9 ม.ค. 2567 เวลา 09.00 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “จินนี่” จิรัชยา สกุลทอง ซึ่งถูกฟ้องในข้อหาดูหมิ่นศาล, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรณีปราศรัยเรียกร้องให้ศาลคืนสิทธิประกันตัวของ ‘ไบรท์ ชินวัตร’ หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2565 ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา โดยไม่ได้มีการลดหย่อนโทษที่ให้การรับสารภาพแต่อย่างใด
ในคดีนี้ จิรัชยาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สน.ยานนาวา บุกจับกุมตัวตามหมายจับเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2565 โดยไม่เคยได้รับหมายเรียกมาก่อน และถูกแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหาได้แก่ “ดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198, “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 และ “ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง มาตรา 4
ภายหลังสอบคำให้การ จิรัชยาถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.ยานนาวา 1 คืน ก่อนในวันที่ 26 พ.ย. 2565 พนักงานสอบสวนได้ยื่นขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขัง และศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้จิรัชยาต้องถูกนำตัวไปคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางเป็นเวลากว่า 20 วัน ก่อนศาลอนุญาตให้ประกันตัวในวันที่ 14 ธ.ค. 2565 พร้อมกำหนดเงื่อนไข 2 ประการคือ 1.ติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM) 2.ห้ามกระทำในลักษณะที่ถูกกล่าวหาอีก ต่อมาวันที่ 27 มี.ค. 2566 ศาลได้อนุญาตให้ถอดกำไล EM ดังกล่าว ทำให้เธอถูกติดกำไลราว 3 เดือนเศษ
ในการสืบพยานนัดแรกเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2566 จำเลยแถลงขอถอนคำให้การเดิมที่ให้การปฏิเสธ เป็นให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ และศาลได้นัดฟังคำพิพากษาต่อมา
อนึ่ง คดีนี้นับเป็นคดี “ดูหมิ่นศาล” ที่จิรัชยาถูกกล่าวหาเป็นคดีที่ 2 โดยก่อนหน้านี้เธอเคยถูกดำเนินคดีข้อหานี้ จากเหตุจากการปราศรัยวิจารณ์การทำงานของศาล ระหว่างกิจกรรมเรียกร้องสิทธิการประกันตัวของ “บุ้ง-ใบปอ” ที่หน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2565 และศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ก่อนให้ประกันในชั้นอุทธรณ์
วันนี้ (27 ก.ย. 2566) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 703 ศาลอาญากรุงเทพใต้ จิรัชยาพร้อมด้วยทนายความเดินทางมารอฟังคำพิพากษา ก่อนเวลาประมาณ 11.00 น. ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์และอ่านคำพิพากษาในส่วนผลของคำพิพากษา โดยไม่ได้อ่านในรายละเอียด มีใจความสำคัญสรุปได้ดังนี้
ศาลพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา จากรายงานการสืบเสาะ พบว่าจำเลยเคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน ซึ่งเป็นคดีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จึงไม่สามารถรอการลงโทษในคดีนี้ได้ ให้นับโทษต่อจากคดีที่มีคำพิพากษาแล้ว
ภายหลังการอ่านคำพิพากษา ทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ก่อนศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์เพิ่มจำนวน 35,000 บาท จากเงินประกันเดิม รวมเป็นจำนวนหลักประกันตัว 105,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใด ๆ เพิ่มเติม