สถิติคดีมาตรา 112 ที่ศาลมีคำพิพากษา

หลังนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กลับมาบังคับใช้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมา หลังการชุมนุมเยาวชนปลดแอกและข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ คดีข้อหานี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ดูสถิติคดีเท่าที่ทราบข้อมูล) ในปี 2565-66 ศาลได้ทยอยมีคำพิพากษาในแต่ละคดีออกมาเป็นระยะ

ตารางข้อมูลต่อไปนี้รวบรวมผลคำพิพากษาในคดีมาตรา 112 เท่าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนติดตามข้อมูล เฉพาะคดีที่เกิดขึ้นนับแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมา ทั้งนี้ผลของคดีเหล่านี้ ยังไม่ถึงที่สุด หลายคดีมีการอุทธรณ์และฎีกาคำพิพากษาต่อไป

** เท่าที่ทราบข้อมูล จนถึงวันที่ 26 ก.ย. 2566

.

คดีที่จำเลยต่อสู้คดี และศาลมีคำพิพากษา จำนวนอย่างน้อย 51 คดี

แยกเป็นคดีที่ศาลยกฟ้อง 15 คดี, คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา 23 คดี, คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยให้รอลงอาญา 7 คดี และคดีที่ศาลยกฟ้องข้อหามาตรา 112 แต่ลงโทษในข้อหาอื่นๆ 6 คดี

ลำดับชื่อคดี/เหตุแห่งคดีวันที่พิพากษาผลคำพิพากษาโดยสรุป
1คดีจรัส
คอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจพอเพียง
30 พ.ย. 2564
(ศาลจังหวัดจันทบุรี)

22 พ.ย. 2565
(ศาลอุทธรณ์ภาค 2)
ศาลพิพากษายกฟ้องเฉพาะข้อหา ม.112 เห็นว่าองค์ประกอบ ม.112 คุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงครองราชย์อยู่เท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) เห็นว่าข้อความกระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชนทั่วไป พิพากษาจำคุก 1 ปี 4 เดือน และปรับเงิน 26,666.66 บาท แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี

ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 2 กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น เห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 เนื่องจากแม้กระทำต่อกษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้ว ก็กระทบองค์ปัจจุบัน ลงโทษจำคุก 3 ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
* คดีสิ้นสุดแล้ว
2คดีนรินทร์
แปะสติกเกอร์ “กูkult” คาดตาบนรูปรัชกาลที่ 10
4 มี.ค. 2565
(ศาลอาญา)

2 พ.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการแสดงว่ามีความยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระมหากษัตริย์ เป็นการลบหลู่ ดูหมิ่น แม้ไม่ได้เป็นการกระทำต่อตัวกษัตริย์โดยตรง แต่ก็แปลความหมายได้ในลักษณะเดียวกัน
พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษจำคุก 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา 

ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาเป็นยกฟ้อง เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังมีพิรุธสงสัย ว่าจำเลยได้เป็นผู้กระทำตามที่ถูกฟ้องหรือไม่
3คดีอิศเรศ อุดานนท์
โพสต์กรณียังไม่แต่งตั้งกษัตริย์ใหม่ หลังการสวรรคต
16 มี.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนครพนม)

26 ก.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 4)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา ข้อความที่จำเลยโพสต์ไม่ได้แสดงความอาฆาตมาดร้าย มิได้ระบุถึงบุคคลที่ถูกดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทให้รู้ได้แน่นอนว่าเป็นใคร อีกทั้ง ม.112 ไม่บัญญัติถึงสถาบันกษัตริย์ พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟังลงโทษจำเลยได้ และเมื่อไม่ผิด ม.112 จึงไม่เป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นว่าแม้จําเลยใช้ถ้อยคําไม่สุภาพและรุนแรง แต่ไม่ถึงขนาดเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น อีกทั้งข้อความดังกล่าวไม่ได้เป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น 
4คดี “วุฒิภัทร”
โพสต์คอมเมนต์ข้อความเกี่ยวกับ 3 จำเลยกรณีสวรรคต ร.8
25 มี.ค. 2565
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)

27 เม.ย. 2566
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลพิพากษายกฟ้องเฉพาะข้อหา ม.112 เห็นว่าองค์ประกอบ ม.112 คุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์ที่ยังทรงครองราชย์อยู่เท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) เห็นว่าข้อความกระทบกระเทือนความรู้สึกของประชาชนทั่วไป พิพากษาจำคุก 1 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาเห็นว่ามีความผิดตามมาตรา 112 เห็นเป็นการดูหมิ่นอดีตพระมหากษัตริย์ ย่อมกระทบกษัตริย์องค์ปัจจุบันด้วย พิพากษาจำคุก 5 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 3 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
5คดีสมบัติ ทองย้อย
โพสต์ “เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ” และข้อความกล่าวถึงการทำตัวใกล้ชิดประชาชน
28 เม.ย. 2565 (ศาลอาญากรุงเทพใต้)

13 ก.ย. 2566
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 จำนวน 2 กรรม เห็นว่าข้อความเป็นสิ่งที่ไม่บังควร มีลักษณะเป็นการจาบจ้วง และชี้ให้เห็นถึงเจตนาของจําเลยที่ต้องการจะดูถูก ด้อยค่าพระมหากษัตริย์ อันเข้าลักษณะเป็นการดูหมิ่นแล้ว พิพากษาจําคุกกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง เป็นจําคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่เห็นว่าให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือกระทงละ 2 ปี เหลือจำคุก 4 ปี
6คดีมีชัย
โพสต์วิจารณ์การใช้ภาษีของสถาบันกษัตริย์
18 ก.ค. 2565
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 เห็นว่าข้อความที่โพสต์เป็นความเท็จ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ มีเจตนาลดเกียรติและดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พิพากษาจำคุก 4 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
7คดีอุดม
โพสต์ข้อความรวม 7 ข้อความ
26 ก.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)

30 ส.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 9)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 ใน 2 ข้อความ ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมโทษจำคุก 6 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือโทษจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ขณะที่ศาลเห็นว่า ม.112 คุ้มครองเฉพาะผู้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน ทำให้ข้อความตามฟ้องใน 4 ข้อความ ไม่ครบองค์ประกอบ ขณะที่อีก 1 ข้อความ โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าหมายถึงบุคคลใด

