จับกุม! “ไบรท์” ชินวัตร แจ้ง ม.112 เหตุปราศรัยเรื่องโอนทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ใน #ยืนหยุดขัง ก่อนศาลให้ประกัน

23 ก.พ. 2565 เวลาประมาณ 15.30 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ จาก สภ.รัตนาธิเบศร์ และ สภ.เมืองนนทบุรี ได้สนธิกำลังเข้าจับกุม “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง นักกิจกรรมทางการเมือง ถึงบ้านพักในจังหวัดนนทบุรี เป็นการจับกุมตามหมายจับ ออกโดยศาลจังหวัดนนทบุรีเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2565 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เป็นการจับกุมในคดีจากเหตุเข้าร่วมกิจกรรมยืนหยุดขัง จัดที่หน้าหอนาฬิกา ท่าน้ำนนทบุรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2565 เขาถูกกล่าวหาในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมา ได้ถูกนำตัวไปทำบันทึกการรับมอบตัวและจับกุมที่ สภ.รัตนาธิเบศร์

สำหรับบันทึกจับกุมในคดีนี้ ระบุว่าการจับกุมอยู่ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โดยมีจุดจับกุมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งจาก กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี, สภ.รัตนาธิเบศร์ และ สภ.เมืองนนทบุรี รวมทั้งสิ้น 22 นาย 

เหตุการณ์การช่วงถูกจับกุม https://fb.watch/bXS3evNE1k/

.

ในชั้นจับกุม ชินวัตรให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และประสงค์ให้มีทนายความคอยอยู่ร่วมในกระบวนการด้วย รวมทั้งเขาปฏิเสธจะลงลายมือชื่อในบันทึกจับกุม 

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการ ชินวัตรถูกส่งตัวต่อมายัง สภ.เมืองนนทบุรี ซึ่งเป็นสถานีตำรวจท้องที่เจ้าของคดี โดยภายในวันเดียวกันนั้นเอง ทางพนักงานสอบสวนยังได้แจ้งข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อชินวัตรในอีกคดีความหนึ่ง เป็นคดีสืบเนื่องจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2563 จัดที่บริเวณท่าน้ำนนทบุรี ซึ่งเขาถูกแจ้งข้อหามาก่อนหน้านี้แล้ว

.

แจ้ง ม. 112-พ.ร.บ.ควบคุมโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ เหตุร่วมชุมนุมปราศรัย “ยืนหยุดขัง” วิจารณ์การถ่ายโอนทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

สำหรับพฤติการณ์คดี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี บรรยายโดยสรุปว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 4 ก.พ. 2565 ชินวัตรได้ทํากิจกรรม “ยืนหยุดขัง” ที่บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ท่าน้ํานนทบุรี และได้นําแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความ “ยกเลิก 112” และภาพของ พริษฐ์ ชิวารักษ์, ภาณุพงษ์ จาดนอก และปนัสยา สิทธิจิรวัฒน์กุล วางไว้บนต้นไม้ บริเวณรอบวงเวียน 

นอกจากนี้ ชินวัตรได้ใช้เครื่องขยายเสียงแบบไมล์ลอยพูดปราศรัยเพื่อให้ประชนชนที่เดินผ่านไปมารับฟัง โดยมีข้อความบางส่วนว่า

“พอเปลี่ยนผ่านรัชกาลมา และในสมัยของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการไปเซ็นโอนย้ายโอนถ่ายนะครับทรัพย์สมบัติของชาติ จากปกติเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ พูดกันง่ายๆ ยกตัวอย่างกันง่ายๆ เช่น บริษัทไทยพาณิชย์ ก็คือธนาคารไทยพาณิชย์ นะครับพี่น้อง ซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริยนะครับ สมัยก่อนนู้น”

“แต่พอมาในยุคของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเซ็นเอกสารอะไรก็ไม่รู้นั้น โอนผ่านมาเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ เราเป็นห่วงรัชทายาทต่างๆ ที่จะต้องใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเหมือนกัน ท่านจะใช้อย่างไร หากเรามีในหลวงพระองค์ต่อไป ท่านจะใช้อย่างไร ในเมื่อมีการโอนย้ายมาแล้วจากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งทุกคนในตระกูลสามารถใช้ได้กันหมด แต่อยู่ดี ๆ เปลี่ยนมาเป็นของส่วนตัว แล้วอย่างนี้ทรัพย์สมบัติ ของชาติจะตกไปอยู่ที่ของใคร” 

