ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุก 2 ปี 8 เดือน “มีชัย” คดี ม.112 กรณีโพสต์ตั้งคำถามสถาบันกษัตริย์ ก่อนศาลสมุทรปราการให้ประกัน

วันที่ 27 ก.ย. 2566 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดสมุทรปราการนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ในคดีของ “มีชัย” (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากกรณีโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวรวม 2 ข้อความ ซึ่งมีเนื้อหาตั้งคำถามต่อการใช้ภาษีประชาชนของสถาบันกษัตริย์ โดยศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา

.

คดีนี้มี ศิวพันธุ์ มานิตย์กุล เป็นผู้ไปแจ้งความกล่าวหามีชัยไว้ที่ สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนมีชัยถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2564 ทำให้เขาต้องเดินทางจากจันทบุรีมาต่อสู้คดีที่จังหวัดสมุทรปราการ

จากนั้นพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการได้ยื่นฟ้องมีชัย เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2564 โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2563 มีชัยได้โพสต์ข้อความที่เข้าข่ายเป็นความผิด รวม 2 ข้อความ ได้แก่ “ความเห็นส่วนตัว สถาบันกษัตริย์ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษี ปชช. เพราะกษัตริย์มีธุรกิจผูกขาดอยู่มากมาย” และ “ปชช.มอบเงินให้ระบอบกษัตริย์ 2-3 หมื่นล้านต่อปี กษัตริย์มอบอะไรให้กับ ปชช.” 

มีชัยต่อสู้คดีโดยยอมรับว่าโพสต์ข้อความตามฟ้องจริง แต่ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงการตั้งคำถาม อยากให้สังคมร่วมกันคิดว่าจะสามารถปรับลดงบประมาณสถาบันกษัตริย์เพื่อเป็นประโยชน์กับสังคมโดยรวมได้อย่างไร เป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต และไม่ใช่การดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย และไม่ได้เจาะจงตัวบุคคลใด แต่กล่าวถึงสถาบันกษัตริย์โดยรวม

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2565 ศาลจังหวัดสมุทรปราการพิพากษาว่า มีชัยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

.

ช่วงเช้าที่ห้องพิจารณา 20 มีชัยพร้อมครอบครัว ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลย และนายประกันกองทุนราษฎรประสงค์ ได้มานั่งรออยู่หน้าห้องพิจารณาเพื่อรอฟังคำพิพากษา

เวลา 09.45 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดี และอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีใจความโดยสรุปว่า หลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสำนวนคดีนี้แล้วรับฟังได้ว่า จำเลยได้ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ 2 ข้อความดังกล่าวลงเฟซบุ๊กส่วนตัวจริง โดยมีการตั้งค่าเป็นสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

การที่จำเลยอุทธรณ์ว่า ข้อความของจำเลยกล่าวถึง ‘สถาบันกษัตริย์’ เท่านั้น ไม่ได้เจาะจงถึงบุคคลใดคนหนึ่ง หรือพระมหากษัตริย์ และเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาทนั้น ศาลเห็นว่า ประเทศเราเป็นระบบการค้าเสรี การที่จำเลยพูดเรื่องการผูกขาดการค้านั้น ย่อมเกี่ยวถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือนิติบุคคล ซึ่งคำพูดของจำเลยมีนัยสื่อว่า มีการใช้อำนาจเหนือตลาดอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดความเกลียดชังได้

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้ง 2 ข้อความของจำเลย มีคำว่า “กษัตริย์” ระบุอยู่ด้วย ประชาชนทั่วไปที่อ่านจะสามารถเข้าใจได้ว่า สื่อถึงในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลที่จำเลยโพสต์แสดงความคิดเห็นนั้นไม่เป็นความจริง ก่อให้เกิดความเกลียดชังและความเสื่อมเสียต่อพระมหากษัตริย์ พิพากษายืน

หลังอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น ผู้พิพากษาได้ชี้แจงกับมีชัยว่า หากไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์สามารถยื่นฎีกาต่อไปได้ รวมถึงสามารถขอยื่นประกันตัวระหว่างสู้คดีได้ ก่อนที่ตำรวจศาลจะใส่กุญแจมือมีชัย พาลงไปรอที่ห้องเวรชี้ 

ขณะที่ทนายความยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นฏีกาต่อไป โดยใช้หลักทรัพย์ประกันเดิมจำนวน 225,000 บาท และเพิ่มหลักทรัพย์อีก 110,000 บาท รวมทั้งหมด 335,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ 

ต่อมา เวลา 15.27 น. ศาลจังหวัดสมุทรปราการมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดเพิ่มเติม 

น่าสังเกตว่า ศาลจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ประกันจำเลยระหว่างอุทธรณ์เองโดยไม่ได้ส่งให้ศาลฎีกาสั่ง ทำให้จำเลยไม่ต้องสูญเสียอิสรภาพระหว่างรอคำสั่ง

สำหรับมีชัยเป็นชาวกรุงเทพฯ ที่ย้ายไปอาศัยอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี และถูกแจ้งความดำเนินคดีที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยเขาประกอบอาชีพเป็นพ่อครัวที่ร้านอาหาร และเป็นเสาหลักของบ้าน ต้องดูแลลูกสาวที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย พร้อมมารดาชราวัย 83 ปี

อ่านฐานข้อมูลคดี:

คดี 112 “มีชัย” ชาวจันทบุรี โพสต์ตั้งคำถาม กษัตริย์กับภาษีประชาชน 

X