ศาลกำแพงเพชรพิพากษารอการลงโทษ คดี ม.112 เหตุโพสต์ TikTok ลิปซิงค์เพลงพระราชาในนิทาน

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2566 ศาลจังหวัดกำแพงเพชรนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “สายชล” (นามสมมติ) ผู้ช่วยแพทย์ในคลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาในตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เหตุจากการเผยแพร่คลิปวิดีโอในแอพพลิเคชัน TikTok ลิปซิงค์เพลง “พระราชาในนิทาน” ที่เป็นกระแสนิยมเล่นกันในช่วงเดือน ส.ค. 2564

คดีนี้มี ชุมพล ศรีวิชัยปัก เป็นผู้กล่าวหาไว้ที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร โดยสายชลไม่เคยรู้จักผู้กล่าวหามาก่อน และเธอต้องเดินทางจากกรุงเทพฯ ซึ่งทำงานอยู่ มาเพื่อต่อสู้คดีหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.ปรัชญา ทาบ้านฆ้อง พนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกสายชลมาแจ้งข้อกล่าวหาสองครั้ง คือเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2564 ซึ่งตำรวจแจ้งเฉพาะข้อหาตามมาตรา 112 ก่อนในวันที่ 7 ต.ค. 2565 จะเรียกมาแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เพิ่มเติม

จากนั้นวันที่ 29 พ.ย. 2565 พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องสายชลต่อศาลจังหวัดกำแพงเพชร โดยสรุปคำฟ้องระบุว่าเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 จำเลยได้โพสต์วิดีโอลงในแอพพลิเคชั่น TikTok โดยการลิปซิงค์หรือการขยับปากตามเสียงเพลง โดยมีเนื้อหาไม่ตรงกับเพลงที่แท้จริงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเมื่อบุคคลทั่วไปได้รับชมวิดีโอทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าในหลวงรัชกาลที่ 10 มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

หลังจากผ่านวันนัดตรวจพยานหลักฐาน 20 ธ.ค. 2565 ไปแล้ว และมีนัดสืบพยานในเดือนพฤษภาคม 2566 สายชลได้ปรึกษาครอบครัว คนใกล้ชิด และสุดท้ายตัดสินใจเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพ โดยทนายความยื่นคำร้องขอกลับคำให้การเดิม หลังจากนั้นวันที่ 11 เม.ย. 2566 ศาลออกนั่งพิจารณาใหม่ สอบถามคำให้การจำเลยอีกครั้ง และสั่งให้สถานพินิจสืบเสาะพฤติการณ์ของจำเลยเพิ่มเติม ประกอบการจัดทำคำพิพากษา

.

วันที่ 10 พ.ค. 2566 เวลา 9.30 น. ที่บัลลังก์ 3 ของศาลจังหวัดกำแพงเพชร สายชลเดินทางมานั่งรอฟังคำพิพากษา โดยเจ้าหน้าที่ศาลนำกุญแจมือมาพันธนาการสายชลไว้ก่อนการฟังคำพิพากษา 

อภิรักษ์ เขียนนอก ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดี โดยอ่านรายงานการสืบเสาะ สอบถามข้อเท็จจริงยืนยันตามที่จำเลยเคยให้การไว้ที่สำนักงานคุมประพฤติ และจำเลยไม่คัดค้านรายงานสืบเสาะ

จากนั้น ศาลอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เป็นการกระทำกรรมเดียวมีความผิดหลายบท ให้ลงโทษบทหนักคือตามมาตรา 112 พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน

เห็นว่าภาพและเสียงที่จำเลยโพสต์มีความร้ายแรง ใส่ความพระมหากษัตริย์ที่ดำรงในฐานะเคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของประชาชน แต่เมื่อได้รายงานสืบเสาะว่าจำเลย ใช้แอพพลิเคชั่น 5 ถึง 6 ชั่วโมงต่อวัน โดยมักจะลงกิจวัตรประจำวันของตัวเอง จำเลยลงภาพและเสียงครั้งนี้ตามที่ได้เห็นตัวอย่างมา การกระทำของจำเลยอาจเกิดจากการขาดการยับยั้งช่างใจและไม่ไตร่ตรองถึงผลที่เกิดขึ้นตามที่จำเลยให้ข้อเท็จจริงก็เป็นได้

เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพรู้สำนึก ประกอบกับที่จำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ประกอบอาชีพสุจริต นิสัยและพฤติกรรมไม่มีข้อเสียหายร้ายแรง ทั้งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ การลงโทษจำคุกอาจไม่เกิดผลดีต่อสังคม และจำเลยยังไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี กำหนดให้คุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ให้จำเลยเข้าร่วมกิจกรรมแก้ไขฟื้นฟูหรือเข้ารับการอบรมความรู้ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร และให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมเป็นเวลา 12 ชั่วโมง

หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จแล้วก็ได้กล่าวตักเตือน ไม่ให้จำเลยกระทำเช่นนี้อีก ก่อนเจ้าหน้าที่ศาลจะถอดกุญแจมือสายชลออก และให้เธอไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติต่อไป

.

ทั้งนี้ จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มีผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 ในจังหวัดกำแพงเพชร อย่างน้อย 5 ราย ใน 5 คดี ทุกคดีมีบุคคลทั่วไปเป็นผู้ไปแจ้งความกล่าวหาไว้ โดยผู้ถูกกล่าวหา 4 ราย ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่แต่อย่างใด และถึงปัจจุบัน อัยการได้มีคำสั่งฟ้องคดีไปแล้วจำนวน 4 คดี และมีอีกหนึ่งคดียังอยู่ในชั้นสอบสวน

.

X