วันที่ 15 ม.ค. 2568 เวลา 09.30 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “จินนี่” จิรัชยา สกุลทอง ประชาชนวัย 56 ปี ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากกรณีไลฟ์สดบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ในขณะที่กำลังเดินทางไปเข้าร่วมชุมนุม #ม็อบ25กรกฎาคมแห่เทียนไล่นายกฯ ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มทะลุฟ้า บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2565
ในคดีนี้มี ระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ สมาชิกกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันฯ (ศปปส.) เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการ 3 บก.ปอท. เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2565 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ได้แสดงหมายจับและหมายค้นเข้าจับกุมจินนี่ที่บ้านพัก เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2566 และตรวจยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ โดยจำเลยปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ก่อนได้รับการประกันตัวในระหว่างสอบสวน
ต่อมาวันที่ 29 ก.ย. 2566 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้สั่งฟ้องคดีนี้ โดยระบุถึงพฤติการณ์ในวันที่ 25 ก.ค. 2565 ว่าจำเลยได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีถ้อยคำกล่าวถึงพระมหากษัตริย์และสถาบันกษัตริย์ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้
คำฟ้องกล่าวหาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่ารัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นพระราชโอรสของรัชกาลที่ 9 เป็นคนหมกมุ่นเรื่องเพศ เอารัดเอาเปรียบประชาชน ไม่ใส่ใจความเป็นอยู่ทุกข์สุขของประชาชน เป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น เหยียดหยามพระมหากษัตริย์ ทั้งเป็นการปลุกปั่นทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดและจูงใจให้ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ จนอาจนำมาสู่ความเกลียดชัง กระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
วันนี้ (15 ม.ค. 2568) ที่ห้องพิจารณาคดี 908 จินนี่เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมครอบครัว โดยในวันนี้ห้องพิจารณามีการสืบพยานคดีอื่นอยู่ด้วย
เวลา 10.00 น. ศาลออกพิจารณาคดี โดยเรียกให้จำเลยลุกขึ้นแสดงตัวก่อนเริ่มอ่านคำพิพากษามีใจความโดยสรุปว่า ในคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามบทกฎหมายหนักที่สุด คือมาตรา 112
พิพากษาให้ลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ คงจำคุก 2 ปี เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการสร้างความเสียหายต่อองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่ในสถานะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ พฤติกรรมของจำเลยมีความร้ายแรง ไม่มีเหตุให้สมควรรอการลงโทษ และให้นับโทษต่อจากคดีของศาลอาญากรุงเทพใต้อีกสองคดี
ภายหลังการฟังคำพิพากษา จินนี่ฝากทรัพย์สินส่วนตัวไว้กับลูกสาว ก่อนจะพูดว่าตัวเองจะไม่ร้องไห้ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวไปที่ใต้ถุนศาลเพื่อรอฟังคำสั่งประกันตัว
ต่อมา 17.15 น. ศาลอาญามีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอประกันตัวของจินนี่ไปให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาคำสั่งประกันตัว โดยจะต้องติดตามผลคำสั่งต่อไปอีก 2 – 3 วัน การที่ศาลอาญาไม่สั่งคำร้องขอประกันจินนี่ รวมทั้งสถาพรซึ่งฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้นและจักรีซึ่งฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้ ทำให้ล่าสุดมีจำนวนผู้ต้องขังทางการเมืองรวมถึง 42 คนแล้ว
.
สำหรับจินนี่ เธอถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมและแสดงออกทางการเมืองจำนวน 7 คดี โดยเป็นคดีมาตรา 112 ในคดีนี้คดีเดียว และยังถูกกล่าวหาในคดีดูหมิ่นศาลอีก 2 คดี ส่วนที่เหลือเป็นคดีเกี่ยวกับการชุมนุม
เธอเคยถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางมาแล้ว 2 ครั้ง จากคดีดูหมิ่นศาล โดยครั้งแรก กรณีถูกดำเนินคดีปราศรัยวิจารณ์การทำงานของศาลระหว่างกิจกรรมเรียกร้องสิทธิการประกันตัวของ “บุ้ง-ใบปอ” ที่หน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2565 โดยจินนี่ และ “มานี” เงินตา คำแสน ไม่ได้รับการประกันตัว และถูกคุมขังในระหว่างสอบสวน ก่อนได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 3 ก.ย. 2565 รวมถูกคุมขัง 9 วัน คดีนี้ต่อมาทั้งคู่ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน แต่ได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์
ครั้งที่ 2 เธอถูกคุมขังจากการไม่ได้ประกันตัวในระหว่างสอบสวน คดีปราศรัยเรียกร้องให้ศาลคืนสิทธิประกันตัว “ไบรท์” ชินวัตร ที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อช่วงปี 2565 รวมระยะการถูกคุมขัง 20 วัน ก่อนได้รับการประกันตัวในวันที่ 14 ธ.ค. 2565 คดีนี้ต่อมาจินนี่ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก 1 ปี และได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์
รวมโทษใน 3 คดีของจินนี่ เป็นจำคุก 3 ปี 6 เดือน โดยทุกคดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา
*อัปเดต หลังจากคำร้องขอประกันตัวถูกส่งไปให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาสั่ง ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้อง ระบุคำสั่งว่า “พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ข้อหามีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกและนับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่น หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง” เป็นผลให้จินนี่ยังคงถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป