เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2566 ศาลจังหวัดกระบี่นัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “จีน่า” สุรีมาศ (สงวนนามสกุล) แม่เลี้ยงเดี่ยววัย 52 ปี ที่ถูกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการแชร์ลิงก์คลิปผู้ทำพิธีขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากกลุ่มเฟซบุ๊ก “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง”
คดีนี้มี พรลภัส ศรีช่วย สมาชิกกลุ่มปกป้องสถาบันฯ จังหวัดกระบี่ เป็นผู้แจ้งความกล่าวหา โดยอ้างว่าเมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2564 ได้เข้าไปดูเฟซบุ๊กของสุรีมาศ และพบการโพสต์ข้อความว่า “หนทางเดียวของกูละ ไอ่เปรตนี่..เด๋วกูจัด!!” พร้อมกับแนบลิงก์ไปยังกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส-ตลาดหลวง” ผู้กล่าวหาอ้างว่าเมื่อกดลิงก์เข้าไปดู พบภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 กำลังเล่นสไลเดอร์อยู่ จึงเห็นว่าเป็นการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ จึงไปแจ้งความที่ สภ.เมืองกระบี่
ฝ่ายจำเลยต่อสู้คดี ว่าตนเองเพียงแต่นำลิงก์จากโพสต์ที่เป็นคลิปการแสดงแบบ “มูเตลู” เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งถูกโพสต์ในกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง” มาแชร์ต่อที่หน้าเฟซบุ๊กตนเองเท่านั้น ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ แต่บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มดังกล่าว หากกดเข้าไปในลิงก์ จะพบภาพปกของกลุ่ม ซึ่งจำเลยไม่ได้เป็นผู้เผยแพร่ แต่หากเป็นสมาชิกกลุ่ม ก็จะแสดงผลเป็นคลิปที่จำเลยแชร์มา การแสดงผลสองแบบจึงมีความแตกต่างกัน จำเลยจึงไม่ได้กระทำการที่มีเจตนาเข้าข่ายมาตรา 112 แต่อย่างใด
ย้อนอ่านบันทึกการสืบพยาน แชร์ลิงก์โพสต์ขับไล่ ‘ประยุทธ์’ แต่ถูกดำเนินคดี ‘หมิ่นกษัตริย์ฯ’: ทบทวนการต่อสู้คดี “สุรีมาศ” ที่กระบี่ เมื่อ ม.112 ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
.
บรรยากาศในวันนัดฟังคำพิพากษา สุรีมาศเดินทางมาพร้อมกับลูกและญาติมิตร โดยมีทนายความ และมีผู้มาให้กำลังใจทยอยมาศาล
การอ่านคำพิพากษาเกิดขึ้นที่ห้องพิจารณาคดีที่ 7 แต่เนื่องจากห้องพิจารณามีขนาดเล็ก ทำให้ผู้เดินทางมาคดีนี้สามารถเข้าไปนั่งฟังคำพิพากษาได้เพียง 4 คนเท่านั้น โดยมีประชาชนที่เดินทางมาในคดีอื่นๆ รอการพิจารณาของตนเอง พร้อมกับตำรวจศาลที่มารอผลคำพิพากษา ห้องพิจารณาจึงแน่นขนัด
เวลา 9.30 น. ศาลนั่งพิจารณา โดยพิจารณาในคดีอื่นๆ ก่อน จนเวลา 10.00 น. จึงได้อ่านคำพิพากษาในคดีของสุรีมาศ โดยสรุปใจความได้ว่า พิเคราะห์พยานโจทก์แต่ละปากเบิกความว่าตนไม่ได้รู้จักหรือมีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่โจทก์จะสมคบคิดกันมากลั่นแกล้งจำเลย ทั้งพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกันว่า มีข้อความ ลิงก์ และภาพตามฟ้อง ปรากฏอยู่ที่หน้าเฟซบุ๊กของจำเลยจริง
ขณะที่พยานของจำเลยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้เบิกความจำลองถึงสถานการณ์การใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์ข้อความและคัดลอกลิงก์จากกลุ่มเฟซบุ๊กส่วนตัวมาประกอบ แสดงให้เห็นว่าหากไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มส่วนตัว ก็จะปรากฏเห็นเพียงภาพหน้าปกของกลุ่มส่วนตัวเท่านั้น การที่จะเห็นลิงก์ตามโพสต์ต้นทางได้นั้น จะต้องเป็นสมาชิกของกลุ่มส่วนตัวก่อน โดยพยานมีการทำคลิปจำลองสถานการณ์อย่างละเอียด เป็นลำดับขั้นตอน มีน้ำหนัก และมีความน่าเชื่อถือ
ประกอบกับพยานโจทก์หลายปากเบิกความเจือสมกันว่า พยานใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวในการเข้าดูเฟซบุ๊กของจำเลย และพยานก็ไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เกตเพลส-ตลาดหลวง” และจากการตอบคำถามค้านของพยานโจทก์หลายคน ก็ตอบในทำนองเดียวกันว่าไม่ทราบว่า หากสมาชิกกลุ่มส่วนตัวคัดลอกลิงก์จากกลุ่มส่วนตัวมาเผยแพร่แล้ว บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกกลุ่ม ก็จะไม่เห็นเนื้อหาตามลิงก์ แต่จะเห็นภาพหน้าปกของกลุ่มแทน
พยานผู้เชี่ยวชาญได้เบิกความว่าการจะทราบเรื่องดังกล่าวได้ ต้องมีความชำนาญในการใช้เฟซบุ๊ก และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีความชำนาญในการใช้เฟซบุ๊กถึงขนาดที่จะทราบได้ว่า การที่จำเลยคัดลอกลิงก์จากกลุ่มส่วนตัวมาโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กของตนโดยเปิดเป็นสาธารณะนั้น จะทำให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มดังกล่าว จะเห็นเพียงภาพหน้าปกของกลุ่มเท่านั้น
ประกอบกับเมื่อพิจารณาข้อความที่มีผู้ได้มาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ของจำเลยที่ว่า “สายมูก็มา พี่ 555” ประกอบกับพยานโจทก์ได้อธิบายความหมายของคำว่า “สายมู” หมายถึง การทำพิธีเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์ ซึ่งสอดคล้องกันกับคลิปวิดีโอตามลิงก์ที่มีการทำพิธีขับไล่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามที่จำเลยได้อ้างถึงว่าได้แชร์โพสต์ดังกล่าวมา
กรณีจึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง
สำหรับคดีนี้มี สุรศักดิ์ ศรีศุภรางค์กุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ เป็นผู้อ่านคำพิพากษา และ สิรินาถ วิสุทธิวัชรกุล เป็นผู้พิพากษาองค์คณะ
.
สำหรับคดีนี้ น่าสนใจในแง่ตัวคลิปที่สุรีมาศนำลิงก์ไปแชร์ไว้นั้น ไม่ได้มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ เป็นเพียงแต่คลิปคนทำพิธีจุดเทียนพร้อมมีเสียงสวดภาษาเขมร และมีรูปภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วางอยู่ โดยมีข้อความประกอบว่า “ในเมื่อไล่ทุกวิธีแล้วไม่ไป ก็ต้องพึ่งวิธีสุดท้าย มนต์ดำเขมร เสกหนังควายเข้าตัวควาย” เพียงแต่คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่อยู่ในกลุ่ม ‘รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส-ตลาดหลวง’ ซึ่งมีภาพของรัชกาลที่ 10 เป็นภาพปกของกลุ่ม ทำให้หากผู้ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่ม กดเข้าไปดูลิงก์ จะเห็นภาพปกดังกล่าว แต่จะไม่สามารถเห็นคลิปต้นทางที่ถูกโพสต์ในกลุ่มได้
ทั้งที่ทั้งเจตนาของสุรีมาศ และองค์ประกอบต่างๆ ในคดี ไม่น่าจะเข้าข่ายตามมาตรา 112 แต่อย่างใด แต่คดีนี้ ตำรวจกลับมีการขอศาลออกหมายจับสุรีมาศ โดยไม่เคยมีหมายเรียกมาก่อน เธอยังถูกส่งขอฝากขัง จนต้องประกันตัวออกมา ทั้งอัยการยังสั่งฟ้องคดีต่อศาล โดยยังขอคัดค้านการประกันตัวด้วย อ้างว่าคดีมีอัตราโทษสูง และเป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชาอาณาจักร แต่ศาลยังให้ประกันตัวเรื่อยมา
.
* บันทึกการสังเกตการณ์โดยทีมงาน “กลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชนภาคใต้ (Law Long Beach)”
.