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
8คดี “กัลยา”
โพสต์ข้อความ 2 กระทง
2 ส.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 ในทั้ง 2 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมโทษจำคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา
9คดีปริญญา ชีวินกุลปฐม หรือ “พอร์ท ไฟเย็น”
โพสต์ข้อความ 3 ข้อความ
15 ส.ค. 2565
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 ทั้ง 3 ข้อความ จำคุกกระทงละ 3 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุกรวม 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา
10คดี “นิว” จตุพร แซ่อึง
แต่งชุดไทยเดินแฟชั่นโชว์บนถนนสีลม ในม็อบ29ตุลา63
12 ก.ย. 2565
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เห็นว่าจำเลยมีการแสดงตนเป็นราชินี ในเชิงล้อเลียนเสียดสี ก่อให้เกิดความตลกขบขัน เป็นการไม่แสดงความเคารพต่อสถาบันกษัตริย์ อันเป็นกระทำที่ไม่บังควร
11คดีทิวากร วิถีตน
ถ่ายรูปสวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” พสต์ลงเฟซบุ๊ก รวมถึงโพสต์เรียกร้องให้สถาบันกษัตริย์ยุติการใช้มาตรา 112 และปล่อย 4 แกนนำราษฎร
29 ก.ย. 2565
(ศาลจังหวัดขอนแก่น)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าข้อความของจำเลยไม่ได้ระบุให้รู้ได้โดยแน่นอนว่าเป็นองค์พระมหากษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะ ขึ้นกับการตีความของบุคคล และสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 112 พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีไม่พอที่จะลงโทษจำเลยในทุกข้อหาได้
12คดี “วารี”
นำภาพจากทวิตเกี่ยวกับการเลือกปกป้องกษัตริย์ของตำรวจ มาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก รวมถึงการโพสต์รูปการ์ตูนล้อเลียนตำรวจในคอมเมนต์ และการแชร์โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ประยุทธ์ที่สั่งปิดกั้นเพลงของ R.A.D 
6 ต.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าพยานโจทก์ยังไม่พอให้เชื่อได้ว่าจำเลยเป็นผู้นำเข้าโพสต์ดังกล่าว มีเพียงผู้กล่าวหาคนเดียวที่เบิกความว่าจำเลยโพสต์ แต่กลับเบิกความถึงการเห็นโพสต์แตกต่างกัน อีกทั้งภาพที่นำมาแจ้งความก็ไม่ปรากฏ URL ประกอบการคำเบิกความของพยานจำเลยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งสองเห็นว่า ภาพมีการตัดต่อมา
13คดีภัคภิญญา
แชร์ข้อความจากเพจทางการเมืองต่างๆ รวม 6 ข้อความ
19 ต.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 รวม 3 ข้อความ จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 9 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนอีก 3 ข้อความให้ยกฟ้อง
14คดีพิพัทธ์
โพสต์ภาพรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกรฯ พร้อมใส่ข้อความแทรกบนภาพ 2 ประโยค ในกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส”
26 ต.ค. 2565
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าหลักฐานที่ผู้กล่าวหานำมาแจ้งความ เป็นการแคปภาพหน้าจอ ไม่ใช่สิ่งพิมพ์จากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง พยานหลักฐานของโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์มีจุดเริ่มต้น และปลายทางส่งข้อมูลเป็นอย่างไร หมายเลขประจำตัวเครื่องคอมพิวเตอร์คืออะไร ซึ่งเป็นข้อมูลระบุตัวตนสำคัญ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัย
15คดีธนกร
ปราศรัยในการชุมนุม 6 ธ.ค. 2563 ที่วงเวียนใหญ่
22 พ.ย. 2565
(ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง)
ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 112 แม้คำปราศรัยจะไม่ได้มีการกล่าวถึงพระนามของกษัตริย์พระองค์ใด แต่เห็นว่ามาตรา 112 ไม่ได้คุ้มครองแค่กษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่คุ้มครองทั้งสถาบันกษัตริย์ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ ม.142 (1) เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นคุมประพฤติ นำตัวไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน กำหนดขั้นต่ำ 1 ปี 6 เดือน ขั้นสูงไม่เกิน 3 ปี
16คดีพรชัย วิมลศุภวงศ์
ไลฟ์สดและโพสต์ข้อความ รวม 3 โพสต์
15 ธ.ค. 2565
(ศาลจังหวัดยะลา)
ศาลเห็นว่าจำเลยโพสต์คลิปวิดีโอมีเนื้อหาสื่อถึงรัชกาลที่ 10 ที่วางตัวไม่เป็นกลางทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัย เห็นว่าเป็นการดูหมิ่น จาบจ้วง ตามมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือ 2 ปี
ส่วนข้อความอีก 2 โพสต์ พยานหลักฐานโจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นว่าจำเลยเป็นผู้โพสต์ จึงยกฟ้อง
17คดี “ชัยชนะ” ผู้ป่วยจิตเวช
ถูกกล่าวหาโพสต์ข้อความ 4 โพสต์
21 ธ.ค. 2565
(ศาลจังหวัดนราธิวาส)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้งานหรือเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กตามฟ้อง ขณะที่จำเลยถูกจับกุม ตำรวจได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของจำเลยมาตรวจสอบด้วย แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการเข้าใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กที่ถูกกล่าวหา อีกทั้ง จำเลยได้ให้การปฏิเสธตลอดมา ประกอบกับจำเลยมีอาการทางจิต จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
18คดีธนกร
ปราศรัยในการชุมนุม 10 ก.ย. 2563 ที่ท่าน้ำนนทบุรี
22 ธ.ค. 2565
(ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี)
ศาลเห็นว่าถ้อยคำปราศรัยของจำเลยเป็นการกล่าวหาที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง และเกิดความเข้าใจผิดต่อพระมหากษัตริย์ เห็นว่าจำเลยมีความผิดตาม ม.112 แต่ขณะเกิดเหตุมีอายุ 17 ปีเศษ เห็นควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน เพื่อให้การแก้ไขบำบัดฟื้นฟูจำเลยเป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ จึงรอการลงโทษจำคุก 2 ปี และให้กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับความประพฤติ
19คดีสิทธิโชค เศรษฐเศวต
ถูกกล่าวหาว่าราดของเหลวคล้ายน้ำมันลงที่ฐานพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10-ราชินี ในระหว่างการชุมนุม 18 ก.ค. 2564
17 ม.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าจำเลยบีบของเหลวสีม่วงใส่ผ้าประดับซุ้มฯ ไฟก็ลุกพรึบขึ้นมา น่าเชื่อว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงหรือวัตถุไวไฟบางชนิด ที่จำเลยเบิกความว่าต้องการช่วยดับไฟนั้น เป็นการเบิกความลอยๆ พยานโจทก์ยังเบิกความว่าพระบรมฉายาลักษณ์มีค่าเท่าตัวบุคคล มีไว้กราบไหว้และเป็นที่เคารพสักการะ การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 3 ปี ตามมาตรา 112 และจำคุกอีก 6 เดือน ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุกรวม 2 ปี 4 เดือน 
20คดี “ไลลา”
ปลดพระบรมฉายาลักษณ์ระหว่างการชุมนุมในมธ.ลำปาง วันที่ 17 ต.ค. 2563
17 ม.ค. 2566
(ศาลจังหวัดลำปาง)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏอย่างชัดเจนว่าจำเลยได้ร่วมกันกระทำตามฟ้อง คดีจึงมีเหตุอันควรสงสัยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
* คดีสิ้นสุดแล้ว
21คดี “นคร”
แชร์โพสต์ข้อความ 2 โพสต์
25 ม.ค. 2566
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ พิสูจน์ไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดจริง จึงต้องยกประโยชน์ความสงสัย
22-23คดีมงคล ถิระโคตร
พิจารณาร่วมกันสองคดี ได้แก่ คดีโพสต์เฟซบุ๊ก 25 ข้อความ และ 2 ข้อความ
26 ม.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงราย)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดใน 14 กรรม ที่เป็นข้อความเกี่ยวกับรัชกาลที่ 10 และยกฟ้องอีก 13 กรรม ที่เป็นข้อความเกี่ยวกับอดีตกษัตริย์หรือไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ พิพากษาจำคุกกระทงละ 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้เหลือกระทงละ 2 ปี รวมโทษจำคุก 28 ปี
24คดีแขวนป้ายผ้า “งบสถาบันกษัตริย์>วัคซีนCOVID19” ที่จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 256331 ม.ค. 2566
(ศาลจังหวัดลำปาง)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าข้อความในป้ายไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 112 ไม่ได้ระบุว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ แต่ลงโทษปรับเฉพาะจำเลยที่ 1 ในข้อหาตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ
25คดี “นิว” สิริชัย นาถึง
พ่นสีสเปรย์ข้อความ “ยกเลิก 112 และ “ภาษีกู” บนรูปพระราชวงศ์บริเวณย่านคลองหลวง
15 ก.พ. 2566
(ศาลจังหวัดธัญบุรี)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตามฟ้อง เห็นว่าแม้ไม่ได้พ่นข้อความบนพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 แต่การพ่นบนรูปภาพของสมาชิกราชวงศ์ ย่อมส่งผลกระทบต่อรัชกาลที่ 10 เป็นการกระทำที่ด้อยค่าและทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมเสีย ลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุกกระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 6,000 บาท รวม 5 กระทง เป็นจำคุก 10 เดือน ปรับ 30,000 บาท และกรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ลงโทษปรับ 1,177 บาท รวมโทษจำคุก 3 ปี 10 เดือน ปรับ 31,177 บาท แต่ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุก และจำเลยยังเป็นนักศึกษาอยู่ โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
26คดีสุรีมาศ
แชร์ลิงก์คลิปผู้ทำพิธีขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง’
20 ก.พ. 2566
(ศาลจังหวัดกระบี่)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา เห็นว่าจำเลยมีพยานเบิกความให้เห็นว่าหากไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มส่วนตัว ก็จะปรากฏเห็นเพียงภาพหน้าปกของกลุ่มส่วนตัว การที่จะเห็นลิงก์ตามโพสต์ต้นทางได้นั้น จะต้องเป็นสมาชิกของกลุ่มก่อน โดยพยานทำคลิปจำลองสถานการณ์อย่างละเอียด เป็นลำดับขั้นตอน มีน้ำหนัก และน่าเชื่อถือ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความชำนาญในการใช้เฟซบุ๊กถึงขนาดที่จะทราบสถานการณ์ดังกล่าวได้ กรณีจึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่  ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
27คดีของ “ต้นไม้”
กรณีจัดจำหน่ายปฏิทินตั้งโต๊ะ รูปเป็ดเหลือง ประจำปี 2564 ในเพจเฟซบุ๊ก “ราษฎร”
7 มี.ค. 2566
(ศาลอาญาตลิ่งชัน)
ศาลลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความในทำนองเดียวกันว่าภาพเป็ดในปฏิทินสื่อถึงรัชกาลที่ 10 เป็นการด้อยค่า หมิ่นประมาท สร้างความเสื่อมเสียศรัทธาต่อพระมหากษัตริย์ ขณะที่จำเลยได้มีส่วนในการกระทำความผิดร่วมกัน และหากไม่เห็นเนื้อหาในปฏิทินก็ต้องเห็นหน้าปกที่มีข้อความว่า ‘ปฏิทินพระราชทาน’ ขณะที่พยานจำเลยเบิกความเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น
28คดีพรชัย วิมลศุภวงศ์
โพสต์ข้อความ รวม 4 โพสต์
13 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ศาลเห็นว่าที่จำเลยอ้างว่าบัญชีเฟซบุ๊กถูกโจรกรรมเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีพยานหลักฐาน จึงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความ ลงโทษตามมาตรา 112 ที่เป็นบทหนักสุด จำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 4 กรรม รวมจำคุก 12 ปี
29คดีของ “ใจ”
ทวีตรูปภาพและข้อความเกี่ยวกับรัชกาลที่ 9
14 มี.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่ามาตรา 112 ไม่ได้บัญญัติว่าคุ้มครองเฉพาะกษัตริย์ที่ครองราชย์อยู่เท่านั้น และแม้จะสวรรคตไปแล้ว ก็ยังมีความผิด เนื่องจากข้อความดังกล่าวกระทบต่อรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นพระราชโอรส และทรงขึ้นครองราชย์อยู่ในปัจจุบัน ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี
30คดีฉัตรมงคล วัลลีย์
คอมเมนต์ข้อความในโพสต์ของเพจ “ศรีสุริโยไท”
27 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงราย)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อกล่าวหา พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ เห็นว่าไม่มีพยานบุคคลและหลักฐานยืนยันว่าจำเลยกระทำผิด จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
31คดี “สมพล”
ปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 ในพื้นที่ สภ.ปากคลองรังสิต
28 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดปทุมธานี)
ศาลยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 112 เห็นว่าจำเลยมีเจตนามุ่งทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นเท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตามมาตรา 360 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน การกระทำของจำเลยไม่เหมาะสม มีความร้ายแรง จึงไม่รอการลงโทษ
32คดี “สมพล”
ปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 3 จุด ในพื้นที่ สภ.เมืองปทุมธานี
28 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดปทุมธานี)
ศาลยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 112 เห็นว่าจำเลยมีเจตนามุ่งทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นเท่านั้น แต่ลงโทษในข้อหาตามมาตรา 360 จำคุกกระทงละ 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวมจำคุก 18 เดือน ไม่รอการลงโทษ
33คดี “สายน้ำ”
ถูกกล่าวหาแปะกระดาษ “CANCEL LAW 112” และใช้สีสเปรย์สีดำพ่นทับข้อความ “ทรงพระเจริญ” บนรูปรัชกาลที่ 10 ระหว่างการชุมนุม 18 ก.ค. 2564
30 มี.ค. 2566
(ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง)
ศาลยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 112, วางเพลิงเผาทรัพย์, ทำให้เสียทรัพย์ เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอว่าจำเลยกระทำการดังกล่าว แต่ลงโทษปรับในข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
34คดี “รามิล” ศิวัญชลี วิธญเสรีวัฒน์ 
แสดง Performance Art ที่ป้ายหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 ถูกกล่าวหาว่าแสดงท่าทางคล้ายครุฑและใช้เท้าชี้ไปที่พระบรมฉายาลักษณ์
8 พ.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังชี้ไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการอาฆาตมาดร้าย ดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท อีกทั้งการแสดงของจำเลยไม่ได้เจาะจงตัวบุคคล ประกอบกับป้ายหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นสถานที่ชุมนุมอยู่เป็นประจำ อีกทั้งพยานโจทก์ได้เบิกความถึงคลิปวิดีโอภาพเคลื่อนไหวซึ่งเป็นพยานหลักฐานในคดี แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการนำส่งเข้ามาในการพิจารณาคดีนี้ จึงทำให้พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัย
35คดี “ไวรัส”
โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 3 ข้อความ และติ๊กต็อก 2 ข้อความ มีเนื้อหาเกี่ยวกับรัชกาลที่ 9 และ 10 
11 พ.ค. 2566
(ศาลอาญา)
จำเลยให้การรับสารภาพกรณีโพสต์ 2 ข้อความ แต่ต่อสู้อีก 3 ข้อความ ศาลเห็นว่าโพสต์ข้อความของจำเลยเป็นการดูหมิ่น แม้จะไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงใด  และการหมิ่นประมาทอดีตพระมหากษัตริย์ย่อมกระทบต่อพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 5 กระทง เป็น 15 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 5 ปี 30 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี โดยอธิบดีศาลอาญาทำความเห็นแย้ง เห็นว่าไม่สมควรให้รอลงอาญา
36คดีศิระพัทธ์ ดีสวัสดิ์
ปลดพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 พร้อมกรอบรูปไปจากป้อมยามหน้าหมู่บ้าน แล้วนำกรอบรูปไปทิ้งลงคลอง
1 มิ.ย. 2566
(ศาลจังหวัดนนทบุรี)
ศาลพิพากษายกฟ้อง ข้อหามาตรา 112 เห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นเพียงเจตนาที่ต้องการลักขโมยของยามวิกาลเท่านั้น เนื่องจากภาพในกล้องวงจรปิด จำเลยได้กระทำการเพียงลำพัง และกรอบรูปดังกล่าวมีความหนัก คงไม่สามารถจะเดินถือด้วยวิธีการปกติได้ ฟังมิได้ว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษที่ดูหมิ่นกษัตริย์อย่างไร
37คดีชูเกียรติ แสงวงค์
ถูกกล่าวหาแปะกระดาษที่มีข้อความ “ที่ทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล!” บนรูปรัชกาลที่ 10 หน้าศาลฎีกา ในระหว่าง #ม็อบ20มีนา64
15 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษายกฟ้องข้อหามาตรา 112 เห็นว่าคดีมีประจักษ์พยานเพียงคนเดียว และเป็นการเห็นเพียงข้างหลัง ไกลจากที่เกิดเหตุ 10 เมตร ส่วนภาพกล้องวงจรปิดเป็นมุมจากระยะไกล ไม่ทราบว่าถ่ายไว้เมื่อใด ยังมีข้อสงสัยอยู่พอสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย แต่เห็นว่าจำเลยมีความผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
38คดีทีปกร
โพสต์ข้อความและแชร์คลิปจากยูทูบ ตั้งคำถามและวิจารณ์กษัตริย์ 
19 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการมิบังควรยิ่ง แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ต้องการพิมพ์ข้อความและสื่อสารโดยตรงถึงรัชกาลที่ 10 และต้องการให้ประชาชนที่พบเห็น เข้าใจคำว่ากษัตริย์ในคลิปดังกล่าวหมายถึงรัชกาลที่ 10 และบิดเบือนทำให้เข้าใจว่าคนที่ทำคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินและสร้างประเทศนี้คือประชาชนไม่ใช่กษัตริย์ ซึ่งใช้จ่ายภาษีของประชาชน พิพากษาจำคุก 3 ปี
39คดีชูเกียรติและวรรณวลี
ปราศรัยในม็อบวงเวียนใหญ่ วันที่ 6 ธ.ค. 2563
27 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญาธนบุรี)
ศาลเห็นว่าคำปราศรัยของจำเลยทั้งสอง ทำให้พระมหากษัตริย์ถูกดูหมิ่น หมิ่นประมาท และอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ครบองค์ประกอบมาตรา 112 ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี ทางนำสืบจำเลยให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษลงหนึ่งในสาม คงโทษจำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน
40คดี “เบลล์”
โพสต์รูปภาพถ่ายจุดต่างๆ ในพัทลุง และใส่ข้อความทางการเมืองประกอบในเพจเฟซบุ๊ก “พัทลุงปลดแอก” และ “ประชาธิปไตยในด้ามขวาน” รวม 2 กระทง
12 ก.ค. 2566
(ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพัทลุง)
จากพยานหลักฐาน ศาลเชื่อว่าจำเลยเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “พัทลุงปลดแอก” และเกี่ยวข้องกับภาพข้อความตามฟ้องจริง และข้อความที่ใส่ในภาพ ตีความเป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้าย ลดทอนคุณค่า ความน่าเชื่อถือขององค์พระมหากษัตริย์ และอาจทำให้ประชาชนก่อความไม่สงบในสังคมได้ ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 12 เดือน โดยให้เปลี่ยนจากโทษจำคุกเป็นนำตัวไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เป็นระยะเวลา 2 ปี
41คดี “สายน้ำ”
แต่งครอปท็อปเข้าร่วมเดินแฟชั่นโชว์ และเขียนข้อความบนร่างกายในการชุมนุม #ภาษีกู เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2563 บนถนนสีลม
20 ก.ค. 2566
(ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง)
ศาลพิเคราะห์จากบริบท พฤติการณ์ และอารมณ์ความรู้สึกของผู้ร่วมชุมนุมกับผู้ชม แสดงให้เห็นว่าแฟชั่นโชว์ดังกล่าวมีเจตนาสื่อถึงสถาบันกษัตริย์ การที่จำเลยแต่งกายสวมครอปท็อป แสดงกิริยาโบกไม้โบกมือ คล้ายจำลองเหตุการณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเยี่ยมราษฎร ถือเป็นการล้อเลียนเสียดสี และเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของรัฐ พิพากษาจำคุก 3 ปี ขณะเกิดเหตุยังเป็นเยาวชนจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงลดโทษอีก 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุก 12 เดือน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ มีกำหนด 2 ปี และให้รายงานตัวต่อคุมประพฤติทุกๆ 3 เดือน
