ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี 10 เดือน “นิว สิริชัย” แต่ให้รอลงอาญา กรณีพ่นสี “ภาษีกู-ยกเลิก112” เห็นว่าแม้เป็นรูปสมาชิกราชวงศ์ แต่ความเสื่อมเสียกระทบถึง ร.10

วันที่ 15 ก.พ. 2566 เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดธัญบุรีกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “นิว — สิริชัย นาถึง” นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในคดีที่ถูกฟ้องข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ “ทำให้เสียทรัพย์” ตามมาตรา 358 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้พ่นสีข้อความว่า “ภาษีกู” และ “ยกเลิก 112” ลงบนรูปของสมาชิกราชวงศ์รวม 6 จุด  ในบริเวณอำเภอคลองหลวง รอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในช่วงเดือนมกราคม 2564

ทั้ง 6 จุดเกิดเหตุดังกล่าว เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 9, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ แต่ไม่มีจุดใดที่เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 หรือพระราชินีองค์ปัจจุบัน ที่เป็นบุคคลตามองค์ประกอบตามมาตรา 112 แต่อย่างใด

ย้อนดูประมวลคดี>> ประมวลการต่อสู้คดี ม.112 ของ “นิว สิริชัย” กรณีถูกฟ้องว่าพ่นสีสเปรย์ข้อความ ‘ภาษีกู’ – ‘ยกเลิก ม.112’ บนพระรูปพระบรมวงศานุวงศ์

ณ ห้องพิจารณาคดี 6 ช่วงเช้าก่อนฟังคำพิพากษา “นิว” ทนายจำเลย นายประกัน และผู้ที่มาให้กำลังใจนิวได้ทยอยมาศาล โดยมีผู้สังเกตการณ์จากองค์กรสิทธิมนุษยชนมาเข้าร่วมการฟังพิพากษาในคดีนี้ด้วย 

เวลา 10.45 น. ศาลออกนั่งพิจารณา และเริ่มอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ 

พิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า พยานโจทก์เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย รวมถึงเบิกความเชื่อมโยงสอดคล้องกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหอพักที่จำเลยอาศัย พบว่ารถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ใช้ร่วมกับเพื่อนได้ขับขี่ออกไปก่อนเกิดเหตุและกลับมายังหอพักหลังเกิดเหตุ 

อีกทั้งจำเลยยังเบิกความว่าได้ขับรถจักรยานยนต์ออกไปเพื่อซื้อสีเสปรย์ดังกล่าว รวมถึงการแต่งกายและรูปพรรณสัณฐานตามกล้องวงจรปิดใกล้เคียงกับจำเลย จึงเชื่อว่าจำเลยน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุตามฟ้องจริง

ในส่วนเรื่องของข้อความ “ภาษีกู” และ “ยกเลิก112” แม้จำเลยจะไม่ได้พ่นลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 แต่การพ่นบนรูปภาพของสมาชิกราชวงศ์ ย่อมส่งผลกระทบต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 เป็นการกระทำที่ด้อยค่าและทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสีย รวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์ได้รับความเสียหาย 

ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, มาตรา 358 และ พ.ร.บ.ศุลกากรฯ พ.ศ. 2560 มาตรา 246 (เป็นกรณีการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้ระหว่างเข้าค้นห้องพักของจำเลยในคืนการจับกุม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 

ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำคุก 3 ปี ฐานทำให้เสียทรัพย์ จำคุกกระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 6,000 บาท รวม 5 กระทง เป็นจำคุก 10 เดือน ปรับ 30,000 บาท และกรณีครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ลงโทษปรับ 1,177 บาท

รวมโทษจำคุก 3 ปี 10 เดือน ปรับ 31,177 บาท แต่ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และจำเลยยังเป็นนักศึกษาอยู่ โทษจำคุกจึงเห็นควรให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี 

คำพิพากษาลงนามโดย นายทศพรรณ คงเพียรธรรม และนางสาวจันทร์จิรา น้อยผะ

.

“นิว” ได้บอกเล่าถึงความรู้สึกต่อการฟังคำพิพากษาในวันนี้ รวมถึงความคิดเห็นต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขา

“ในคำฟ้องที่อัยการกล่าวหาว่าผมไปพ่นสีบนรูปของกษัตริย์องค์เก่าและสมาชิกพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงตรงนั้น ผมเลยคิดว่าจะอุทธรณ์ต่อ”

“เรารู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาแค่กฎหมาย แต่การบังคับใช้ก็มีปัญหาด้วย มีปัญหาไปหมดเลย มาตรา 112 ก็สมควรจะต้องยกเลิกไป แล้วผมก็รู้สึกผิดหวังกับคำพิพากษาในวันนี้”

“ตอนผมโดนคดีช่วงแรกๆ ผมตกใจและทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว มันส่งผลกระทบทั้งเรื่องเรียนและก็เรื่องครอบครัว ผมขาดเรียนบ่อยเพราะไปศาล เกรดผมก็ดร็อปไปเลย พอถูกดำเนินคดีการเมือง ทุกพาร์ทของชีวิตผมดร็อปลงไปหมด และผมก็มีปัญหากับที่บ้าน คุยกันไม่ลงรอย ทุกวันนี้ยังกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้” สิริชัยกล่าว

X