เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2566 เวลาประมาณ 06.40 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเข้าจับกุม “จินนี่” จิรัชยา สกุลทอง อายุ 55 ปี โดยแสดงหมายจับของศาลอาญาในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ลงวันที่ 16 พ.ค. 2566 และแจ้งว่า จะนำตัวไปที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ต่อมาหลังไปถึง บก.ปอท. จึงทราบสาเหตุที่ถูกกล่าวหาว่า มาจากการไลฟ์สดบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ในขณะที่กำลังเดินทางไปเข้าร่วมชุมนุม #ม็อบ25กรกฎาคม แห่เทียนไล่นายกฯ ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มทะลุฟ้า บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2565
ทั้งนี้ การระดมกำลังตำรวจ ปอท. หลายนายบุกเข้าจับกุมจินนี้ที่บ้านพักในครั้งนี้ ไม่เคยมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหามาก่อนแต่อย่างใด
ดูไลฟ์สดตอนถูกจับกุม >>> จินนี่ถูกตำรวจ ปอท.บุกจับกุมที่บ้านพัก
.
เวลา 08.42 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวจินนี่ถึง บก.ปอท. โดยทนายความได้ติดตามไปประสานความช่วยเหลือ จึงพบว่า คดีนี้มีระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ สมาชิกกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบันฯ (ศปปส.) เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการ 3 บก.ปอท. เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2565 ให้ดำเนินคดีจินนี่ตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
บันทึกการจับกุมระบุว่า ตำรวจ ปอท.ได้รับแจ้งจากสายลับถึงสถานที่พักของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 16 พ.ค. 2566 จึงได้ดำเนินการขอออกหมายค้นจากศาลอาญาธนบุรี โดยศาลอนุมัติหมายคันลงวันที่ 11 ก.ค. 2566 เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปค้นบ้านพักของผู้ต้องหาในวันถัดมา (12 ก.ค. 2566) เมื่อพบจินนี่อยู่ที่บ้านพักจึงได้แสดงหมายค้น พร้อมทั้งหมายจับ จากนั้นได้เข้าตรวจค้นบ้านพักและตรวจยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รวมทั้งโทรศัพท์มือถือ รวม 2 รายการ
ต่อมา พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ได้แจ้งข้อกล่าวหาจินนี่ โดยบรรยายพฤติการณ์คดีว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2565 ระพีพงษ์พบว่า มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทำการไลฟ์สดพูดจาหมิ่นประมาทกษัตริย์ โดยตั้งค่าเป็นสาธารณะ และคลิปวิดิโอดังกล่าวปรากฏภาพจินนี่ จากการสืบสวนสอบสวนน่าเชื่อว่า บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นของจินนี่ พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3)
จินนี่ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาทั้งในชั้นจับกุมและสอบสวน โดยไม่ลงชื่อในบันทึกการจับกุม
ในช่วงเวลา 13.00 น. หลังตำรวจทำบันทึกจับกุมและสอบปากคำ พนักงานสอบสวนได้นำตัวจินนี่ไปขอฝากขังที่ศาลอาญา โดยทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อทันที โดยมีใจความสำคัญระบุว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน ไม่เคยออกหมายเรียกผู้ต้องหามาก่อน อีกทั้งในคดีนี้ ผู้ต้องหามีหนทางที่จะต่อสู้คดีได้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และผู้ต้องหาประสงค์จะนำพยานบุคคลและพยานเอกสารเป็นหลักฐานนำเสนอต่อศาลเพื่อประกอบการต่อสู้คดี โดยผู้ต้องหาประสงค์ที่จะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด
และในบันทึกการจับกุม เป็นพฤติการณ์แห่งคดีที่เป็นการกล่าวหาของพนักงานสอบสวนแต่เพียงฝ่ายเดียว ยังไม่มีการพิสูจน์โดยศาล และเป็นการระบุเหตุการณ์โดยเลื่อนลอยเคลือบคลุมเท่านั้น โดยการจะกล่าวหาว่าบุคคลใดกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญานั้นจะต้องตีความโดยเคร่งครัด และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะกล่าวหาได้
นอกจากนี้ ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี และเป็นเพียงบุคคลธรรมดาไม่ได้มีอิทธิพลที่จะสามารถเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ และพยานหลักฐานทั้งหมดก็ได้อยู่ในการรวบรวมและครอบครองของพนักงานสอบสวนแล้วทั้งสิ้น และขณะจับกุมในคดีนี้ ผู้ต้องหาก็ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีการต่อสู้ขัดขืน จึงย่อมได้รับการสันนิษฐานตามมาตรา 66 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่า ผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี
ต่อมาในเวลา 14.53 น. ศาลอาญาได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวจินนี่ในระหว่างสอบสวน ระบุให้วางหลักทรัพย์ประกันเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท โดยใช้เงินจากกองทุนราษฎรประสงค์วางประกัน ทั้งนี้ ศาลไม่ได้ระบุเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวใดๆ เพิ่มเติม