จับตา! ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดี 112 “บูม จิรวัฒน์” เหตุแชร์ 3 โพสต์ ‘ผูกขาดวัคซีน-ตั๋วช้าง-คำปราศรัยมายด์’ หลังศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา

พรุ่งนี้ (19 มิ.ย. 2568) เวลา 9.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีของ “จิรวัฒน์” (สงวนนามสกุล) พ่อค้าขายของออนไลน์วัย 33 ปี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3), (5) กล่าวหาว่าแชร์โพสต์เฟซบุ๊กทั้งหมด 3 โพสต์เมื่อปี 2564 โดยเป็นโพสต์ของบุคคลทั่วไป 1 โพสต์ และเป็นโพสต์จากเพจ “KTUK – คนไทยยูเค” จำนวน 2 โพสต์ โดยทั้งหมดเป็นการแชร์โพสต์เฟซบุ๊ก โดยไม่ได้เขียนความคิดเห็นใด ๆ ประกอบ

ก่อนหน้านี้ จิรวัฒน์เคยถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 2566 หลังถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง จำคุก 9 ปี เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดเหลือจำคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา 

รวมในช่วง 1 ปีที่จิรวัฒน์ถูกคุมขัง ทนายความพยายามยื่นขอประกันตัวทั้งหมดถึง 9 ครั้ง แต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัวเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2567 ทนายความได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัวจิรวัฒน์ พร้อมผู้ต้องขังทางการเมืองคนอื่น ๆ กว่า 14 ราย โดยกรณีของจิรวัฒน์ได้ส่งให้ศาลฎีกาเป็นผู้สั่ง

จนกระทั่งในวันที่ 11 ธ.ค. 2567 นายประกันได้รับแจ้งว่า ศาลฎีกาได้มีคำสั่งลงวันที่ 10 ธ.ค. 2567 อนุญาตให้ประกันตัวจิรวัฒน์ในระหว่างอุทธรณ์ โดยให้วางหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 250,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ โดยมีเงื่อนไขให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM), ห้ามกระทำการใด ๆ ในลักษณะทำนองเดียวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ และห้ามออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น จิรวัฒน์จึงได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 12 ธ.ค. 2567 รวมเขาถูกคุมขังไปแล้ว 1 ปี 6 วัน

.

ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2567 จิรวัฒน์ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลอุทธรณ์ในขณะถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเขาเขียนอุทธรณ์ด้วยลายมือของตนเองส่งออกมาจากเรือนจำ สามารถสรุปเนื้อหาได้ดังนี้

ข้าพเจ้าได้แชร์ 3 ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตนเองซึ่งข้าฯ มิได้มีเจตนา และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลังจากที่ข้าพเจ้าได้รับหมายเรียกตัวนั้น ข้าพเจ้าไปตามนัดทุกนัดไม่ได้อิดเอื้อน หรือศาลมีนัดไต่สวนนั้น ข้าพเจ้าก็มาตามนัดมิได้ขาด และรายงานตัวโดยมิได้บิดพลิ้ว 

ทั้งนี้ ข้าพเจ้ามิได้ร่วมเข้าชุมนุมหรือร่วมขบวนการประท้วงทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่เคยมีคดีความใด ๆ มาก่อน ตั้งแต่ข้าฯ ได้รับการศึกษาจนจบปริญญาตรี ข้าฯ ยึดมั่นในหลักธรรมและปฏิบัติดี ตั้งใจทำงาน และยึดมั่นหลักความถูกต้องเสมอมา 

คดีนี้ ข้าฯ ถูกพิพากษามีความผิดตามฟ้อง ศาลชั้นต้นกำหนดโทษ 6 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 2566 จวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งข้าพเจ้าถูกคุมขังมามากกว่า 150 วัน เนื่องจากข้าพเจ้าได้รับโทษมาระยะหนึ่งแล้ว และข้าพเจ้าน้อมรับความผิดที่กระทำลงไปและมิได้บิดพลิ้วในความผิดครั้งนี้ หากแต่ข้าฯ กังวลใจ คือ

