ศาลสมุทรปราการสั่งห้ามเผยแพร่การสืบพยาน คดี “มีชัย” จำเลย 112 วิจารณ์การใช้ภาษีของสถาบันกษัตริย์ ก่อนฟังคำพิพากษาพรุ่งนี้

18 ก.ค. 2565 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดสมุทรปราการนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “มีชัย” (สงวนนามสกุล) เกษตรกรวัย 51 ปี จากจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112  และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) กรณีโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวรวม 2 ข้อความ ซึ่งมีเนื้อหาตั้งคำถามต่อการใช้ภาษีประชาชนของสถาบันกษัตริย์ คดีนี้มีการสืบพยานเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 7-8 พ.ค. 2565 

ทั้งนี้ มีชัยถูกอัยการฟ้องรวมเป็นสองกรรม ได้แก่ กรรมแรก จากข้อความ “ความเห็นส่วนตัว สถาบันกษัตริย์ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษี ปชช. เพราะกษัตริย์มีธุรกิจผูกขาดอยู่มากมาย” กรรมสอง จากข้อความ “ปชช.มอบเงินให้ระบอบกษัตริย์ 2-3 หมื่นล้านต่อปี กษัตริย์มอบอะไรให้กับ ปชช.” ทั้งสองกรรมเป็นข้อความที่โพสต์ช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 

ย้อนอ่านคำฟ้อง >> ฟ้อง ม.112! “มีชัย” ชาวจันทบุรี เหตุโพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็น-ตั้งคำถาม กษัตริย์กับภาษีประชาชน

.

ศาลไม่ให้ผู้ไม่ใช่คู่กรณีร่วมเข้าฟังการพิจารณา อ้างสถานการณ์โควิด – สั่งห้ามเผยแพร่กระบวนการพิจารณา แม้ไม่ได้สั่งพิจารณาลับ ด้านจำเลยต่อสู้ข้อความเพียงตั้งคำถามงบประมาณสถาบันฯ ด้วยเจตนาสุจริต 

ในวันแรกของการสืบพยาน ที่ห้องพิจารณา 6 เวลา เวลา 09.00 น. มีชัย, ทนายจำเลย, ผู้สังเกตการณ์จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, iLaw และนักศึกษา ได้ทยอยมานั่งรอในห้องพิจารณา 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ประจำห้องพิจารณาได้ออกมาแจ้งว่า เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาด จึงขอให้แค่ให้ผู้ที่เป็นคู่ความเข้าห้องพิจารณาเท่านั้น ด้านผู้สังเกตการณ์ iLaw ชี้แจงต่อศาลว่า ห้องพิจารณาค่อนข้างกว้างขวาง สามารถนั่งเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ ภายหลังศาลจึงอนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์เข้าห้องพิจารณา 

เวลา 09.40 น. ศาลออกนั่งพิจารณา ก่อนเริ่มการสืบพยาน ทนายจำเลยได้ชี้แจงต่อศาลว่า ในคำให้การของพนักงานสอบสวนมีข้อผิดพลาดบางประการ โดยพนักงานสอบสวนได้เขียนรายงานว่า จำเลยยอมรับว่าตนโพสต์ข้อความจริง ด้านศาลระบุว่ามันเป็นเพียงการกล่าวหาของตำรวจเท่านั้น ส่วนข้อความดังกล่าวจะเข้าข่ายตามฟ้องหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง

ต่อมา ศาลได้เรียกผู้สังเกตการณ์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษย์มาตักเตือนว่า หากจะจดบันทึกจำเป็นต้องขออนุญาตศาลก่อน พร้อมกับถามว่าจดบันทึกไปเพื่อจุดประสงค์อะไร ภายหลังศาลอนุญาตให้จดบันทึกต่อและสั่งห้ามนำกระบวนการพิจารณาไปเผยแพร่เป็นอันขาด พร้อมกับระบุว่า คดีนี้หากศาลจะสั่งพิจารณลับก็สามารถทำได้ ก่อนจะกลับไปพิจารณาคดีตามปกติ

อัยการโจทก์นำพยานเข้าเบิกความจำนวน 4 ปาก ประกอบด้วย ศิวพันธุ์ มานิตย์กุล ในฐานะผู้กล่าวหา, จรินทร์ ภูริคุปต์ ทนายความผู้ให้ความเห็นเกี่ยวกับมาตรา 112, วาสนา โอภาสวัฒนาธร ครูสอนภาษาไทย และ พ.ต.ท.รังสรรค์ คำสุข พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี

ส่วนฝ่ายจำเลยได้นำพยานเข้าเบิกความ 2 ปาก คือ ตัวจำเลย และ บรรณาธิการสำนักข่าวประชาไท 

ในประเด็นข้อต่อสู้ อัยการโจทก์นำสืบว่า ข้อความทั้งสองของจำเลยที่ตั้งคำถามถึงงบประมาณสถาบันกษัตริย์นั้น สื่อทำนองว่ากษัตริย์เอารัดเอาเปรียบประชาชน มีธุรกิจผูกขาดส่วนตัว รวมถึงสื่อทำนองว่านำภาษีประชาชนไปใช้ส่วนตัว ไม่ได้มอบอะไรกลับคือให้ประชาชน โดยมีเจตนาที่จะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด เป็นการดูหมิ่นอาฆาตมาดร้าย ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียเกลียดชัง เป็นการกล่าวเท็จใส่ร้ายสถาบันกษัตริย์  

ขณะที่ข้อต่อสู้ของจำเลยคือ ยอมรับว่าโพสต์ข้อความทั้งสองข้อความจริง แต่ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงการตั้งคำถาม อยากให้สังคมร่วมกันคิดว่าจะสามารถปรับลดงบประมาณสถาบันกษัตริย์เพื่อเป็นประโยชน์กับสังคมโดยรวมได้อย่างไร เป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต ไม่ได้มีอคติกับสถาบันกษัตริย์แต่อย่างใด 

อนึ่งคดีนี้มี ศิวพันธุ์ มานิตย์กุล เป็นผู้ไปร้องทุกข์เอาไว้ที่ สภ.บางแก้ว ตั้งแต่เมื่อพฤษภาคม 2563 โดยจากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ผู้กล่าวหารายนี้แจ้งความคดีมาตรา 112 ไว้ที่สถานีตำรวจนี้ไม่น้อยกว่า 9 คดี โดยคดีทั้งหมดกำลังทยอยขึ้นสู่ศาล

.

X