จำคุก 6 ปี “ไบรท์” คดี ม.112-116 ปราศรัยความจำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ห้าแยกลาดพร้าว ปี 63 ก่อนลดครึ่งเหลือ 3 ปี แต่ไม่รอลงอาญา และต้องเข้าเรือนจำ

วันที่ 13 ธ.ค. 2566 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง ซึ่งมีข้อหาหลักเป็นข้อหาตามประมวลฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 กรณีถูกฟ้องจากการเข้าร่วมและปราศรัยในการชุมนุม #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2563

คดีนี้ สืบเนื่องมาจากการชุมนุม #2ธันวาคมไปห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งมีขึ้นหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้านพักรับรองของกองทัพบกและได้รับสวัสดิการที่เกี่ยวเนื่อง 

การชุมนุมในวันดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงเย็นประมาณ 16.00 น. เป็นต้นไป ของวันที่ 2 ธ.ค. 2563 อัยการระบุในคำฟ้องว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณ 3,000 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ, ให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ในวันนั้นมีการตั้งเวทีปราศรัยด้านใต้ทางเดินรถไฟฟ้า BTS โดยมีนักกิจกรรมและประชาชนหลายคนผลัดกันขึ้นพูดปราศรัย ซึ่งต่อมาทำให้นักกิจกรรม 7 รายถูกฟ้องเป็นคดีนี้ ในข้อกล่าวหา ได้แก่

  1. ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
  2. ร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
  3. ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215
  4. เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกการกระทำแต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216
  5. ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ มาตรา 10
  6. ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 และ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 108, 114
  7. ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4
  8. ร่วมกันจัดกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมประชุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34, 35

นักกิจกรรมที่ถูกฟ้องในคดีนี้ ได้แก่ อานนท์, พริษฐ์, ภาณุพงศ์, ปนัสยา, จิรฐิตา, คริษฐ์ และชินวัตร ระหว่างการสืบพยานช่วงปลายปี 2566 นี้ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ชินวัตรให้การใหม่เป็น ‘รับสารภาพ’ อัยการจึงแยกฟ้องคดีของจำเลยคนอื่น ๆ เป็นคดีใหม่ และนัดฟังคำพิพากษาในกรณีของชินวัตรที่ให้การรับสารภาพเป็นวันนี้ ส่วนคดีที่ฟ้องใหม่ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 18 มี.ค. 2567 จากนั้นจะนัดสืบพยานต่อไป 

ทั้งนี้ คำฟ้องในคดีที่พิพากษา อัยการบรรยายฟ้องถึงคำปราศรัยบางส่วนของชินวัตรโดยสรุปว่า พูดปราศรัยเกี่ยวกับการเชิญชวนประชาชนให้พูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และการได้มาซึ่งรัฐสวัสดิการจำเป็นจะต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญก่อน

ดูฐานข้อมูลคดี: คดี 112 “7 นักกิจกรรม” ปราศรัยม็อบ #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว วิจารณ์กระบวนยุติธรรม

(ภาพบรรยากาศการชุมนุม #ม็อบ2ธันวาไล่จันทร์โอชา ที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ถ่ายโดย Thai PBS)

คำพิพากษา: ศาลพิพากษาให้ผิดทุกข้อหา จำคุกรวม 6 ปี แต่ได้ลดเหลือ 3 ปี ปรับ 11,100 บาท   

ณ ห้องพิจารณาคดีที่ 914 ศาลอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกรวม 6 ปี และปรับ 22,200 บาท มีรายละเอียด ดังนี้ 

  1. ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำคุก 4 ปี   
  2. ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, มาตรา 215 และ มาตรา 216 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในข้อหาตามมาตรา 116 ที่มีโทษหนักสุด จำคุก 2 ปี 
  3. ข้อหาตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 ปรับ 200 บาท 
  4. ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 และ พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 108, 114 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษในข้อหาตามมาตรา 385 (กีดขวางทางสาธารณะ) ที่มีโทษหนักสุด ปรับ 2,000 บาท
  5. ข้อหาตามข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ มาตรา 10 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่มีโทษหนักที่สุด ปรับ 20,000 บาท 

จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี ปรับ 11,100 บาท โดยไม่รอลงอาญา

หลังศาลอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวชินวัตรไปยังห้องคุมขังใต้ถุนศาล ระหว่างรอผลคำสั่งการยื่นประกันตัว จากการยื่นประกันของญาติชินวัตร

เวลาประมาณ 17.40 น. จนกระทั่งหมดเวลาทำการของศาลอาญา ญาติของชินวัตรยังเตรียมนำโฉนดที่ดินไปยื่นประกันตัวไม่ทัน ทำให้เย็นวันนี้ชินวัตรจะต้องถูกส่งตัวไปคุมขังระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป

.

(เพิ่มเติมข้อมูล)

ต่อมาวันที่ 14 ธ.ค. 2566 ศาลอาญาอนุญาตให้ประกันตัวชินวัตรระหว่างอุทธรณ์ หลังมีผู้วางหลักทรัพย์จำนวน 150,000 บาท เป็นหลักประกันตัว

เรื่องที่เกี่ยวข้อง  

รายชื่อผู้ต้องขังทางการเมือง 2566

X