ประการที่ 1 ครอบครัวของข้าพเจ้า ประกอบด้วยภรรยาและบุตรสาว ต้องอาศัยอยู่เพียงลำพัง ภรรยาของข้าพเจ้าป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 3  และได้รับการผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2566  และต่อมาในเดือนมีนาคม ปี 2567  แพทย์ได้ทำการตรวจและวินิจฉัยว่าภรรยาของข้าฯ มีเนื้องอกที่รังไข่ 2 ก้อน และจะต้องได้รับการผ่าตัดอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2567  ตามนัดแพทย์ และยังต้องได้รับการรักษาต่อเนื่อง จึงทำให้ข้าพเจ้ากังวลใจเป็นอย่างมากที่ภรรยาและบุตรสาวต้องอาศัยเพียงลำพัง 

อีกทั้งภาระรายจ่ายยังต้องส่งเสียค่าเทอมบุตร ค่าผ่อนรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมถึงต้องดูแลข้าพเจ้า บิดา มารดาของข้าฯ ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งโดยปกติแล้ว ข้าฯ จะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบรายจ่ายข้างต้นทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว

ประการที่ 2  บิดา มารดาของข้าพเจ้าเข้าสู่วัยชรา ประกอบกับมีโรคประจำตัวที่ต้องดูแลรักษาใกล้ชิด โดยบิดาของข้าฯ ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ส่วนมารดาป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ประการที่ 3  บุตรสาวของข้าฯ ปัจจุบันอายุเพียง 5 ปี ซึ่งอยู่ในวัยเรียน กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 3  ขณะนี้อยู่ในการดูแลของภรรยาข้าพเจ้า หากขาดผู้ดูแลในด้านการศึกษา ข้าฯ กังวลว่าบุตรสาวจะได้รับอันตราย หากไม่มีผู้สั่งสอนอบรมเลี้ยงดูให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง หากข้าฯ ได้อบรมลูกสาว ข้าฯ จัดเป็นพ่อที่สอนลูกให้รักในสถาบันครอบครัว รักการศึกษา และสิ่งสำคัญคือรักสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์

ข้าพเจ้าสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำลงไปทั้งหมดรวมถึงพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว จึงขอประทานความเมตตาจากศาลที่เคารพได้โปรดพิจารณาบรรเทาโทษลดโทษข้าพเจ้า เพื่อข้าฯ จะได้มีโอกาสกลับตนเป็นคนดีต่อครอบครัว สังคม และสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สืบไป

.

สำหรับ “บูม” จิรวัฒน์ ประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าออนไลน์ โดย “แพร” ภรรยาของจิรวัฒน์ เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ทั้งได้มีอาการป่วยหนักขึ้นในช่วงปลายปี 2567 พวกเขามีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 6 ขวบ ในช่วงที่เขาถูกคุมขังภรรยาเขาต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกและอาการของตนเองเพียงลำพัง

ในคดีของจิรวัฒน์ ผู้แจ้งความกล่าวหาไว้ที่ สน.ยานนาวา เป็นญาติของแฟนของเขา โดยผู้กล่าวหาเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด–19 และครอบครัวของจิรวัฒน์ระบุว่าเคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันก่อนหน้านี้ 

.

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง

บทสัมภาษณ์ของจิรวัฒน์: ขายของออนไลน์อยู่ดี ๆ ก็โดน ม.112 : สำรวจความรู้สึกหลังห้องพิจารณาคดีที่ 402 ของ “จิรวัฒน์” จำเลยคดีมาตรา 112

บทสัมภาษณ์ภรรยาของจิรวัฒน์ : “ถ้าเราตายก่อนบูมได้ประกันตัว แล้วลูกจะอยู่กับใคร?” คุยกับ “แพร” แม่เลี้ยงเดี่ยวจำเป็น ผู้ป่วยมะเร็ง และภรรยานักโทษการเมือง

บันทึกการต่อสู้คดี บันทึกการต่อสู้คดี ม.112 ของ “จิรวัฒน์” พ่อค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์ เหตุแชร์ 3 โพสต์ ผูกขาดวัคซีน-ตั๋วช้าง-คำปราศรัยม็อบ24มีนา64

X