ตั้งข้อหา 112 “ราษฎร” อีก 2 คดี ม็อบตั้งคำถาม “ทรัพย์สินกษัตริย์” และ “บ้านพักประยุทธ์”

22 ธ.ค. 63 เวลา 10.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน นักกิจกรรมกลุ่ม “ราษฎร” 6 ราย เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการชุมนุม #25พฤศจิกาไปSCB เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 63 ที่บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ 4 ใน 6 รายถูกแจ้ง 112 ซ้ำจากการชุมนุม #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว หลังรับทราบข้อกล่าวหาไม่มีการควบคุมตัวโดยตำรวจ

นักกิจกรรม 6 ราย ได้แก่ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี, “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก และ “ตี้” วรรณวลี ธรรมสัตยา นักศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาจาก สน.พหลโยธิน ลงวันที่ 15 ธ.ค. 63 โดยมี พ.ต.ท.ปิยะวัฒน์ พัชรนิตยธรรม รอง ผกก.สส.สน.พหลโยธิน เป็นผู้กล่าวหา และให้ผู้ถูกออกหมายเรียกไปพบกับ พ.ต.ท.พิภัสสร์ พูนลัน สารวัตร (สอบสวน) สน.พหลโยธิน หลังร่วมชุมนุมบริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา

เหตุในการออกหมายเรียกดังกล่าวสืบเนื่องจากการชุมนุม #25พฤศจิกาไปSCB โดยก่อนหน้านั้นกลุ่ม “ราษฎร” ได้นัดหมายชุมนุมในวันที่ 25 พ.ย. 63 บริเวณหน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แยกวังแดง ต่อมาหลังมีการวางตู้คอนเทนเนอร์ ลวดหนาม พร้อมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนจำนวนมากโดยรอบสำนักงานทรัพย์สินฯ ทำให้ “ราษฎร” เปลี่ยนแปลงสถานที่นัดหมายเป็นหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ถ.รัชดาภิเษก เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ต้องการสร้างความรุนแรง โดยที่การชุมนุมในวันดังกล่าวมีการปราศรัยตั้งคำถามต่อกรณีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ออกกฎหมายหลายฉบับที่ส่งผลให้เกิดการรวบทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเข้าเป็นทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ทั้งหมดเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย

ชุมนุมหน้า SCB (ภาพโดย ประชาไท)

เมื่อกลุ่ม “ราษฎร” ทั้งหก เดินทางถึง สน.พหลโยธิน คณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่ง บก.น.2 ที่ 373/2563 ประกอบด้วย พนักงานสอบสวนจาก สน.พหลโยธิน, สน.บางซื่อ, สน.ประชาชื่น และ บก.น.2 แจ้งข้อเท็จจริงที่ถูกกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวทั้งหกทราบ สรุปใจความได้ว่า ผู้ต้องหาทั้งหกทำหน้าที่ในการชักชวนคนมาร่วมชุมนุม ทำการขึ้นปราศรัย ในกิจกรรมทวงคืนทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์มาเป็นของประชาชน โดยต้องการให้ประชาชนทั่วไปได้รับฟังการปราศรัยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เบียดบังเอาทรัพย์สินของแผ่นดินมาเป็นของตนเอง มีการปิดถนนรัชดาภิเษกขาออก ช่วงบริเวณด้านหน้าธนาคารไทยพาณิชย์สาขาสำนักงานใหญ่ มีการใช้เครื่องขยายเสียง โดยที่การชุมนุมดังกล่าวไม่ได้มีการขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบก่อนจัดให้มีการชุมนุมแต่อย่างใด อีกทั้งเป็นการชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก เสี่ยงต่อการติดโรคระบาด

พนักงานสอบสวนยังได้ยกเนื้อหาคำปราศรัยบางตอนขึ้นมาบรรยาย พร้อมทั้งระบุว่า คำปราศรัยของผู้ต้องหามีบริบทในเนื้อหาสาระให้ประชาชนทั่วไปฟังแล้วดูหมิ่น เกลียดชังในสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยให้เชื่อตามคำปราศรัยของผู้ต้องหา

ชุมนุมหน้า SCB (ภาพโดย ประชาไท)

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานักกิจกรรมทั้งหกรวม 8 ข้อหา ดังนี้