“นี่คือข้อสังเกต นี้คือข้อสงสัยของพวกเรา หากท่านต้องการจะตอบให้กระจ่าง ก็เป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องชี้แจงให้ประชาชนนั้นเข้าใจ แต่สถานการณ์มันก็กลับตรงกันข้าม แทนที่จะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจกลับเป็นการดําเนินคดีกับคนที่ออกมาตั้งข้อสงสัย แสดงว่าประชาชนไม่สามารถตั้งข้อสงสัยอะไรกันใครได้เลย แบบนี้มันก็ไม่มีการตรวจสอบ แบบนี้ ก็โกงกินทรัพย์สมบัติของชาติกันมหาศาลสิครับ” 

ข้อกล่าวหาอ้างว่าข้อความดังกล่าว เป็นการพูดใส่ความพระมหากษัตริย์ต่อประชาชน ที่เดินผ่านไปมา ให้เข้าใจผิด หรือหลงชื่อว่าพระมหากษัตริย์จะทุจริต ยักยอก คอร์รัปชั่นทรัพย์สมบัติของชาติเป็นของตนเอง และจากการตรวจสอบจากเทศบาลนครนนทบุรี ทราบว่าผู้ต้องหาไม่ได้ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงบริเวณที่เกิดเหตุ ในวันเวลาดังกล่าวแต่อย่างใด

พนักงานสอบสวนได้แจ้งชินวัตร 2 ข้อหา ได้แก่ “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4

.

ตร.แจ้งรายละเอียดข้อหาเพิ่ม “ชินวัตร” เหตุเป็นผู้จัดชุมนุม #คนนนท์ท้าชนเผด็จการ ที่ท่าน้ำนนทบุรี 

ขณะที่เวลาประมาณ 18.30 น. พ.ต.ท.สมุทร์ เกตุยา รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี ได้แจ้งข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแก่ชินวัตร จากการขึ้นปราศรัยในการชุมนุม #คนนนท์ท้าชนเผด็จการ บริเวณท่าน้ำนนทบุรี เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2563 เป็นการแจ้งข้อหาเรื่องการ “ร่วมกัน” กระทำความผิดข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 โดยระบุว่าเขาเป็นผู้จัดให้มีการชุมนุมดังกล่าวขึ้น

ทั้งนี้ คดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหา 5 ราย นอกจากชินวัตรแล้ว ยังมีภาณุพงศ์ จาดนอก, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ “เพชร” ธนกร เยาวชนอายุ 18 ปี ซึ่งสี่รายหลังนี้ถูกกล่าวหาในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย

ดูข้อมูลคดีนี้ คดี 112, 116 เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์-ธนกร (เยาวชน) ปราศรัยม็อบ10กันยา #คนนนท์ท้าชนเผด็จการ

.

ศาลให้ประกัน วางเงิน 2 แสน พร้อมเงื่อนไข “ห้ามกระทำการอันใดเสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์และศาล”

หลังจากสอบคำให้การเสร็จสิ้นแล้ว ชินวัตรได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองนนทบุรี 1 คืน ก่อนในวันที่ 24 ก.พ. 2565 พนักงานสอบสวนได้ยื่นขออำนาจศาลจังหวัดนนทบุรีฝากขัง ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมคัดค้านการประกันตัวโดยระบุว่า พนักงานสอบสวนยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มอีก 5 ปาก รอผลการตรวจลายนิ้วมือ 

ท้ายคำร้องยังระบุด้วยว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากเป็นคดีหมิ่นเบื้องสูง ที่มีอัตราโทษสูง และผู้ต้องหากระทําผิดลักษณะเดียวกันถูกดําเนินคดีหลายท้องที่ หากให้ประกันตัวเกรงผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี

ด้านทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยวางเงินสดจำนวน 200,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ เป็นหลักประกัน 

ต่อมา ศาลมีคำสั่งให้อนุญาตให้ฝากขัง และอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามกระทำการอันใดเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และศาล ห้ามขัดขวางกระบวนการพิจารณาคดีของศาล และห้ามเข้าร่วมการชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทำให้เขาได้รับการปล่อยตัวในที่สุด

สำหรับคดีนี้ นับเป็นคดีมาตรา 112 ที่ชินวัตรถูกกล่าวหาคดีที่ 5 แล้ว และทำให้ยอดจำนวนคดีมาตรา 112 หลังการชุมนุมเยาวชนปลดแอกเป็นต้นมา เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 185 คดีแล้ว

>>> สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563-64

.

X