ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ คดี ม.112 “พัชรพล” คอมเมนต์ในโพสต์ถวายพระพร ให้ริบโทรศัพท์ของกลาง นอกจากนี้เป็นไปตามศาลชั้นต้นจำคุก 1 ปี 6 เดือน รอลงอาญา

วันที่ 16 พ.ค. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญาตลิ่งชันมีคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ในคดีของ พัชรพล” (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) กรณีถูกกล่าวหาว่าคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นถึงรัฐบาลและกษัตริย์ ใต้โพสต์เกี่ยวกับการลงนามถวายพระพร ในเฟซบุ๊กของ ‘กรมประชาสัมพันธ์’ 

ย้อนไปเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2564 ในชั้นจับกุมพบว่าคดีนี้มี กวิน ชาตะวนิช กลุ่มศรีสุริโยไท และอดีตผู้สมัคร สส. จากพรรคไทยภักดี เป็นผู้แจ้งความกล่าวหาไว้ที่ สน.บางพลัด โดยพัชรพลถูกตำรวจกว่า 11 นาย เข้าจับกุมตามหมายจับของศาลอาญาตลิ่งชัน ก่อนถูกตำรวจคุมตัวไปขอฝากขัง และศาลอนุญาตให้ประกันตัว โดยให้วางหลักทรัพย์ 100,000 บาท และกำหนดให้ติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM)

ต่อมา 20 ธ.ค. 2564 พนักงานอัยการ ได้สั่งฟ้องคดีต่อศาลอาญาตลิ่งชัน โดยได้ขอให้ศาลริบโทรศัพท์ของกลาง จำนวน 1 เครื่อง ก่อนศาลรับฟ้องไว้ และมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันจำเลยด้วยหลักประกันเดิมที่เคยวางไว้ในชั้นสอบสวน และยังให้ใส่กำไล EM เช่นเดิม 

ต่อมาศาลได้อนุญาตให้ถอดกำไล EM หลังการยื่นคำร้องของจำเลยเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2565 รวมพัชรพลต้องใส่ EM มาเกือบ 1 ปี

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2566 ศาลอาญาตลิ่งชันพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตัวบทกฎหมายที่หนักที่สุด คือมาตรา 112 ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษเป็นระยะเวลา 3 ปี ให้เข้ารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติเป็นจำนวน 8 ครั้ง ภายใน 2 ปี และทำงานบริการสังคมเป็นระยะเวลา 48 ชั่วโมง ภายใน 1 ปี 

ต่อมาพนักงานอัยการโจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยเกี่ยวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 1 เครื่อง ของกลาง ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด และขอให้ริบของกลางดังกล่าว

ต่อมาในวันที่ 15 พ.ค. 2568 ศาลอาญาตลิ่งชันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่พัชรพลไม่ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาในวันดังกล่าว เนื่องจากทนายจำเลยและจำเลยไม่ได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นเหตุให้ศาลออกหมายจับจำเลยเพื่อฟังคำพิพากษา

วันนี้ (16 พ.ค. 2568) พัชรพลจึงเดินทางไปศาลอาญาตลิ่งชันเพื่อขอมอบตัว ขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับ และอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ในวันนี้ ต่อมาศาลจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับและอ่านคำพิพากษาทันที

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อคดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยมีโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 1 เครื่อง ของกลาง ไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดอันควรริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

X