  1. ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112)
  2. ร่วมกันทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116)
  3. ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215)
  4. เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกการกระทำแต่ไม่เลิก (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216)
  5. ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง (พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ มาตรา 10)
  6. ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจร (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385)
  7. ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4)
  8. ร่วมกันจัดกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมประชุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย (ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ)

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหกให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยทั้งหมดยกเว้นอานนท์ไม่ลงลายมือชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา แต่เขียนด้วยถ้อยคำที่เป็นการไม่ยอมรับการดำเนินคดีดังกล่าว เช่น “ไม่ยอมรับ ม.112”, “ยกเลิก 112”, “ไม่ยอมรับอำนาจเผด็จการศักดินา”  และจะยื่นคำให้การเป็นหนังสือในวันที่ 29 ม.ค. 2564

คดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 7 ราย ผู้ถูกกล่าวหาอีกหนึ่งรายที่ติดธุระไม่ได้มาในวันนี้ คือ พงศธรณ์ ตันเจริญ กลุ่มแนวร่วมนิสิต มมส.เพื่อประชาธิปไตย โดยขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในภายหลัง

 

วันเดียวกันนี้คณะพนักงานสอบสวนยังแจ้งข้อกล่าวหานักกิจกรรม 4 ใน 6 คน ได้แก่ อานนท์, พริษฐ์, ชินวัตร และภาณุพงศ์ ในคดีของ สน.พหลโยธิน อีก 1 คดี จากการชุมนุม #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว บริเวณห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 63 ซึ่งเหตุแห่งคดีเป็นคนละเหตุการณ์กับการมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในวันนี้

การชุมนุม #2ธันวาคมไปห้าแยกลาดพร้าว มีขึ้นหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้านพักรับรองของกองทัพบกและได้รับสวัสดิการที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งนี้ คดีการชุมนุม #2ธันวาคมไปห้าแยกลาดพร้าว นี้ตำรวจยังไม่มีการออกหมายเรียก แต่ผู้ถูกกล่าวหามาปรากฎตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่ยินยอมเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อความสะดวกของทุกฝ่าย

ชุมนุมห้าแยกลาดพร้าว (ภาพโดย Voice TV)

พนักงานสอบสวนแจ้งผู้ต้องหาทั้งสี่ถึงกระทำที่ถูกกล่าวหาว่า ผู้ต้องหาได้มีการตกลง สมคบคิด และแบ่งหน้าที่กันทำ โดยชักชวนคนมาร่วมชุมนุม ทำการปราศรัย ในกิจกรรมเรียกร้องให้นายกออกไป ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ และรัชกาลที่ 10 ในประเด็นเกี่ยวกับการมุ่งทำลายสถาบันหลักของชาติ โดยเจตนาจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์ มีการทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ มีการปิดถนนพหลโยธินขาเข้าและขาออก ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าและขาออกที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว มีการใช้เครื่องขยายเสียง มีการเขียนตัวอักษรและภาพวาดไปที่พื้นถนนพหลโยธิน ประกอบกับการชุมนุมในครั้งนี้มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโรคระบาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งให้เลิกการชุมนุมแล้วแต่ผู้ต้องหาไม่ปฏิบัติตาม

เช่นเดียวกับคดีแรก พนักงานสอบสวนได้ยกเนื้อหาคำปราศรัยบางตอนขึ้นมาบรรยาย ระบุว่า มีบริบทในเนื้อหาสาระให้ประชาชนทั่วไปฟังแล้วดูหมิ่น เกลียดชังในสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยให้เชื่อตามคำปราศรัยของผู้ต้องหา

ชุมนุมห้าแยกลาดพร้าว (ภาพโดย Voice TV)

พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหานักกิจกรรมกลุ่ม “ราษฎร” ทั้งสี่รวม 8 ข้อหา เช่นเดียวกับคดีแรก ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะยื่นคำให้การเป็นหนังสือในวันที่ 29 ม.ค. 2564  โดยมีเพียงอานนท์คนเดียวที่ลงลายมือชื่อในบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหา หลังแจ้งข้อกล่าวหาทั้งสองคดีเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวทั้งหมดกลับ โดยไม่มีการควบคุมตัว

ทั้งนี้ ในคดี #2ธันวาคมไปห้าแยกลาดพร้าว ตามบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหามีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 6 ราย ซึ่งอีก 2 รายคือ “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และจิรฐิตา (สงวนนามสกุล) พนักงานสอบสวนจะดำเนินการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

 

 

X