ชีวิตคุกครั้งแรกของ “มิกกี้บัง”: การเตรียมใจ ผมที่ถูกตัด และเสียงหัวเราะที่ยังอยู่

เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2565 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทนายความเข้าเยี่ยม “มิกกี้บัง” สมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า วัย 23 ปี ที่ไม่ได้รับการประกันตัวหลังจากถูกอัยการสั่งฟ้องคดีต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2565 กรณีถูกกล่าวหาว่าเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ที่บริเวณหน้าโรงเรียนราชวินิต มัธยม ในระหว่างการเข้าร่วมชุมนุมครบรอบ 15 ปี รัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2564 โดยมีข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และวางเพลิงเผาทรัพย์

“บัง” หรือที่เพื่อนๆ เรียกกันติดปากว่า “มิกกี้บัง” เดินมานั่งหน้าจอด้วยสีหน้ายิ้มๆ เขาใส่แว่นสีเงินอันเดิม หัวสั้นเกรียน สวมเสื้อฮาวายตัวที่ใส่ประจำ และเป็นตัวเดียวกับที่ใส่ไปศาลก่อนเข้าเรือนจำ เนื่องจากมิกกี้ตัวใหญ่ ไม่มีชุดผู้ต้องขังในขนาดที่ใส่ได้ ผู้คุมเลยอนุโลมให้ใส่ชุดนี้ไปก่อน แต่ติดปัญหาที่ว่าทั้งตัวมีอยู่ชุดเดียว แต่ต้องใส่ทุกวัน ทำให้ใส่ซ้ำมาตั้งแต่วันแรกแล้ว ผู้คุมบอกว่าตอนกลางคืนก็ให้ซักแล้วตากไว้ เช้ามาก็แห้งพอดี

มิกกี้บัง บอกว่าเขาเตรียมตัวเตรียมใจไว้ระดับหนึ่งแล้ว ก่อนไปรายงานตัวตามนัดของอัยการเพื่อสั่งฟ้องคดี โดยไม่ได้คิดหลบหนีแต่อย่างใด คดีนี้ตั้งแต่ต้น เมื่อเดือนตุลาคม 2564 มิกกี้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ตามหมายเรียก ไม่ใช่การถูกจับกุม เขาไม่เคยถูกออกหมายจับ และเขาก็ไปตามนัดของตำรวจและอัยการเรื่อยมา แต่กระนั้นเมื่อเห็นกรณีของ “แซม” พรชัย และ “แม็ก” สินบุรี ที่ถูกกล่าวหาคดีเดียวกันในภายหลัง กลับไม่ได้รับการประกันตัวเรื่อยมา เขาก็ได้เผื่อใจไว้ระดับหนึ่งแล้ว ว่าจะต้องเข้าเรือนจำเช่นกัน

วันที่ 4 ต.ค. 2565 มิกกี้บังเดินทางไปศาลกับสมาชิกทะลุฟ้าอีกคนหนึ่ง และมีเพื่อนๆ อีกส่วนหนึ่งตามไปสมทบ ช่วยให้ใจชื้นขึ้นระหว่างรอการประกันตัว มิกกี้ถูกนำตัวไปห้องเวรชี้เพื่อรอประกันตัวตั้งแต่เวลา 11.00 น. จนถึงประมาณ 18.00 น. จึงได้ทราบว่าศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว

“พอรู้ว่ามีคำสั่งไม่ให้ประกัน ก็เป็นไปตามคาด นี่เป็นคำสั่งของตุลาการเผด็จการอยู่แล้ว ถ้าให้ประกันสิ ถึงจะผิดวิสัย”

เมื่อทราบคำสั่ง เขาถูกนำตัวไปตรวจร่างกายก่อนไปยังเรือนจำ มิกกี้บรรยายว่าเจ้าหน้าที่ให้ทุกคนที่ต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำมายืนรอตรวจพร้อมกันหมด แล้วให้ถอดเสื้อผ้าออก ก่อนให้เข้าไปในบล็อกห้องน้ำเล็กๆ แล้วให้ยกอวัยวะเพศขึ้น เพื่อที่จะดูว่าซ่อนอะไรไว้หรือไม่

“ผมก็ไม่รู้ว่าตรงนั้นมันจะพกจะซ่อนอะไรไว้ได้ หลังจากนั้นเขาก็ให้หันหลัง ให้แหวกตูด แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะมาส่องดูข้างใน มีแค่ส่องดู ไม่ได้มีการมาจับอะไร” มิกกี้บังบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้น

จากนั้น เขาถูกนำตัวขึ้นรถราชทัณฑ์มายังเรือนจำ เมื่อไปถึงก็ต้องตรวจร่างกายอีกรอบ ให้ผู้ต้องขังเปลี่ยนชุด ให้พิมพ์ลายนิ้วมือ สอบถามโรคประจำตัว ก่อนถูกนำตัวไปยังแดน 2

“เข้ามาตอนแรก ผมผมยาวคนเดียวเลย ทุกคนเรียกผมว่าพี่หมด ผู้ช่วยผู้คุมก็เรียกพี่ มาถึงก็ขึ้นห้องเลย ผมอยู่ห้อง 15 ผมชวนทุกคนเริ่มกระบวนการแนะนำตัวกันในห้อง เพราะอยากรู้จักทุกคน ทุกคนก็ดูสนุกนะ ทุกคนชอบฟังผมเล่าเรื่อง ใครถามอะไรมา ถ้าเล่าได้ ผมก็เล่าพวกหนัง นิทาน การเมือง กีฬา ก็ช่วยผ่อนคลายให้คนในห้องได้ ทุกคนก็ดูชอบนะ”

