกเว้นความผิดในทำนองเดียวกับความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือ 2 ปี รวมโทษกับข้อหาอื่น คือจำคุก 2 ปี 20 วัน
72คดีภาณุพงศ์ จาดนอก
โพสต์ข้อความ #ราษฎรสาส์น ถึงสถาบันกษัตริย์
8 พ.ค. 2567
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าข้อความที่จำเลยโพสต์เจตนาต้องการสื่อตรงถึงรัชกาลที่ 10 มีลักษณะเป็นการลดทอนคุณค่าของสถาบันกษัตริย์ฯ โดยประการที่น่าจะทำให้รัชกาลที่ 10 ทรงเสื่อมเสียชื่อเสียง ทรงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง จึงเห็นว่ามีความผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 3 ปี
73คดีชลธิชา แจ้งเร็ว
ปราศรัยประเด็นการแก้ไขกฎหมายโอนย้ายทรัพย์สินของกษัตริย์ หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2564 
27 พ.ค. 2567
(ศาลจังหวัดธัญบุรี)
ศาลเห็นว่าคำปราศรัยทำให้ประชาชนคิดว่าพระมหากษัตริย์เอาทรัพย์สินส่วนรวมมาเป็นส่วนตัว แทรกแซงอำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ เป็นการทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 2 ปี
74คดีแอมมี่-ปูน
ถูกกล่าวหาวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์หน้าเรือนจำคลองเปรม
27 พ.ค. 2567
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่า แม้จำเลยจะอ้างว่าการเผาเป็นเพียงการแสดงออกเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางการเมือง แต่ย่อมแสดงให้เห็นว่า หากไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของจำเลย จำเลยย่อมสามารถเผาหรือทำลายตัวพระมหากษัตริย์ได้ จึงถือเป็นการขู่เข็ญและเป็นการลดคุณค่าของตัวพระมหากษัตริย์ ทั้งจำเลยที่ 1 (แอมมี่) ยังเผยแพร่ภาพให้พระมหากษัตริย์เสื่อมเสียชื่อเสียง ลงโทษแอมมี่ตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี และตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษหนึ่งในสาม เหลือจำคุก 4 ปี
ส่วนจำเลยที่ 2 (ปูน) ลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เนื่องจากขณะเกิดเหตุอายุ 18 ปี เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน และให้การเป็นประโยชน์ลดโทษหนึ่งในสาม เหลือจำคุก 1 ปี
75คดีมิกกี้บัง-จิตริน
ถูกกล่าวหาเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ และวางเพลิงเผาป้อมควบคุมสัญญาณไฟจราจร ใน #ม็อบ19กันยา64
30 พ.ค. 2567
(ศาลอาญา)
ศาลพิจารณาพยานหลักฐานแล้ว เชื่อว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนร่วมในการเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ และเชื่อตามพยานโจทก์ ที่อ้างว่าการวางเพลิงรูปเป็นการสาปแช่ง อาฆาตมาดร้าย เป็นการกระทำที่ไม่สมควร ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ เข้าข่ายมาตรา 112 ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี และลงโทษเฉพาะมิกกี้บังกรณีวางเพลิงเผาป้อมเพิ่ม
76คดี “เพชร-บีม”
เข้าร่วมกิจกรรม #ใครๆก็ใส่ครอปท็อป ไปเดินสยามพารากอน เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2563
5 มิ.ย. 2567
(ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง)
ศาลพิจารณาว่าจำเลยทั้งสองเข้าร่วมกิจกรรมโดยตลอด แม้จะได้อ่านดูข้อความบนร่างกายและการแสดงออกของนักกิจกรรมคนอื่นๆ หากจำเลยทั้งสองไม่มีเจตนาดูหมิ่นและหมิ่นประมาทก็ควรจะปลีกตัวแยกออกไป แต่จำเลยทั้งสองคนไม่ได้ปลีกตัวแยกออกไปแต่อย่างใด ยังคงอยู่ทำกิจกรรม จึงมีลักษณะเป็นการเห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว ให้ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี แต่ทั้งสองมีอายุ 17 ปี จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน  พิจารณารายงานพฤติกรรมและประวัติการศึกษาแล้ว ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นเข้ารับการฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ กำหนดระยะเวลาขั้นต่ำ 1 ปี และขั้นสูง 2 ปี โดยต้องรับการฝึกวิชาชีพจำนวน 3 หลักสูตร และต้องศึกษาสายสามัญให้สำเร็จ
77คดีอานนท์ นำภา
