จับตา! สืบพยานนัดสุดท้าย ก่อนพิพากษาคดี ม.112 ของ “ลูกเกด ชลธิชา” เหตุปราศรัยใน #คาร์ม็อบ11กันยา64 หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี

ในวันที่ 7 ก.พ. 2566 เวลา 9.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 9 ศาลจังหวัดธัญบุรีกำหนดนัดสืบพยานนัดสุดท้าย ในคดี  “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของ “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว นักกิจกรรมทางการเมืองและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล จากกรณีปราศรัยและชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีการเมือง หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2564 โดยหลังสืบพยานเสร็จสิ้น ศาลจะนัดฟังคำพิพากษาต่อไป

คดีนี้มีจำเลยทั้งสิ้น 10 ราย แต่ชลธิชาเป็นเพียงคนเดียวที่ถูกยื่นฟ้องในข้อหาตามมาตรา 112 จากการปราศรัยในประเด็นเกี่ยวกับการที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกกฎหมาย พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 และการปล่อยให้มีการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เมื่อปี 2561 

ด้านจำเลยอีก 9 รายในคดีนี้ ได้แก่ พริม มณีโชติ, ศรีไพร นนทรีย์, สุนี ไชยรส, ธนพร วิจันทร์, วิปัศยา อยู่พูล, สุธิลา ลืนคำ, วิศรุต สมงาม, ไพศาล จันทร์ปาน และอาพร โพดภูธร ถูกฟ้องเฉพาะข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี เรื่องมาตรการป้องกันโควิด และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

การชุมนุม #คาร์ม็อบ11กันยา64 มีเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) และกลุ่มพะยอมเก๋า ร่วมกันจัดกิจกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ #ปล่อยเพื่อนเรา โดยตั้งขบวนจากหน้าห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ไปยังศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อจัดกิจกรรมลงชื่อยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาคดีชุมนุมหน้า บก.ตชด. ภาค 1 จำนวน 5 ราย ได้แก่ ณัฐชนน ไพโรจน์, “บอย” ธัชพงศ์ หรือ ชาติชาย แกดำ, “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี, “ไมค์” ภานุพงศ์ จาดนอก และ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจําอําเภอธัญบุรี ตามหมายขังของศาลจังหวัดธัญบุรี 

ในระหว่างรอว่าศาลจะพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ ในกิจกรรมมีการปราศรัยเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์และการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศว่าการชุมนุมขัดต่อกฎหมายและขอให้ยุติกิจกรรม 

ต่อมา สุนี ไชยรส อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและนายประกันออกมาแจ้งกับผู้ชุมนุมว่า ศาลจังหวัดธัญบุรี มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งห้าราย การชุมนุมจึงยุติลง (ดูรายละเอียดการชุมนุมเพิ่มเติมที่ Mob Data Thailand)

คดีนี้มี พ.ต.ท.ศราวุฒิ ทองภู่ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.ธัญบุรี เป็นผู้กล่าวหา โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2564 ชลธิชาเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ สภ.ธัญบุรี ภายหลังจากเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2564 ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกับอีก 8 นักกิจกรรม ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องการห้ามชุมนุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคฯ, ข้อหาตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาตรา 34 (6), ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี ที่ 8566/2564 ลงวันที่ 31 ส.ค. 2564, ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

หลังจาก พ.ต.ท.สุวิชญ์ สุขประเสริฐ พนักงานอัยการจังหวัดธัญบุรียื่นฟ้องคดีต่อศาล ศาลได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์และจำเลยไปแล้วในระหว่างวันที่ 24 – 26, 31 พ.ค., 8 – 9 มิ.ย., 18 – 19 ก.ย., 16, 30 ต.ค. 2566 และยังเหลือสืบพยานจำเลยเป็นนัดสุดท้ายในวันที่ 7 ก.พ. 2567 ซึ่งชลธิชาจะอ้างตัวเป็นพยานจำเลยขึ้นเบิกความด้วยตัวเอง 

นอกจากนี้ยังมี ธนพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เบิกความด้านประวัติศาสตร์และสถาบันกษัตริย์ และ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ขึ้นเบิกความเรื่องมาตรการโควิดอีกด้วย

คดีนี้เป็นการถูกดำเนินคดีมาตรา 112 คดีที่ 2 ของชลธิชา แต่จะเป็นคดีแรกที่สืบพยานเสร็จสิ้นและมีนัดฟังคำพิพากษา โดยคดีแรกชลธิชาถูกกล่าวหาจากกรณีโพสต์จดหมายถึงกษัตริย์ ในกิจกรรม “ราษฎร์สาส์น” ซึ่งยังอยู่ระหว่างรอนัดสืบพยานที่ศาลอาญาในเดือนมีนาคม 2567 นี้ 

ทั้งนี้ หากภายหลังศาลจังหวัดธัญบุรีมีคำพิพากษาแล้ว เห็นว่าชลธิชามีความผิด พร้อมให้ลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา และไม่อนุญาตให้ประกันตัวทันที จะถือว่าชลธิชาต้องคําพิพากษาให้จําคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล ซึ่งจะขาดคุณสมบัติการเป็น สส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6) โดยทันที

X