“วันแรกมีผู้ช่วยเอาข้าวมาให้ มื้อแรกเป็นต้มจับฉ่าย คะน้านี่มาเป็นก้อนเลย ทุกคนตั้งชื่อเรียกว่าเมนู ‘โห่หลวง’ คือ โห่อาหารหลวงนั่นแหละ วันแรกผมกินไปคำเดียว ไม่อร่อยเลย ก็เลยคิดว่ารอกินพรุ่งนี้ก็ได้” มิกกี้เล่าถึงคืนแรกและครั้งแรกในชีวิตภายในคุกของเขา

.

.

วันที่ 5 ต.ค. เช้าแรกของการจองจำ มิกกี้บังบอกว่าเขาตื่นตั้งแต่ตี 5 ฟ้ายังไม่สว่าง ไม่รู้ทำอะไร ก็หยิบหนังสือที่มีในห้องมาอ่าน ได้เล่มชื่อ “วิธีปั้นความสำเร็จ” เป็นหนังสือแนวฮาวทู เพราะแทบไม่มีหนังสือแนวการเมืองให้เลือก หลังจากนั้นก็ทำกิจกรรมตามกิจวัตรของเรือนจำ โดยเขายังอยู่ในช่วงกักตัวป้องกันโรค ต้องอยู่ในห้องขังตลอดเวลา ยังไม่สามารถออกจากห้องได้ ยกเว้นเวลามีคนมาเยี่ยม

มิกกี้บังยังเล่าติดตลกถึงการทำความรู้จักกับเพื่อนผู้ต้องขังในห้องเดียวกัน ว่ามีพี่คนหนึ่งพยายามเข้ามาถามว่าทำไมเขาถึงชื่อ “มิกกี้” เมื่อเขาอธิบายว่ามันเป็น AKA (Also known as) หรือชื่อในวงการ พี่คนนั้นเลยบอกว่าแกอยากมีเหมือนกัน เลยนั่งคิดชื่อกัน แล้วก็ได้ชื่อว่า “ไผ่ทองซิ่ง” เพราะก่อนหน้านี้พี่คนนี้ขายไอติมไผ่ทองมาก่อน

นอกเหนือจากอ่านหนังสือ วันเวลาในห้องขัง เขาบอกว่าก็ได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนประเด็นต่างๆ กับเพื่อนผู้ต้องขังในห้อง และยังมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตัดผมผู้ต้องขังใหม่

“ตอนผมโดนตัดผม น้ำตาจะไหล เพราะก่อนหน้านี้ กะว่าจะเอาไปบริจาค แต่เขาตัดแล้วเอาไปทิ้งเลย”

มิกกี้บอกว่าเขาไม่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ มีแค่ที่ต่างไปคือในห้องขังจะไม่ปิดไฟตลอดคืน แต่เขาก็นอนหลับได้อยู่

มิกกี้บังยังบอกว่าเขาได้รับข้อความให้กำลังใจจากแซมและแม็ก ทะลุฟ้า ที่ฝากส่งเข้ามาในห้องขังด้วย แม้ยังไม่ได้พบและคุยกัน แต่ก็ทำให้รู้สึกมีกำลังใจมาก

การเยี่ยมในวันที่ 6 ตุลา ยังทำให้เขาระลึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ว่ารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปงานรำลึกในปีนี้ เพราะปีที่แล้ว เขาก็ใส่เสื้อฮาวายไปงานมาเหมือนกัน

“เสียใจมากที่ไม่ได้ไปงาน 6 ตุลา กับเพื่อนๆ กับทุกคน คิดว่าจะเป็นงานสุดท้ายอำลาก่อนเข้าเรือนจำ แต่ดันมาติดซะก่อน วันนี้ก็ใส่เสื้อฮาวายเหมือนงาน 6 ตุลาปีที่แล้ว แต่ไม่ได้ใส่ในงาน วันนี้มาใส่ในคุก” มิกกี้บังบอก พร้อมกับเสียงหัวเราะ ในเรื่องที่เป็นตลกร้าย

มิกกี้บังยังฝากข้อความถึงเพื่อนๆ กลุ่มทะลุฟ้าด้วยว่า “ขอให้เพื่อนทุกคนสู้ต่อ ไม่ต้องคิดว่านี่คือการสูญเสีย แต่คิดว่ามันคือการต่อสู้ ผมสบายดี เพื่อนในห้องขังทุกคนก็สบายดี เอาวิชาที่เพื่อนๆ พี่ๆ สอนมาใช้ข้างใน ใช้ได้ดี และดูแลทุกคนในห้องขังได้”

“ฝากจำหน้าผมวันนี้ไว้ เอาไปเล่าให้เพื่อนๆ ข้างนอกฟังด้วย” มิกกี้บัง ผู้ใส่แว่นอันเดิม หัวเกรียนไปทั้งสองข้าง มีผมแค่ที่ด้านบนศีรษะ สวมเสื้อฮาวายซึ่งปลดกระดุมเสื้อถึงกลางอก ฝากอีกความประสงค์หนึ่งออกมา พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ยังคงอยู่

.

X