ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา “บูม จิรวัฒน์” เหตุแชร์ 3 โพสต์ ‘ผูกขาดวัคซีน-ตั๋วช้าง-คำปราศรัยมายด์’ ก่อนศาลฎีกาไม่ให้ประกัน

วันที่ 19 มิ.ย. 2568 เวลา 9.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีของ “บูม” จิรวัฒน์ (สงวนนามสกุล) พ่อค้าขายของออนไลน์วัย 33 ปี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3), (5) กล่าวหาว่าแชร์โพสต์เฟซบุ๊กทั้งหมด 3 โพสต์เมื่อปี 2564 โดยเป็นโพสต์ของบุคคลทั่วไป 1 โพสต์ และเป็นโพสต์จากเพจ “KTUK – คนไทยยูเค” จำนวน 2 โพสต์ โดยทั้งหมดเป็นการแชร์โพสต์เฟซบุ๊ก โดยไม่ได้เขียนความคิดเห็นใด ๆ ประกอบ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุกรวม 9 ปี ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงจำคุกรวม 6 ปี ไม่รอลงอาญา เห็นว่าข้อมูลที่จำเลยนำมาแสดงคือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หากแพร่หลายและทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่าข้อมูลเหล่านั้นถูกต้อง อาจกระทบต่อความมั่นคง ตลอดจนทำให้พระมหากษัตริย์ พระราชินี ถูกดูหมิ่นใส่ความ หรือถูกแสดงความอาฆาตมาดร้ายได้ การกระทำจึงถือเป็นเรื่องร้ายแรง

.

ก่อนหน้านี้ จิรวัฒน์เคยถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 2566 หลังถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง จำคุก 9 ปี เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดเหลือจำคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา 

รวมในช่วง 1 ปีที่จิรวัฒน์ถูกคุมขัง ทนายความพยายามยื่นขอประกันตัวทั้งหมดถึง 9 ครั้ง แต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัวเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2567 ทนายความได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัวจิรวัฒน์ พร้อมผู้ต้องขังทางการเมืองคนอื่น ๆ กว่า 14 ราย โดยกรณีของจิรวัฒน์ได้ส่งให้ศาลฎีกาเป็นผู้สั่ง

จนกระทั่งในวันที่ 11 ธ.ค. 2567 นายประกันได้รับแจ้งว่า ศาลฎีกามีคำสั่งลงวันที่ 10 ธ.ค. 2567 อนุญาตให้ประกันตัวจิรวัฒน์ในระหว่างอุทธรณ์ โดยให้วางหลักทรัพย์ 250,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ โดยมีเงื่อนไขให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM), ห้ามกระทำการใด ๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ และห้ามออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น จิรวัฒน์จึงได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 12 ธ.ค. 2567 รวมเขาถูกคุมขังไปแล้ว 1 ปี 6 วัน

ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2567 จิรวัฒน์ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลอุทธรณ์ในขณะถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเขาเขียนอุทธรณ์ด้วยลายมือของตนเองส่งออกมาจากเรือนจำ ขอให้ศาลอุทธรณ์ลดโทษ เนื่องจากเป็นเสาหลักครอบครัว ต้องดูแลภรรยาที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 3, ลูกสาววัย 5 ขวบ และบิดามารดาวัยชราที่มีโรคประจำตัว

.

ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 404 จิรวัฒน์เดินทางมาศาลพร้อมครอบครัว โดยมีผู้สังเกตการณ์จากองค์กรสิทธิมนุษยชน และประชาชนเข้าร่วมสังเกตการณ์คดี 

ก่อนศาลออกนั่งพิจารณาคดี จิรวัฒน์เล่าว่า ปัจจุบัน อาการป่วยด้วยโรคมะเร็งของภรรยาตอนนี้ลุกลามไปจนถึงระยะที่ 4 แล้ว โดยมะเร็งได้ลามไปที่ตับและต่อมน้ำเหลือง และยังต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นประจำทุกสัปดาห์

ผู้ที่ดูแลลูกสาววัย 6 ขวบของจิรวัฒน์ โดยหลักยังคงเป็นเขากับภรรยา ในขณะที่บิดามารดาของจิรวัฒน์ก็อยู่ในวัยชราแล้ว ดังนั้นจิรวัฒน์จึงเป็นเสาหลักในการหารายได้มาจุนเจือครอบครัว

จิรวัฒน์และภรรยายังคงทำธุรกิจขายเสื้อผ้าออนไลน์อยู่ แต่ขายไม่ดีเท่าเดิมแล้ว จิรวัฒน์จึงทำงานประจำเป็นพนักงานขายเหล็กควบคู่ไปด้วย

หากเขาถูกตัดสินลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา เขาระบุว่า หากเป็นเช่นนั้นย่อมกระทบต่อทุก ๆ คนในครอบครัว ทั้งเรื่องการดำรงชีวิตและจิตใจ