โพสต์เฟซบุ๊ก 2 ข้อความ โพสต์วิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินของรัชกาลที่ 10
25 ก.ค. 2567
(ศาลอาญา)
ศาลวินิจฉัยโต้แย้งข้อต่อสู้ของอานนท์ ว่าการใช้อำนาจของรัชกาลที่ 10 ในการแก้รัฐธรรมนูญหลังผ่านประชามติ ไม่ขัดต่อหลักการปกครอง และการออกกฎหมายเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับทรัพย์สินกษัตริย์และการจัดการบริหารราชการในพระองค์ เป็นความเห็นชอบของสภา ไม่เกี่ยวข้องกับพระองค์ จึงเห็นว่าจำเลยใส่ความพระมหากษัตริย์ทำให้พระองค์เสื่อมเสียพระเกียรติ ไม่ได้เป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 6 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดหนึ่งในสาม เหลือจำคุก 4 ปี
78คดีพริษฐ์ ชิวารักษ์
โพสต์ภาพรัชกาลที่ 10 กลับหัวและมีข้อความประกอบ ในวันที่ 28 ก.ค. 2564
31 ก.ค. 2567
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าภาพและข้อความของจำเลยเข้าลักษณะดูหมิ่นและแสดงความอาฆาดมาดร้ายรัชกาลที่ 10 ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี
79คดี “ตี๋”
ถูกกล่าวหาว่าแจกจ่าย “หนังสือปกขาว” รวมบทปราศรัยคัดสรรคดี 112 ระหว่างงานรับปริญญาที่ ม.นเรศวร เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2564
29 ส.ค. 2567
(ศาลจังหวัดพิษณุโลก)
ศาลเห็นว่าจากพยานหลักฐานของเจ้าพนักงานตำรวจ เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นแกนนำทำกิจกรรม ส่วนข้อความในหนังสือ เห็นว่ามี 3 ข้อความที่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 และเชื่อว่าจำเลยต้องทราบเนื้อหาในหนังสือ เนื่องจากจำเลยกับพวกทำกิจกรรมเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ย่อมพิจารณาแล้วว่าหนังสือดังกล่าวเป็นหนังสือที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่พิจารณาจากอายุของจำเลยและพฤติการณ์ที่ปรากฏว่ามีเพียงการแจกหนังสือให้เจ้าพนักงานตำรวจ ไม่ปรากฏว่ามีการแจกให้บุคคลทั่วไป โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
80คดีจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา-อรรถพล บัวพัฒน์
ปราศรัยในการชุมนุมที่ภูเขียว เรียกร้องให้ตำรวจขอโทษจากการคุกคามนักเรียน กรณีจัดค่าย “ราษฎรออนทัวร์”
13 ก.ย. 2567
(ศาลจังหวัดภูเขียว)
ศาลเห็นว่าจตุภัทร์ปราศรัยว่า “ปัญหาของสังคมไทยที่ยาวนานก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์…” ทำให้เกิดความรู้สึกว่า กษัตริย์ไม่ดูแลประชาชน อันเป็นการกล่าวหาว่า ไม่อยู่ในทศพิธราชธรรม เป็นการด้อยค่าสถาบันกษัตริย์  ส่วนคำปราศรัยอรรถพล ศาลเห็นว่าประชาชนที่รับฟังอาจเข้าใจว่า กษัตริย์สั่งระเบิดภูเขา อันเป็นการใส่ความ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ
ศาลลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี ศาลเห็นว่าจตุภัทร์เคยต้องคำพิพากษาจำคุก และได้กระทำผิดซ้ำ จึงเพิ่มโทษกึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 4 ปี 6 เดือน จำเลยทั้งสองให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจตุภัทร์ 2 ปี 12 เดือน และจำคุกอรรถพล 2 ปี  
81คดีปิยรัฐ จงเทพ
ถูกกล่าวหากรณีติดป้ายวิจารณ์เรื่องวัคซีนโควิด บนถนนในกาฬสินธุ์ และเผยแพร่ภาพในเพจเฟซบุ๊ก
11 ต.ค. 2567
(ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์มีความน่าสงสัยตามสมควรว่า จำเลยเป็นผู้ติดตั้งป้ายและโพสต์ภาพป้ายเองหรือไม่ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
82คดี “สินธุ”
ถูกกล่าวหาคอมเมนต์ข้อความท้ายโพสต์ของเพจ The MalaengtaD
28 ต.ค. 2567 (ศาลจังหวัดพัทลุง)ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กตามฟ้องจริง พยานโจทก์ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย และเห็นว่าถ้อยคำที่โพสต์แสดงความเห็นเป็นการดูหมิ่น เหยียดหยามพระมหากษัตริย์และพระราชินี พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
83คดี “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ปราศรัยในกิจกรรมวันแรงงานสากล #แจกน้ำยาให้หมามันกิน ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล วันที่ 1 พ.ค. 256529 ต.ค. 2567
