“ไบรท์” ชินวัตร ถูกแจ้งข้อหา ม.112 เป็นคดีที่ 6 จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อหลังถูกสั่งฟ้องคดีม็อบห้าแยกลาดพร้าว และหน้า SCB

20 มิ.ย. 2565 เวลา 10.00 น. ที่ สน.พหลโยธิน “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง นักกิจกรรมในจังหวัดนนทบุรี เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 สืบเนื่องมาจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่บริเวณหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด หลังอัยการมีคำสั่งฟ้องในคดีปราศรัยในม็อบ #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว และ #25พฤศจิกาไปSCB เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564 

อ่านคำฟ้องคดีทั้ง 2 คดี เพิ่มเติม >>> เปิดคำฟ้องคดี ม.112 “ราษฎร” 2 คดี ม็อบ #25พฤศจิกาไปSCB และ #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว 

.

ก่อนหน้านี้ชินวัตรได้รับหมายเรียกลงวันที่ 8 มิ.ย. 2565 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในคดีที่มี กัญจ์บงกช เมฆาประพัฒน์สกุล สมาชิกของกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้กล่าวหา

เวลา 09.55 น. ชินวัตรและภรรยา พร้อมกับทนายความ เดินทางมาถึง สน.พหลโยธิน เพื่อเข้าพบกับ พ.ต.ท.ศักดินาถ หนูฉ้ง สารวัตร (สอบสวน) และ ร.ต.อ.ศรัณย์ สมานบุญวนิช รองสารวัตร (สอบสวน) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้แจ้งข้อกล่าวหาและพฤติการณ์แก่ชินวัตร

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อชินวัตร 1 ข้อหา ได้แก่ ข้อหา “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท” 

พฤติการณ์แห่งคดี มีใจความสำคัญสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ชินวัตรได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เกี่ยวกับคดีการปราศรัยในม็อบที่ห้าแยกลาดพร้าว และม็อบบริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิยช์สำนักงานใหญ่ (SCB) เมื่อปี 2563 

เนื้อหาคำให้สัมภาษณ์ของชินวัตร กล่าวถึงการบังคับใช้มาตรา 112 กับประชาชน ทั้งๆ ที่ ในหลวงทรงมีพระราชโองการถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วว่าไม่ให้บังคับใช้มาตรา 112 กับประชาชน ซึ่งทางสำนักพระราชวังหรือสมาชิกในราชวงศ์จะต้องมีการออกมาทำอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะไม่ให้ประชาชนส่วนใหญ่คิดไปว่า สถาบันมีส่วนเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้กฎหมายมาตรา 112

ผู้กล่าวหาอ้างว่า ‘คำสัมภาษณ์ดังกล่าวมิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็น ติชมโดยสุจริต ทำให้บุคคลทั่วไปหรือประชาชนทั่วไปที่ได้ฟังมีความเคลืองแคลงสถาบันฯ ซึ่งประกอบด้วยพระมหากษัตริย์ พระราชินี และราชวงศ์ น่าจะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เป็นการลดทอนพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ พระราชินี และราชวงศ์ให้เกิดความเสียหาย เป็นการใส่ความในประการที่น่าจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียพระเกียรติ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เป็นการบั่นทอนพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ พระราชินี และราชวงศ์ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเมื่อพิจารณาฐานะที่ทรงดำรงอยู่ และความรู้สึกนึกคิดของประชาชนชาวไทย อันมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ฯ จึงเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท’ 

ชินวัตรได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมทั้งไม่ขอลงลายมือชื่อในเอกสาร โดยจะยื่นคำให้การเพิ่มเติมภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 

นอกจากนี้ ทนายความได้ถามกับพนักงานสอบสวนผู้แจ้งข้อกล่าวหาว่าสำนวนคดีนี้จะแล้วเสร็จเมื่อไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตอบว่าคงแล้วเสร็จไม่เกินสิ้นปีที่จะถึงนี้ ก่อนพนักงานสอบสวนจะให้ปล่อยตัวชินวัตรไป โดยไม่มีการควบคุมตัวไว้

สำหรับชินวัตร เขาถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 คดีนี้นับเป็นคดีที่ 6 แล้ว โดยทุกคดียังอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ชินวัตรเปิดเผยว่าในการแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ในครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการกลั่นแกล้งประชาชน เป็นมูลเหตุแบบเดิมๆ ซึ่งเขาเคยได้รับแจ้งข้อกล่าวหาในรูปแบบเดียวกันในคดีที่ สภ.เมืองนนทบุรี จากกรณีที่เขาปราศรัยในกิจกรรมยืนหยุดขังมาแล้ว

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์เพิ่งมีคำพิพากษาให้กักขังไบรท์ ชินวัตร 1 เดือน ในคดีละเมิดอำนาจศาล จากเหตุปราศรัยหน้าศาลอาญา เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2564 โดยศาลอาญาอนุญาตให้ประกันตัวสู้ต่อในชั้นฎีกา เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา 

.

X