ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี “สุทธิเทพ” ในข้อหา ม.112  ไม่รอลงอาญา แม้รับสารภาพ ชี้โพสต์วิจารณ์สร้างความเสื่อมเสียต่อองค์กษัตริย์ ก่อนให้ประกันชั้นอุทธรณ์

วันที่ 8 พ.ย. 2565 เวลา 09.30 น. ศาลอาญา รัชดา นัดฟังคำพิพากษาคดีของ “สุทธิเทพ” (สงวนนามสกุล) หนุ่มอายุ 23 ปี  ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) กรณีโพสต์ข้อความวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ประชดกลุ่มรักสถาบันในกลุ่มเฟซบุ๊ก “คณะประชาชนปลดแอก – Free People” เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2564 สุทธิเทพถูกเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าจับกุมในห้างสรรพสินค้าย่านรามอินทราตามหมายจับของศาลอาญา และควบคุมตัวมาที่ บก.ปอท. โดยคดีมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นผู้กล่าวหา  ก่อนที่วันรุ่งขึ้น (10 เม.ย. 64) จะถูกนำตัวไปขออำนาจฝากขัง ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง แต่ให้ประกันตัวในวงเงิน 90,000 บาท  พร้อมกำหนดเงื่อนไข “ห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ดูหมิ่นผู้ใด”

ย้อนอ่านข่าวให้ประกัน >>> ศาลอาญาให้ประกัน “สุทธิเทพ” คดี ม.112 และพ.ร.บ.คอมฯ กำหนดวงเงิน 9 หมื่น ห้ามใช้สื่อออนไลน์ดูหมิ่นผู้ใด

.

ต่อมา ในวันที่ 2 ก.ค. 2564 พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญา 3 จากสำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งฟ้องสุทธิเทพในข้อหา ดูหมิ่นและหมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ โดยพนักงานอัยการระบุว่า ข้อความที่สุทธิเทพโพสต์วิจารณ์ถือเป็นความเท็จ และเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนชาวไทย และน่าจะทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อกษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้

ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 712 สุทธิเทพ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาวันนี้คนเดียว เขาเปิดเผยว่าตนเองมีความกังวลเกี่ยวกับแมวที่เลี้ยงไว้ หากเขาไม่ได้กลับบ้านในวันนี้ แมวของเขาที่อยู่บ้านเพียงลำพังคงจะไม่มีใครมาดูแลต่อ เพราะเขาไม่ได้ไหว้วานใครให้ช่วยเหลือเรื่องนี้เป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ได้เดินมาแจ้งกับสุทธิเทพว่า ศาลจะยังไม่อ่านคำพิพากษาของเขาในเวลาดังกล่าว เนื่องจากศาลยังคงปรึกษากันอยู่ และยังจะไม่เสร็จสิ้นในเร็วๆ นี้ จึงขอให้เขาออกไปรับประทานอาหารรอก่อน

ต่อมา 11.50 น. ศาลขึ้นพิจารณาคดี โดยเรียกให้จำเลยลุกขึ้นรายงานตัวเพื่อฟังคำพิพากษาในวันนี้  คำพิพากษาโดยสรุป ศาลเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียว ให้ลงโทษในตัวบทกฎหมายที่หนักที่สุดคือมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ 1 ปี 6 เดือน 

ศาลเห็นว่าแม้ว่าจำเลยจะไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน แต่จากรายงานการสืบเสาะพฤติกรรม หลังคำรับสารภาพจากพนักงานคุมประพฤติ  ระบุถึงเหตุการณ์ที่ฝ่ายความมั่นคงได้เข้ารักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุมที่รวมตัวกันในเส้นทางของขบวนเสด็จ ทำให้เพื่อนของจำเลยที่ร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บ จำเลยไม่พอใจจึงได้โพสต์ข้อความดูหมิ่นกษัตริย์ การกระทำของจำเลยทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา พฤติการณ์กระทำความผิดเป็นเรื่องร้ายแรง กรณีไม่สมควรรอการลงโทษ พิพากษาให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

หลังจากฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว สุทธิเทพได้ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ใส่กุญแจมือทันที ก่อนที่เขาจะชูมือสองนิ้วขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจตัวเอง “ผมยังสู้อยู่ครับ” 

สำหรับสุทธิเทพ ในวัย 23 ปี เขาได้เปิดเผยความรู้สึก ตั้งแต่ที่ถูกจับกุมและเข้ากระบวนการสู้คดี จนกระทั่งตัดสินใจยอมรับสารภาพว่า “ผมเสียโอกาส ผมอยากกลับไปเรียนต่อก็ไม่กล้า ผมไม่รู้ว่าจะต้องเข้าไปในคุกวันไหน ผมไม่กล้าทำอะไรเลยที่มันเป็นแผนระยะยาวในชีวิตนี้” สุทธิเทพอธิบายว่ามาตรา 112 ทำร้ายความฝันและอนาคตเขาไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ตัวเองได้ทราบว่าถูกจับในข้อกล่าวหานี้แล้ว

“ผมทำใจมาแล้วส่วนหนึ่ง ผมห่วงเรื่องเดียวคือแมวของผม เราไม่มีครอบครัว ไม่มีภาระอยู่แล้ว” สุทธิเทพกล่าวด้วยแววตากังวล

เมื่อถามว่าอยากฝากความเห็นอะไรต่อกระบวนการยุติธรรมที่เขาได้เผชิญอยู่บ้าง สุทธิเทพจึงได้ทิ้งทวนไว้ว่า

“ให้กฎหมายมันเป็นกฎหมายเถอะครับ ม.112 ไม่ใช่กฎหมาย มันคือกฎหมู่ที่เอาไว้ปิดปากคนเห็นต่าง แต่ถ้าคุณยังยืนยันว่านี่คือกฎหมาย ผมก็จะยืนยันต่อสู้กับกฎหมายนี้”

ต่อมาเวลา 16.52 น. ศาลอนุญาตให้ประกันตัวสุทธิเทพระหว่างอุทธรณ์ โดยไม่กำหนดเงื่อนไขการประกันตัวในชั้นนี้ แต่ให้วางหลักทรัพย์เพิ่ม 10,000 บาท จากเดิมที่เคยได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน จำนวน 90,000 บาท รวมเป็นเงิน 100,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ 

X