42คดี “แต้ม” ผู้ป่วยจิตเวช
ทุบทำลายป้ายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ในอำเภอตระการพืชผล อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2564 
15 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดอุบลราชธานี)
โจทก์นำสืบเพียงว่าจำเลยทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ แต่ไม่ปรากฏว่า จำเลยมีกิริยาอาการในเชิงดูถูกหรืออื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่ามีจิตใจผูกใจเจ็บ อยากแก้แค้น ในการตรวจค้นที่พักอาศัยของจำเลย ไม่พบเอกสาร ข้อความ และพยานหลักฐานสื่อให้เห็นว่าผู้ต้องหามีการอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ หรือสื่อให้เห็นถึงการดูหมิ่น เหยียดหยาม เกลียดชัง จึงยกฟ้องข้อหามาตรา 112
แต่เห็นว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมีอาการทางจิตไม่รุนแรงถึงขนาดไม่สามารถบังคับตนเองได้ จึงยังต้องรับโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 ลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกและปรับรอการลงโทษไว้ 5 ปี และให้จำเลยเข้ารับการรักษาอาการจิตเภทที่โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ตลอดเวลาที่รอการลงโทษ 
43คดี “พชร”
โพสต์ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส” 2 ข้อความ
16 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)
ศาลพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอในการยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความ พยานหลักฐานจึงไม่น่าเชื่อถือหรือพิสูจน์ความจริงได้ และพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้มีการตรวจสอบ URL หรือ IP Address ของพยานหลักฐานดังกล่าว ประกอบกับจำเลยได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาตั้งแต่ในชั้นสอบสวน
44คดีธนาธร วิทยเบญจางค์
อ่านแถลงการณ์และปราศรัย ในคาร์ม็อบเชียงใหม่ “ล้านนาต้านศักดินาทัวร์” เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564
(รับสารภาพบางส่วน ต่อสู้บางส่วน)
21 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ศาลยกฟ้อง 1 กระทงที่ต่อสู้คดี เห็นว่าคำว่า “สถาบันกษัตริย์” ในแถลงการณ์ ไม่ได้ระบุเจาะจงถึงตัวบุคคลหรือองค์พระมหากษัตริย์
และเห็นว่ามีความผิดใน 1 กระทง ที่จำเลยให้การรับสารภาพ ลงโทษจำคุก 3 ปี รับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน และลงโทษในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุกอีก 1 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 7 เดือน
45คดี “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง
ปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565
24 ส.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ข้อความปราศรัยของจำเลยเป็นการเปรียบเทียบว่า ต่อให้รัชกาลที่ 10 และพระราชินีทำบุญ พระบารมีก็ไม่สูงขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้รัชกาลที่ 10 และพระราชินีทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชัง ลงโทษจำคุก 3 ปี และลงโทษจำคุก 6 เดือน ในข้อหาใช้เครื่องขยายเสียง (ข้อหานี้โทษตามกฎหมาย มีเพียงโทษปรับไม่เกิน 200 บาท) รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน
46คดี “รามิล-เท็น”
แสดงงานศิลปะคล้ายธงชาติที่ไม่มีสีน้ำเงิน ในงานกิจกรรมชุมนุมบริเวณสนามรักบี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2564
28 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ศาลเห็นว่าวัสดุที่ทั้งคู่นำไปวางไว้ มีลักษณะใกล้เคียงกับธงชาติ ตาม พ.ร.บ.ธง มาตรา 5 การไม่มีแถบสีน้ำเงิน แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้มีพระมหากษัตริย์ในธงชาติ ลดทอนคุณค่าของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน เข้าข่ายมาตรา 112
ลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 4 ปี และ พ.ร.บ.ธง จำคุก 8 เดือน ปรับคนละ 2,000 บาท ให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือจำคุกรวม 3 ปี 6 เดือน ปรับคนละ 1,500 บาท จำเลยทั้งสองยังเป็นนักศึกษา และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ใหัรอการลงโทษจำคุกไว้ 3 ปี และคุมประพฤติ 2 ปี
47คดี “สมพล”
ปาสีน้ำสีแดงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 บริเวณหน้าห้างโลตัส สาขารังสิต
29 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดธัญบุรี)
ศาลยกฟ้องข้อหาตามมาตรา 112 แต่ลงโทษในข้อหาตามมาตรา 360 จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหานี้ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี 
48คดี “ปีเตอร์”
ปราศรัยเกี่ยวกับการพระราชทานยศสุนัขทรงเลี้ยง และงบสถาบันกษัตริย์ ในการชุมนุม “กฐินราษฎร์ตลาดหลวง” เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2563
29 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดอุดรธานี)
ศาลพิพากษายกฟ้อง เห็นว่าคำปราศรัยเรื่องฟูฟู วิญญูชนทั่วไปที่ได้ฟังไม่สามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าจำเลยหมายถึงใคร ส่วนเรื่องงบสถาบันกษัตริย์ จำเลยก็กล่าวถึงข้อมูลของงบสถาบันกษัตริย์โดยรวม ไม่ได้เฉพาะเจาะจงถึงกษัตริย์พระองค์ใด อีกทั้งมาจากข้อมูลที่เผยแพร่โดยทั่วไปในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว
49คดีของ “ปริญญา”
โพสต์และแชร์ข้อความ
(รับสารภาพบางส่วน ต่อสู้บางส่วน)
31 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดหนองบัวลำภู)
ศาลให้รอการลงโทษจำคุกไว้
50คดีพิมชนก ใจหงษ์
โพสต์ข้อความ ‘รัฐบาลส้นตีน สถาบันก็ส้นตีน🔥🙂’
6 ก.ย. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ศาลเห็นว่าจำเลยมีเจตนาโพสต์ถึงสถาบันกษัตริย์ และเห็นว่ามาตรา 112 คุ้มครองทั้งสถาบันกษัตริย์ แม้ไม่ได้กล่าวถึงกษัตริย์พระองค์ใด ก็เป็นการดูหมิ่น ให้ร้าย ลดทอนคุณค่าของพระมหากษัตริย์ พิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา 
51คดีอานนท์ นำภา
ปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา2563
26 ก.ย. 2566
(ศาลอาญา)
พิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา

.

คดีที่จำเลยรับสารภาพ และศาลมีคำพิพากษา จำนวนอย่างน้อย 38 คดี

แยกเป็นคดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา 17 คดี, คดีที่ศาลลงโทษจำคุก โดยให้รอลงอาญา 19 คดี และคดีที่ศาลให้รอกำหนดโทษ 2 คดี

ลำดับชื่อคดี/เหตุแห่งคดีวันที่พิพากษาผลคำพิพากษาโดยสรุป
1คดี “เบนซ์”
ปลดพระบรมฉายาลักษณ์ระหว่างการชุมนุมในมธ.ลำปาง วันที่ 17 ต.ค. 2563
27 ม.ค. 2565
(ศาลจังหวัดลำปาง)

31 ม.ค. 2566
(ศาลอุทธรณ์ภาค 5)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ลดโทษครึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เนื่องจากจำเลยยังมีสถานะเป็นนักศึกษา ไม่เคยกระทำผิดมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
* คดีสิ้นสุดแล้ว
2คดี “ปุญญพัฒน์”
โพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ ในกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส”
20 มิ.ย. 2565
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)
ศาลพิพากษาว่ามีความผิดตาม ม.112 มีลักษณะใส่ร้าย ใส่ความและเป็นเท็จ เจตนาจาบจ้วงล่วงเกิน ดูหมิ่น หมิ่นประมาท ทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 12 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้เหลือจำคุก 4 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
3คดีชลสิทธิ์
แชร์สตอรี่เฟซบุ๊กภาพคล้าย ร.10
1 ส.ค. 2565
(ศาลจังหวัดกันทรลักษ์)
ศาลพิพากษาให้รอกำหนดโทษ 2 ปี เห็นว่าจากรายงานการสืบ เสาะ ไม่พบจำเลยเคยทำผิดมาก่อน ขณะโพสต์รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก่อน-หลังถูกดำเนินคดีไม่มีพฤติการณ์เช่นที่ถูกฟ้อง จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลย
* คดีสิ้นสุดแล้ว
4คดี “พลทหารเมธิน” กล่าวถ้อยคำพาดพิงกษัตริย์ระหว่างถกเถียงกับคู่กรณีที่ขับรถเฉี่ยวชน11 ส.ค. 2565
(ศาลทหารกรุงเทพ)
ศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี จำเลยให้รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน เห็นว่าไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษและรอการลงโทษ โดยได้พิพากษาลงโทษสถานเบาแล้ว
* คดีสิ้นสุดแล้ว
5คดี “บุญลือ”
คอมเมนต์โต้ตอบกันกับผู้อื่นเกี่ยวกับลักษณะที่ดีของกษัตริย์ และความจำเป็นในการปฏิรูปสถาบันฯ
22 ก.ย. 2565
(ศาลจังหวัดพังงา)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เห็นว่าจำเลยกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อตักเตือนก็ยินยอมลบข้อความ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ในทางการเมืองหรือหวังผลอื่นใด จึงให้โอกาสได้แก้ไข ฟื้นฟู และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และคุมประพฤติ 1 ปี ไปรายงานตัวพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง และทำกิจกรรมบริการสังคม 12 ชั่วโมง
* คดีสิ้นสุดแล้ว
6คดี “อัปสร” แชร์โพสต์ข้อความของปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ วิจารณ์ราชวงศ์ไทย26 ก.ย. 2565
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 2 ปี จำเลยกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประกอบกับไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี ให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี กับให้คุมความประพฤติจำเลย โดยให้จำเลยไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง ภายในกำหนด 2 ปี
* คดีสิ้นสุดแล้ว
7คดี “ปริทัศน์”
ทวิตข้อความ 1 ข้อความ
2 ก.ย. 2564
(ศาลอาญา)