เวลา 9.52 น. ศาลออกนั่งพิจารณาคดีและอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ในคดีนี้ สามารถสรุปได้ดังนี้

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่ามีเหตุสมควรลดโทษให้จำเลยหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัว นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โพสต์ของบัญชีบุคคลทั่วไป และเป็นโพสต์จากเพจ “KTUK – คนไทยยูเค” เข้ามาในเฟซบุ๊กจำเลยแบบสาธารณะเพื่อให้ประชาชนบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงและรับรู้ได้รวม 3 ครั้ง 

เห็นว่า ข้อมูลที่จำเลยนำมาแสดงคือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หากแพร่หลายและทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่าข้อมูลเหล่านั้นถูกต้อง อาจกระทบต่อความมั่นคง ตลอดจนทำให้พระมหากษัตริย์ พระราชินี ถูกดูหมิ่นใส่ความ หรือถูกแสดงความอาฆาตมาดร้ายได้ การกระทำจึงถือเป็นเรื่องร้ายแรง

นอกจากนั้น ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น จำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด เพิ่งมาให้การยอมรับและสำนึกผิดในชั้นอุทธรณ์

ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุกรวม 9 ปี ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงจำคุกรวม 6 ปี เหมาะสมกับพฤติการณ์การกระทำความผิดจำเลยแล้ว พิพากษายืน

หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาจบ ครอบครัวได้เข้าไปกอดจิรวัฒน์พร้อมร้องไห้ ในขณะที่เขาถอดของมีค่าที่ติดตัวมาฝากไว้กับครอบครัว ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวไปขังที่ห้องขังใต้ถุนศาลระหว่างรอการประกันตัวในระหว่างฎีกา

สำหรับคำร้องขอประกันตัวในระหว่างฎีการะบุโดยสรุปว่า จำเลยมีหลักประกันเป็นเงินสดจำนวน 500,000 บาท พร้อมทั้งยินยอมติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) ตามเดิม

นอกจากนี้ ศาลฎีกาเคยอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลย เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2567 และภายหลังได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราวทั้งในระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นและในระหว่างอุทธรณ์ ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำการใดอันเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขหรือกระทำการใด ๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ อันเป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวหรือถูกฟ้องเป็นคดีลักษณะเดียวกับคดีนี้อีก 

ข้อเท็จจริงตามสำนวนคดีนี้ปรากฏชัดแจ้งว่าในระหว่างพิจารณาจนถึงวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยให้ความร่วมมือเข้าร่วมการพิจารณาคดีทุกนัด ตลอดจนเข้าร่วมฟังคำพิพากษาในวันนี้ โดยมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวอยู่ที่ข้อเท้าของตน พฤติการณ์ดังกล่าวจึงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าหากจำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวไป จำเลยจะหลบหนี

จำเลยจึงขอศาลมีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างฎีกา ดังที่เคยมีคำสั่งอนุญาตในระหว่างอุทธรณ์เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2567

เวลา 11.50 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันตัวของจำเลยไปให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาคำสั่งประกัน 

ต่อมาเวลา 16.48 น. ศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวจิรวัฒน์ ระบุเหตุผลว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยรวม 3 กระทง มีกำหนด 6 ปี หากปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยอาจจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ให้ยกคำร้อง” ทำให้จิรวัฒน์จะต้องถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันทีในวันนี้

ทั้งนี้ ในการให้ประกันตัวจิรวัฒน์เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2567 ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ความหนักเบาแห่งข้อหา และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 2 ปี รวม 3 กระทง 6 ปี ประกอบกับจำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นโดยไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์หลบหนี  จึงอนุญาตให้ประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์”

ทำให้ปัจจุบันมีผู้ถูกคุมขังในเรือนจำจากการแสดงออกทางการเมือง หรือมีมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการเมือง จำนวนอย่างน้อย 49 คน (เป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 32 คน) (ดู รายชื่อผู้ต้องขังทางการเมือง 2568)

.

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

บทสัมภาษณ์ของจิรวัฒน์: ขายของออนไลน์อยู่ดี ๆ ก็โดน ม.112 : สำรวจความรู้สึกหลังห้องพิจารณาคดีที่ 402 ของ “จิรวัฒน์” จำเลยคดีมาตรา 112

บทสัมภาษณ์ภรรยาของจิรวัฒน์ : “ถ้าเราตายก่อนบูมได้ประกันตัว แล้วลูกจะอยู่กับใคร?” คุยกับ “แพร” แม่เลี้ยงเดี่ยวจำเป็น ผู้ป่วยมะเร็ง และภรรยานักโทษการเมือง

บันทึกการต่อสู้คดี บันทึกการต่อสู้คดี ม.112 ของ “จิรวัฒน์” พ่อค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์ เหตุแชร์ 3 โพสต์ ผูกขาดวัคซีน-ตั๋วช้าง-คำปราศรัยม็อบ24มีนา64

X