13 พ.ค. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีของ “ปณิธาน” (นามสมมติ) พ่อลูกอ่อนจากจังหวัดสระแก้ววัย 28 ปี ผู้ถูกกล่าวหาในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอการลงโทษ
ข้อกล่าวหาในคดีนี้ มาจากการคอมเมนต์ข้อความใต้โพสต์ของ “Pavin Chachavalpongpun” ในกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวแนบภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2564
.
คดีดำเนินมา 3 ปีกว่า แม้รับสารภาพ ทั้งศาลชั้นต้นและอุทธรณ์เห็นว่าไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ย้อนไปเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2565 ปณิธานถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณเกือบ 10 นาย เข้ามาแสดงหมายจับของศาลอาญาถึงที่ทำงานในจังหวัดสระแก้ว โดยมีการสอบถามว่าเขาเป็นผู้คอมเมนต์ข้อความดังกล่าวและเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กและโทรศัพท์แต่เพียงผู้เดียวใช่หรือไม่ เมื่อรับว่าใช่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้ลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุมซึ่งมีข้อความ ‘ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา’ ก่อนจะถูกนำตัวไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ที่เป็นเจ้าของคดี
ในชั้นสอบสวน ปณิธานให้การรับสารภาพ โดยตำรวจเกลี้ยกล่อมว่าจะช่วยตัดข้อความบางส่วนออกไปเพื่อให้คดีดูไม่ร้ายแรงเกินไป และในขณะสอบสวนมิได้มีทนายความอยู่ด้วย ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยื่นขอฝากขังต่อศาล และศาลอนุญาตให้ประกันตัว โดยครอบครัวกู้ยืมหลักทรัพย์จำนวน 90,000 บาท
ในชั้นศาล ปณิธานตัดสินใจให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำสั่งให้สืบเสาะและพินิจพฤติการณ์ของจำเลย ก่อนมีคำพิพากษา โดยในวันที่ 24 พ.ย. 2565 ศาลอาญาได้พิพากษาจำคุก 4 ปี แต่ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี เนื่องจากให้การรับสารภาพ โดยไม่รอลงอาญา และอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ทันทีภายในวันที่พิพากษา
ต่อมาวันที่ 6 ธ.ค. 2566 ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ข้ออุทธรณ์ที่จำเลยได้ไปร่วมอุปสมบทหมู่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เป็นระยะเวลาหนึ่งนั้น ศาลเห็นว่าข้ออุทธรณ์นี้รับฟังได้ จึงสมควรลดโทษจากจำคุก 2 ปี ให้เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกา
ย้อนอ่านฐานข้อมูลคดีนี้ คดี 112 “ปณิธาน” พ่อลูกอ่อนชาวสระแก้ว เหตุคอมเมนต์ใต้โพสต์ปวินในกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส”
.
จำเลยฎีกาไม่เคยทำผิดมาก่อน-มีหน้าที่การงานเป็นหลักแหล่ง-มีครอบครัวที่ต้องดูแล แต่ศาลฎีกาเห็นว่าเนื้อหาแห่งคดีร้ายแรง พิพากษายืน
วันนี้ (13 พ.ค. 2568) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 608 ปณิธานเดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมกับภรรยาและลูกสาววัย 2 ปี 6 เดือน พร้อมกับญาติที่มาร่วมให้กำลังใจ เขาเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ออกจากบ้านที่จังหวัดสระแก้วตั้งแต่วานนี้ โดยเช้านี้เขามานั่งรอหน้าห้องพิจารณาคดีตั้งแต่ก่อน 09.00 น.
เมื่อถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์แจ้งว่าผู้พิพากษาติดภารกิจจึงอาจจะทำให้การฟังคำพิพากษาล่าช้า ปณิธานจึงได้มีเวลาเล่นกับลูกสาวและคุยกับประชาชนที่มาร่วมให้กำลังใจสักพักก่อนจะเข้าห้องพิจารณา
ในการพูดคุยระหว่างรอ ภรรยาของปณิธานได้กล่าวถึงความคาดหวังในการฟังคำพิพากษาในวันนี้ว่า “เราก็ยังมีหวัง ถึงแม้หวังจะน้อยนิด แต่เราก็ยังมีหวังอยู่”
เวลา 10.51 น. ศาลได้ออกนั่งพิจารณา ก่อนแกะซองคำพิพากษาศาลฎีกา และอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า คดีนี้จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ในศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก 4 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ในชั้นอุทธรณ์ได้พิพากษาลดโทษจากจำคุก 2 ปี ให้เหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ต่อมาจำเลยได้ยื่นฎีกาโดยมีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นลงลายมือชื่อรับรองฎีกา
คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่ามีเหตุให้รอการลงโทษหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน และหลังจากกระทำความผิดก็ไม่ได้ใช้สังคมออนไลน์ในลักษณะเช่นเดียวกับคดีนี้อีก
การที่จำเลยขอพระราชทานอภัยโทษ แสดงความจงรักภักดีโดยร่วมอุปสมบทหมู่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ที่วัดในจังหวัดสระแก้ว ได้มีการร่วมแสดงความจงรักภักดี โพสต์ถวายพระพรพระบรมวงศานุวงศ์ ตามภาพที่ปรากฏในเฟซบุ๊กของจำเลยซึ่งตั้งค่าโพสต์เป็นสาธารณะ จำเลยมีที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง เคยทำงานเป็นพนักงานดับเพลิง ส่วนปัจจุบันทำงานก่อสร้าง มีภาระต้องดูแลครอบครัว
ตามข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่อ้างว่าจำเลยไม่ใช่ผู้โพสต์ เป็นเพียงผู้แสดงความเห็น คนทั่วไปจะเข้ามาเห็นข้อความของจำเลยต้องกดเข้ามาดู จำเลยไม่ได้ประสงค์จะให้ข้อความถูกแพร่เป็นวงกว้าง ทั้งจำเลยไม่ใช่แกนนำและไม่ใช่ผู้นำทางความคิดที่จะเปลี่ยนความคิดใครได้
แต่พิเคราะห์ถ้อยคำที่จำเลยแสดงความเห็นและความร้ายแรงแห่งคดีแล้ว เห็นว่าไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำพิพากษาอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ
.
หลังอ่านคำพิพากษา ปณิธานได้นั่งสวมกอดกับภรรยาที่ร้องไห้และพูดคุยกันสักพักหนึ่งระหว่างที่กำลังรอเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดำเนินเอกสารส่งตัว ก่อนจะถูกนำตัวออกไป
คำพิพากษาของศาลฎีกาทำให้คดีถึงที่สุดลง ทำให้เขาต้องถูกนำตัวไปคุมขังตามคำพิพากษาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันมียอดผู้ต้องขังทางการเมืองอย่างน้อย 48 คนแล้ว โดยเป็นคดีมาตรา 112 จำนวนอย่างน้อย 31 คน
.