12 ต.ค. 2565
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
* คดีสิ้นสุดแล้ว
8คดี “ณชา”
คอมเมนต์ในโพสต์ข้อความในกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส
7 พ.ย. 2565
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือ 1 ปี 6 เดือน พิเคราะห์แล้วจำเลยไม่เคยรับโทษมาก่อน ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนครั้ง ภายใน 1 ปี ทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง ริบโทรศัพท์ที่เป็นของกลาง
* คดีสิ้นสุดแล้ว
9คดีสุทธิเทพ
โพสต์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ประชดกลุ่มรักสถาบันฯ
8 พ.ย. 2565
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 1 ปี 6 เดือน เห็นว่าการกระทำของจำเลยทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา พฤติการณ์กระทำความผิดเป็นเรื่องร้ายแรง กรณีไม่สมควรรอการลงโทษ
10คดีพิทักษ์พงษ์
โพสต์ข้อความพาดพิงถึงความประพฤติของกษัตริย์  
21 พ.ย. 2565
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี 6 เดือน เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
11คดี “ปณิธาน”
คอมเมนต์ในโพสต์ข้อความในกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เกตเพลส
24 พ.ย. 2565
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี จากรายงานการสืบเสาะจำเลยประกอบอาชีพสุจริต ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ต้องเลี้ยงดูครอบครัว แต่การกระทำของจำเลยทำให้กษัตริย์เสื่อมเสียเกียรติยศ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เป็นความผิดร้ายแรง ไม่สมควรรอการลงโทษ
12คดี “โจ”
แชร์โพสต์จากเพจเยาวชนปลดแอก
29 พ.ย. 2565
(ศาลจังหวัดลำปาง)
ศาลพิพากษาให้รอกำหนดโทษ 2 ปี โดยพิจารณาถึงพฤติการณ์ของจำเลย ประวัติส่วนตัว โดยที่จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน
* คดีสิ้นสุดแล้ว
13คดีพิทยุตม์
วางเพลิงรูปรัชกาลที่ 10 ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
29 พ.ย. 2565
(ศาลจังหวัดอุดรธานี)
ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี คุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง และทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง
14คดีพนิดา
พ่นสีใต้พระบรมฉายาลักษณ์ในเมืองพัทยา 2 จุด
14 ธ.ค. 2565
(ศาลจังหวัดพัทยา)
ศาลพิพากษาจำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 12 เดือน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง พร้อมทั้งให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
15คดีอุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุล
โพสต์เฟซบุ๊ก 5 ข้อความ
21 ธ.ค. 2565
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุกกระทงละ 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 5 ปี 30 เดือน แม้จำเลยจะไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน แต่การกระทำของจำเลยถือเป็นความร้ายแรง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด และดูหมิ่นเกลียดชังสถาบันฯ กรณีจึงยังไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ
16คดีธัญดล
แชร์โพสต์จากเพจ “KonthaiUK” 2 ข้อความ
27 ธ.ค. 2565
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)
ศาลพิพากษาจำคุกกระทงละ 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 2 ปี 12 เดือน แต่เห็นว่าจำเลยสำนึกผิด ประกอบกับไม่เคยกระทำผิดมาก่อน จึงให้รอลงอาญา 3 ปี และให้คุมประพฤติ 3 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนต่อครั้ง
17คดีธนพร
คอมเมนต์ท้ายโพสต์ของเพจที่เผยแพร่ภาพตัดต่อรัชกาลที่ 8 และ 9
17 ก.พ. 2565
(ศาลอาญาตลิ่งชัน)

