พิพากษาจำคุก 2 ปี แต่ให้รอลงอาญา คดี ม.112 “เสี่ยวเป้า” ร้องเพลง “โชคดีมีคนไทย” หน้าเรือนจำ

20 มิ.ย. 2567 เวลา 09.00 น. ศาลอาญา รัชดาฯ นัดอ่านคำพิพากษาในคดีของ วรินทร์ทิพย์ วัชรวงษ์ทวี หรือ “เสี่ยวเป้า” อายุ 53 ปี ในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากเหตุร้องเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2565 

คดีนี้มี “อานนท์ กลิ่นแก้ว” แกนนำกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ประชาชื่น พฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาคือ เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2565 วรินทร์ทิพย์ได้ร้องเพลงชื่อว่า “โชคดีที่มีคนไทย” บริเวณหน้าเรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ และมีการไลฟ์สดผ่านช่องยูทูป ผู้กล่าวหาเห็นว่ามีเนื้อหาใส่ร้ายป้ายสี หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายทําให้พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ

สำหรับคดีนี้ ในการนัดสืบพยานเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2567 ภายหลังจากการสืบพยานไปบางปากแล้ว จำเลยได้ตัดสินใจกลับคำให้การเป็นรับสารภาพ ศาลจึงยกเลิกนัดสืบพยาน พร้อมมีคำสั่งสืบเสาะพินิจพฤติการณ์ของจำเลยเพิ่มเติม กำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 มิ.ย. 2567 เวลา 09.00 น.

.

เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 906 วรินทร์ทิพย์ และผู้รับมอบฉันทะทนายความ เข้ามานั่งรอในห้องพิจารณา นอกจากนี้ยังมีนักกิจกรรม ผู้ที่มาให้กำลังใจ และผู้สังเกตการณ์คดีจากองค์กรสิทธิมนุษยชนมาร่วมสังเกตการณ์ดคี 

ต่อมา เวลา 09.30 น. ศาลออกนั่งและอ่านคำพิพากษา สรุปใจความได้ว่า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ หลังจากสืบพยานโจทก์ไปบางปากแล้ว นับว่าเป็นประเโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ให้ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี

ศาลระบุว่าการใช้สิทธิเสรีภาพส่วนตัวจะไปละเมิดสิทธิผู้อื่นไม่ได้ การมีความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติของปุถุชนทั่วไป กฎหมายไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพด้านความคิด บุคคลย่อมมีเสรีภาพทางความคิดอย่างอิสระตราบเท่าที่ไม่มีการแสดงออกซึ่งเจตนาผ่านทางกายภาพและวาจาที่จะกระทบสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติไว้ว่า การกระทำนี้เป็นความผิดโดยไม่อาจอ้างเหตุอันชอบธรรม บุคคลนั้นย่อมได้รับโทษทางกฎหมายที่บัญญัติไว้เหมือนกันทุกคน เพราะประชาชนทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน 

ส่วนสถาบันกษัตริย์ได้ดำรงอยู่คู่สังคมไทยและเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนไทยมาอย่างยาวนาน การส่งเสริมให้ประชาชนเคารพเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ผู้ซึ่งเป็นแบบอย่างของความดีและการเสียสละเพื่อความสุขของส่วนรวม จึงมีนัยยะประการสำคัญคือเป็นการสร้างแบบอย่างและเป็นแนวทางให้ประชาชนมีค่านิยมในการเทิดทูนการทำความดีและสนับสนุนผู้สร้างคุณความดีให้สังคม ให้เกิดมาตราฐานทางสังคมว่า บุคคลผู้ทำความดีเป็นบุคคลทรงคุณค่า เป็นที่ยอมรับและต้องการของคนในสังคมให้ได้ยึดถือและประพฤติตาม คนในสังคมจะยกย่องให้เกียรติบุคคลผู้กระทำความดี 

แม้ประชาชนจะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ไม่ควรที่จะกระทบเสรีภาพผู้อื่น การกระทำตามฟ้องแม้หมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาก็นับเป็นความผิด แต่การหมิ่นประมาทของจำเลยเป็นการใส่ร้าย ป้ายสี ดูหมิ่นสถาบัน เป็นการลดทอนคุณค่าความดีและน้ำพระราชหฤทัยของกษัตริย์ที่ทรงทำงานหนักเพื่อปวงชนชาวไทย

ถือเป็นพฤติการณ์ที่ไม่ยำเกรงกฎหมาย บ่งบอกถึงมิจฉาทิฐิและทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง แต่การที่จำเลยรับสารภาพ ส่อให้เห็นว่าจำเลยสำนึกแล้ว พร้อมกันนี้จากรายงานการสืบเสาะฯ พบว่าจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน และไม่ได้มีพฤติการณ์เป็นแกนนำ เห็นว่าน่าจะกลับตัวเป็นคนดีได้ 

โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี รายงานตัวต่อศาลทุก ๆ 3 เดือน และให้จำเลยกระทำกิจกรรมสังคมหรือสาธารณประโยชน์ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวงรัชกาลที่ 10 และวันพระราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9 วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง พร้อมให้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อการแก้ไขฟื้นฟูตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร

ทั้งนี้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกและให้รอลงอาญา ในคดีที่เกี่ยวข้องกับกรณีการร้องหรือเปิดเพลง  “โชคดีที่มีคนไทย”ของวงไฟเย็นดังกล่าว  ในกิจกรรมทางการเมืองเช่นกัน รวมทั้งหมด 2 คดี ได้แก่ คดีของ “โชคดี-วรัณยา” และคดีของ “โชคดี”

.

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

คดี 112 “เสี่ยวเป้า” เหตุร้องเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 

เปิดประมวลสืบพยานคดี ม.112 “เสี่ยวเป้า” ร้องเพลงโชคดีมีคนไทย ก่อนนัดฟังคำพิพากษาพรุ่งนี้

X