29 ม.ค. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญา รัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “บังเอิญ” ศิลปินอิสระชาวขอนแก่นวัย 26 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) หลังถูกกล่าวหาว่าโพสต์รูปภาพครอบครัวของรัชกาลที่ 10 พร้อมข้อความลงเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565
ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดในข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ให้ลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 4 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 3 ปี และให้บวกโทษจำคุกอีก 6 เดือน 10 วัน ในคดีส่วนตัวที่ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาถึงที่สุดให้รอการลงโทษไว้ รวมโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน 10 วัน ไม่รอการลงโทษ
ต่อมาในเวลา 17.45 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์ โดยให้วางเงินประกันในวงเงิน 200,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ โดยศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใด ๆ เพิ่มเติม
.
สำหรับคดีนี้มีอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้กล่าวหา ต่อมา พนักงานสอบสวน ปอท. ได้ขอออกหมายจับบังเอิญ และพนักงานอัยการ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาในข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3), (5) กล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 จําเลยได้โพสต์รูปภาพเป็นพื้นหลังของเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมคำบรรยายภาพ โดยเป็นภาพของรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งมีการดัดแปลงตกแต่งรูปให้ผิดไปจากรูปภาพเดิม ด้วยการนําหน้ากากมาใส่บนพระพักตร์
อัยการระบุว่า รูปภาพและข้อความดังกล่าวทําให้ประชาชนที่พบเห็นเข้าใจความหมายว่า รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ มีความคลาดเคลื่อนไปจากธรรมดาสามัญ เสียสติคล้ายคนบ้า ใช้อํานาจมนต์ดํา ใช้อํานาจมืด ปกครองบ้านเมือง โดยประการที่น่าจะทําให้รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง
ทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของศาล บังเอิญได้รับการประกันตัวโดยได้รับความช่วยเหลือเงินประกันจากกองทุนราษฎรประสงค์
บังเอิญยืนยันให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยมีข้อต่อสู้ในคดีว่า เป็นผู้โพสต์รูปภาพและข้อความดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาและจุดมุ่งหมายตามที่โจทก์ฟ้อง งานศิลปะดังกล่าวมีอิสระในตนเอง มุมมองของงานศิลปะจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตแต่ละคน ส่วนข้อความที่ใส่ลงไปในภาพนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับภาพ จะต้องวิเคราะห์ทั้งข้อความและภาพประกอบกัน
อ่านบันทึกการสืบพยานคดีนี้ >> บันทึกการต่อสู้คดี 112 ของ “บังเอิญ” เหตุโพสต์ภาพครอบครัว ร. 10 ยืนยันไม่มีเจตนาดูหมิ่นกษัตริย์ งานศิลปะมีอิสระในตนเอง และมุมมองงานศิลปะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน
.
ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี ก่อนลดเหลือ 3 ปี โดยเห็นว่าจำเลยใส่ความ ร. 10 สื่อให้ ปชช. เข้าใจได้ว่า ร.10 ใช้อำนาจประมุขคลาดเคลื่อน ใช้อำนาจมนต์ดำ และเป็นเผด็จการ ทั้งที่กษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทย
วันนี้ (29 ม.ค. 2568) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 703 เวลาประมาณ 09.10 น. บังเอิญเดินทางมาถึงห้องพิจารณาคดีเพื่อฟังคำพิพากษา พร้อมกับทนายความ รวมถึงมีสื่อพลเมือง ประชาชน องค์กรภาคประชาสังคมกลุ่ม Thumb Rights และ Freedom Bridge มาร่วมสังเกตการณ์ ต่อมา เวลาประมาณ 09.20 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดีและเริ่มอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ทันที ซึ่งสรุปเป็นใจความสำคัญได้ดังนี้
พิเคราะห์จากพยาน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยใช้เฟซบุ๊กโพสต์ภาพตามฟ้องในชื่อภาพ “วิปลาส อำนาจ มนต์ดำ” และตั้งค่าเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่