14 ก.พ. 2566
(ศาลอุทธรณ์)
ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 2 ปี เห็นว่าจำเลยประกอบอาชีพสุจริต มีครอบครัวที่น่าจะเหนี่ยวรั้งห้ามปรามไม่ให้เกิดการกระทำความผิดลักษณะเดียวกันอีก โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยโดยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 8 ครั้ง และให้ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไม่ให้รอการลงโทษ เห็นว่าขณะเกิดเหตุจำเลยอายุ 21 ปีเศษ มีวุฒิภาวะเพียงพอ
18คดีอุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุล
แชร์โพสต์เฟซบุ๊ก 1 ข้อความ ลงในกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส
16 ก.พ. 2566
(ศาลจังหวัดสมุทรปราการ)
ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่มีเหตุให้รอลงอาญา
19คดี “เกด” และ “ยุ้ย” สองนักศึกษาชูป้ายในคาร์ม็อบ #ด่วนนครพิงค์เจียงใหม่ไล่ขึดประยุทธ์ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 25642 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดเชียงใหม่)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เมื่อพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะ ประกอบกับคำแถลงประกอบคำรับสารภาพ จำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และยังเป็นนักศึกษาอยู่ โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
20คดีวัชระและวิรชัช
สองนักศึกษา ม.บูรพา ติดป้ายข้อความที่หอระเบียงหอพัก เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564
30 มี.ค. 2566
(ศาลจังหวัดชลบุรี)
ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ม.112 ขณะเกิดเหตุมีอายุไม่เกิน 20 ปี ให้ลดโทษ 1 ใน 3 ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี ให้การรับสารภาพ ลดเหลือจำคุกคนละ 2 ปี  ขณะกระทำผิดอายุยังน้อย โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี คุมประพฤติกำหนด 1 ปี
21คดีณวรรษ เลี้ยงวัฒนา
ปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ13กุมภา2564 #นับ1ถึงล้านคืนอำนาจให้ประชาชน
26 เม.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาลงโทษข้อหามาตรา 112 จำคุก 3 ปี ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุก 2 เดือน และปรับ 2,000 บาท ข้อหา พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ ลงโทษปรับ 1,000 บาท ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 1 ปี 7 เดือน และปรับ 1,500 บาท เนื่องจากจำเลยกระทำการในลักษณะเดียวกันหลายคดี จึงไม่รอการลงโทษ
22คดี “สายชล”
เผยแพร่คลิป TikTok ลิปซิงค์เพลง
10 พ.ค. 2566
(ศาลจังหวัดกำแพงเพชร)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี เนื่องจากเห็นว่าจำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน นิสัยและพฤติกรรมไม่มีข้อเสียหายร้ายแรง ทั้งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ การลงโทษจำคุกอาจไม่เกิดผลดีต่อสังคม ให้คุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี 
23คดีเวหา แสนชนชนะศึก
ใช้ทวิตเตอร์ “ฟ้าฝา ver.เกรี้ยวกราด” ทวีตข้อความเล่าประสบการณ์การถูกคุมขังในคุกวังทวีวัฒนา
19 พ.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 3 กระทง ลงโทษจำคุก 3 ปี 18 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
24คดีปาฏิหาริย์
แสดงความคิดเห็นบนโพสต์เฟซบุ๊กของ Somsak Jeamteerasakul เกี่ยวกับข่าวลือการประชวรของรัชกาลที่ 10
23 พ.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน เห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยมีความร้ายแรง กระทบต่อประมุขของประเทศ แม้จำเลยประกอบอาชีพสุจริตเลี้ยงดูครอบครัว ไม่ใช่เหตุพอให้รอการลงโทษ
25คดีประชาชน 1 ราย
คอมเมนต์แสดงความคิดเห็นท้ายไลฟ์สดเพจ “ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน”
23 พ.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน
26คดีสุภิสรา 
โพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ
26 พ.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุกกรรมละ 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดเหลือกรรมละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 24 เดือน จากรายงานสืบเสาะของแพทย์ระบุว่า ช่วงเวลาใกล้เคียง จำเลยมีอาการป่วยทางจิตในระดับสูง ควบคุมตนเองไม่ได้ จึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี คุมประพฤติกำหนด 1 ปี
27คดี “ภูมิ หัวลำโพง”
ถือป้ายข้อความเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง
8 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี (ลดมาตราส่วนเนื่องจากขณะเกิดเหตุจำเลยอายุ 18 ปีเศษ) ให้การรับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 1 ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
28คดีประสงค์ โคตรสงคราม
โพสต์เฟซบุ๊ก 2 กระทง
12 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญาตลิ่งชัน)
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี ให้การรับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา
29คดี “ธิดา”
เผยแพร่คลิป TikTok ลิปซิงค์เพลง
13 มิ.ย. 2566
(ศาลจังหวัดกำแพงเพชร)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี เนื่องจากเห็นว่าจำเลยประกอบอาชีพสุจริต จำเลยโพสต์คลิปดังกล่าวเพื่อต้องการเพิ่มยอดวิวเท่านั้น เป็นไปได้ว่าจะขาดความยับยั้งชั่งใจ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้คุมประพฤติมีกำหนด 1 ปี 
30คดี “พลเมือง”
ส่งข้อความในกรุ๊ปไลน์มีสมาชิก 5 คน
14 มิ.ย. 2566
(ศาลจังหวัดกำแพงเพชร)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี ให้ทำงานบริการสังคม 12 ชั่วโมง และเข้าร่วมกิจกรรมตามที่คุมประพฤติกำหนด 
31คดี “พงษ์”
โพสต์เฟซบุ๊ก 6 ข้อความ
26 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลลงโทษจำคุก 18 ปี รับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือ 6 ปี 36 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี ระหว่างนี้ห้ามกระทำความผิดซ้ำ ให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้งใน 2 ปี ให้ทำกิจกรรมบริการสังคม 24 ชั่วโมง
32คดี “ธัญวดี”
โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการบินไทย
27 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี รับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 2 ปี พิเคราะห์ตามรายงานสืบเสาะ จำเลยให้การว่าทำไปเพราะรู้ข้อเท็จเพียงด้านเดียว และหลังกระทำผิดก็ได้สำนึก ไม่กระทำผิดซ้ำอีก จำเลยไม่เคยต้องรับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี ให้ไปรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง และให้ทำบริการสาธารณประโยชน์ 48 ชั่วโมง
33คดีวารุณี
โพสต์ภาพตัดต่อการเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต
28 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี รับสารภาพ ลดเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ กระทบต่อความรู้สึกประชาชน จำเลยมีเหตุสุขภาพจิต ไม่เป็นเหตุให้รอการลงโทษ
34คดีประชาชนทวีตข้อความ29 มิ.ย. 2566
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)
ศาลลงโทษจำคุก 4 ปี โดยให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
35คดีอนุชา
ชูแผ่นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ใน #ม็อบตำรวจล้มช้าง หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2564
10 ก.ค. 2566
(ศาลอาญากรุงเทพใต้)
ศาลลงโทษจำคุก 3 ปี ในข้อหามาตรา 112, ข้อหาตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ปรับ 5,000 บาท ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ปรับ 3,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกไม่รอการลงโทษ
36คดี “วัฒน์”
โพสต์เฟซบุ๊กชื่นชมการทรงงานของรัชกาลที่ 9 แต่วิพากษ์วิจารณ์รัชกาลที่ 10
17 ก.ค. 2566
(ศาลอาญา)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา
37คดี “อาร์ม”
เผยแพร่คลิป Tiktok คุยหยอกแมว
8 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดกำแพงเพชร)
ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน เนื่องจากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติ 1 ปี และทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์เป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมง
38คดี “สมพล”
พ่นสีสเปรย์ที่มีข้อความเกี่ยวกับกษัตริย์ ทับป้ายบอกทางสองจุดในจังหวัดปทุมธานี 
15 ส.ค. 2566
(ศาลจังหวัดธัญบุรี)
ศาลลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 4 ปี และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จำคุก 2 ปี ปรับ 8 หมื่นบาท รวมจำคุก 6 ปี ปรับ 8 หมื่นบาท ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท เห็นว่าจำเลยเดินทางไปกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานอภัยโทษที่พระบรมมหาราชวัง ถือว่าจำเลยสำนึกในการกระทำ ทั้งไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้ มีกำหนด 4 ปี ให้คุมความประพฤติไว้ 4 ปี ทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ 30 ชั่วโมง

.

X