ยกฟ้อง! ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน คดี “อิศเรศ” โพสต์กรณีไม่แต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ ชี้ ข้อความไม่ถึงขนาดผิด ม.112 

26 ก.ค. 2566 อิศเรศ อุดานนท์ ชาวนครพนม วัย 48 ปี เดินทางจากบ้านภรรยาในจังหวัดลำปางมาที่ศาลจังหวัดนครพนม ในนัดอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 คดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์ข้อความแสดงความเห็นกรณีไม่แต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่หลังการสวรรคตของรัชกาลที่ 9 เมื่อเดือน ต.ค. 2559 ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2565 ศาลจังหวัดนครพนมพิพากษายกฟ้อง แต่อัยการศาลสูงจังหวัดนครพนมยื่นอุทธรณ์ในเวลาต่อมา

>> ดูฐานข้อมูลคดี คดี 112 “อิศเรศ” โพสต์แสดงความเห็นกรณีไม่แต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่หลัง ร.9 สวรรคต

>> อ่านคำอุทธรณ์ของโจทก์ จับตา! คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 คดี 112 “อิศเรศ” โพสต์กรณีไม่แต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่ หลังอัยการอุทธรณ์คำพิพากษายกฟ้องของศาลนครพนม

.

ประมาณ 09.30 น. ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครพนมออกนั่งพิจารณาและอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ลงวันที่ 25 พ.ค. 2566 ยกฟ้องยืนตามศาลชั้นต้น มีใจความดังนี้

.

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2559 เวลา 22.19 น. จําเลยลงข้อความ “ได้โปรดอย่าตอแหลอีกเลย…ครัช เปิดออกมาให้ประชาชนได้รับรู้ พวกมึงต่อรองอะไรกัน ผมฝากพวกโลกสวยหัวกล้วยทั้งหลาย ศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 23 และ 24 ให้หัวสมองโล่งหน่อยนะครับว่า ทําไมจึงยังไม่ประกาศรัชกาลที่ 10… การเมืองเป็นเรื่องของประชาชนทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนเก็บขยะครับ อย่าบ้องตื้นหลาย… เกิน 24 ชม. ไม่แต่งตั้งกษัตริย์ก็คือศึกชิงบัลลังก์” ลงในบัญชีเฟซบุ๊ก “ชาตินักรบ เสือสมิง” ของจําเลย 

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า จําเลยกระทําความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ 

โจทก์มี จ.ส.อ.วรายุทธ์ สุวรรณมาโจ และนายหมวดตรีสรวิทย์ มาตย์แพงศ์ เจ้าพนักงานกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครพนมเบิกความเป็นพยานในทํานองเดียวกันว่า ข้อความดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นและให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ กับจ่าเอกภิญโญ ศรีสวัสดิ์ เพื่อนจําเลย เบิกความเป็นพยานว่า ข้อความดังกล่าวหมิ่นเหม่ต่อการที่จะหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ คําว่า “ศึกชิงบัลลังก์” นั้นน่าจะหมายถึงความขัดแย้งและช่วงชิงกันในสถาบันพระมหากษัตริย์ 

และอารี ดวงสงค์ อดีตผู้ใหญ่ที่จําเลยเป็นลูกบ้านเบิกความเป็นพยานว่า พยานเคยให้การเป็นพยานต่อพนักงานสอบสวนว่า ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความที่ไม่เหมาะไม่ควรเนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่คนไทยให้ความเคารพเชิดชู ถ้ามีการเผยแพร่อาจทําให้เสื่อมเสียถึงสถาบันพระมหากษัตริย์

กับปราณีต วดีศิริศักดิ์ อาจารย์ภาควิชาภาษาไทยโรงเรียนอุเทนพัฒนา เบิกความเป็นพยานว่า ข้อความ ดังกล่าวอาจทําให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่ดี เป็นข้อความที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีข้อความว่า ศึกชิงบัลลังก์ หมายถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ หากบุคคลที่ไม่มีวิจารณญาณอ่านข้อความแล้วก็อาจตีความไปในทางเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

และ พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 4 เบิกความเป็นพยานว่า ข้อความดังกล่าวสื่อความหมายให้เห็นว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยกําลังมีการแก่งแย่งชิงราชบัลลังก์ อันเป็นเหตุให้เสื่อมเสียต่อราชวงศ์ 

เห็นว่า การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น ต้องเป็นการใส่ความระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความเป็นการยืนยันรู้ได้แน่นอนว่าบุคคลที่ถูกใส่ความเป็นใคร หรือหากไม่ระบุถึงผู้ที่ถูกใส่ความโดยตรง การใส่ความนั้นก็ต้องได้ความว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ การเข้าใจข้อความดังกล่าวจึงขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละบุคคล และมิใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริง 

เมื่ออ่านข้อความตามที่โจทก์กล่าวอ้างโดยตลอดแล้ว แม้จําเลยใช้ถ้อยคําไม่สุภาพและรุนแรง แต่ไม่ถึงขนาดเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น และก็มีความหมายถึงจําเลยประสงค์ให้มีการเร่งรัดในการแต่งตั้งรัชกาลที่ 10 ซึ่งประธานรัฐสภาต้องมีหน้าที่อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นสืบราชสันตติวงศ์ และจากประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็ยังเคยปรากฏว่ามีบุคคลภายนอกเข้ามาแย่งชิงราชสมบัติอีกด้วย 

อีกทั้งข้อความดังกล่าวไม่ได้เป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ การที่จําเลยลงข้อความดังกล่าวในบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กของจําเลยจึงมิใช่เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชินีหรือรัชทายาท 

พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้พอรับฟังได้ว่าจ๋าเลยกระทําความผิดฐานนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามฟ้องโจทก์ ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น 

พิพากษายืน

ลงชื่อท้ายคำพิพากษาโดย มล.นารีธรรม ศรีธวัช, สุรชาญ พูลสวัสดิ์ และอดุล สังข์ทอง 

.

ดาวน์โหลดคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ฉบับเต็ม

X