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าลักษณะคำปราศรัยของจำเลยเป็นการใส่ความต่อรัชกาลที่ 10 ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย อีกทั้งบทบัญญัติมาตรา 112 ไม่มีให้ยกเว้นความผิดหรือยกเว้นโทษเหมือนกับความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป การปราศรัยของจำเลยจึงไม่ใช่การใช้เสรีภาพในการแสดงความเห็นโดยสุจริต ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี
84คดี “หนูรัตน์” สุภัคชญา ชาวคูเวียง ร่วมถ่ายทำวิดีโอโปรโมทแคมเปญลดราคาสินค้าของบริษัท Lazada30 ต.ค. 2567
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ ไม่ใช่เจ้านายเชื้อพระบรมราชวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลฯ จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดมาตรา 112 และมาตรา 112 ไม่ได้หมายรวมถึงสถาบันกษัตริย์ การกระทำที่เป็นความผิดจึงต้องเป็นการแสดงออกหรือมีถ้อยคำที่หมายถึงตัวบุคคลเท่านั้น  การบังคับใช้มาตรา 112 ไม่ควรตีความในทางขยายความให้เกินกว่าข้อบัญญัติของกฎหมาย และศาลเห็นว่า การแสดงบทบาทดังกล่าวของจำเลยยังไม่สามารถสื่อถึงพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดตามฟ้องได้
85คดีอานนท์ นำภา
โพสต์ข้อความ #ราษฎรสาส์น
3 ธ.ค. 2567
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าข้อความที่จำเลยโพสต์ทำให้ประชาชนเข้าใจว่ากษัตริย์รัชกาลปัจจุบันก้าวล่วงละเมิดต่อหลักประชาธิปไตย ขยายอำนาจเกินขอบเขต ใช้ภาษีเกินความจำเป็น ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ วิธีการของจำเลยไม่ใช่ความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ เจตนาที่จำเลยกล่าวอ้างว่าเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ ไม่สามารถดูแค่เจตนาของจำเลยเพียงอย่างเดียวได้ พิพากษาว่ามีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 
86คดี “สมพล”
ปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 จำนวน 3 ป้าย ในพื้นที่เขตดอนเมือง
3 ธ.ค. 2567
(ศาลอาญา)
จำเลยต่อสู้ในข้อหามาตรา 112 และรับสารภาพในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ศาลเห็นว่าพระบรมฉายาลักษณ์มีไว้เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้สักการะ เคารพเทิดทูน จึงเปรียบเสมือนตัวแทนกษัตริย์ หากจำเลยมีเพียงเจตนาทำให้เสียทรัพย์ ก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องกระทำเฉพาะเจาะจงกับพระบรมฉายาลักษณ์ในหลายท้องที่ อีกทั้งยังมีการเตรียมและวางแผนล่วงหน้า เห็นว่ามีความผิดตามมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี ส่วนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี จำเลยรับสารภาพ จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 12 เดือน รวมพิพากษาจำคุก 2 ปี 12 เดือน
87คดีอานนท์ นำภา
ปราศรัย #เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย หรือม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2563
19 ธ.ค. 2567
(ศาลอาญา)
[ศาลสั่งพิจารณาเป็นการลับ และจำเลยไม่ได้ถามค้านพยานโจทก์ หรือนำสืบพยานฝ่ายตน]
ศาลเห็นว่าจำเลยกล่าวปราศรัยใส่ร้ายกษัตริย์ว่าแทรกแซงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันฝ่าฝืนต่อความเป็นจริง เป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ จึงเห็นเจตนาจำเลยได้ว่า จำเลยกล่าวอ้างใส่ร้ายพระมหากษัตริย์โดยมุ่งหวังให้เกิดความวุ่นวายในสังคม และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 6 พิพากษาจำคุก 4 ปี ให้การเป็นประโยชน์ลดหนึ่งในสาม เหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน

.

คดีที่จำเลยรับสารภาพ และศาลมีคำพิพากษา อย่างน้อย 84 คดี

แยกเป็นคดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา 37 คดี, คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยให้รอลงอาญา 44 คดี และคดีที่ศาลให้รอกำหนดโทษ 3 คดี

.

X