พยานโจทก์ทั้งสามคนเบิกความในทำนองเดียวกันว่า ภาพที่จำเลยโพสต์ถูกตัดต่อมาจากภาพต้นฉบับ มีความรุนแรง เป็นการดูหมิ่นรัชกาลที่ 10 และกระทบต่อความมั่นคง อีกทั้ง คมสัน โพธิ์คง และกัญจ์บงกช เมฆาประพัฒน์สกุล ซึ่งเป็นบุคคลทั่วไปยังให้การต่อพนักงานสอบสวนในทำนองเดียวกันกับพยานโจทก์ข้างต้น
เมื่อพิจารณาภาพตามฟ้องที่จำเลยดัดแปลงจากต้นฉบับ ซึ่งจำเลยเบิกความยอมรับว่านำภาพมาตัดต่อ เห็นได้ว่า จำเลยทำให้เป็นภาพขาวดำ และใช้สีดำในการตกแต่งพระพักตร์ของรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ให้ดูน่ากลัว แตกต่างจากภาพต้นฉบับที่มีสีสันงดงาม อีกทั้งจำเลยใส่ชื่อภาพ “วิปลาส อำนาจ มนต์ดำ” พร้อมกับข้อความ “เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” และ “ยกเลิก 112” เป็นต้น
ซึ่งตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานระบุไว้ว่า คำว่า “วิปลาส” แปลว่า คลาดเคลื่อนไปจากธรรมดาสามัญ โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 2 บัญญัติไว้ว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมาตรา 3 บัญญัติไว้ว่า อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
แสดงว่ารูปภาพและข้อความของจำเลยต้องการสื่อให้ประชาชนทั่วไปที่เห็นเข้าใจได้ว่ารัชกาลที่ 10 ใช้อำนาจประมุขคลาดเคลื่อน ใช้อำนาจมนต์ดำ และเป็นเผด็จการ ทั้งที่กษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทย จึงเชื่อได้ว่า จำเลยทำเพื่อใส่ความรัชกาลที่ 10 โดยเฉพาะในข้อความ ยกเลิก 112 จำเลยได้เบิกความตอบโจทก์ว่าต้องการให้แก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นข้อหาตามฟ้อง ยิ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาดูหมิ่นรัชกาลที่ 10
พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้ว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 และเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 2 และมาตรา 8 ที่บัญญัติไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงดํารงตําแหน่งจอมทัพไทย สถาบันกษัตริย์จึงเป็นสถาบันหลักและเป็นความมั่นคงของประเทศ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดต่อความมั่นคงของประเทศ
ที่จำเลยต่อสู้ว่างานศิลปะสร้างสรรค์ขึ้นเป็น Dark Art เห็นว่า มีภาพอื่นอีกมากที่สามารถกระทำได้ แต่จำเลยเลือกภาพกษัตริย์มาตัดต่อพร้อมกับลงข้อความดังกล่าว ส่วนคำว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” จำเลยต่อสู้ว่าเผด็จการหมายถึงรัฐบาลของประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเผด็จการ ไม่ได้หมายถึงรัชกาลที่ 10 แต่จำเลยก็ไม่ได้ลงภาพประยุทธ์ ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 4 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 3 ปี และให้บวกโทษจำคุกอีก 6 เดือน 10 วัน ในคดีส่วนตัวที่ศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาถึงที่สุดให้รอการลงโทษไว้ รวมโทษจำคุกเป็น 3 ปี 6 เดือน 10 วัน ไม่รอการลงโทษ และให้นับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกในอีกคดีของศาลนี้ (คดีพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลพิพากษาจำคุก 8 เดือน ในความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ และ พ.ร.บ.ความสะอาดฯ)
หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น ทนายความและนายประกันได้ยื่นขอประกันบังเอิญในชั้นอุทธรณ์ ส่วนบังเอิญถูกใส่กุญแจข้อมือและควบคุมตัวไปสืบพยานที่ห้องพิจารณาคดีที่ 813 เนื่องจากบังเอิญเป็นหนึ่งในจำเลยคดีเข้าร่วมชุมนุมที่หน้า สน.สำราญราษฎร์ ในกิจกรรม “ใครใคร่ ด่า ด่า ใครใคร่สาด สาด #Saveหยก”
ต่อมาในเวลา 17.45 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์ โดยให้วางเงินประกันในวงเงิน 200,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ โดยศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใด ๆ เพิ่มเติม
ฐานข้อมูลคดีนี้
คดี 112 “บังเอิญ” ศิลปินขอนแก่น ถูกแกนนำ ศปปส. กล่าวหา โพสต์ภาพพร้อมข้อความหมิ่นประมาท ร.10