พิพากษาคดี “ม.112 – ใช้เครื่องเสียง” จำคุกรวม 3 ปี 6 เดือน “เก็ท โสภณ” กรณีปราศรัยด่าตำรวจในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว พาดพิงถึงพระราชินี ก่อนส่งศาลอุทธรณ์สั่งประกัน

วันที่ 24 ส.ค. 2566 เวลา 9.00 น. ศาลอาญา รัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษาคดีของ “เก็ท” โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมจากกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ผู้ถูกกล่าวหาในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565

ทั้งนี้ กิจกรรมทัวร์มูล่าผัว เกิดขึ้นในวาระครบรอบ 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ โดยกลุ่ม “มังกรปฏิวัติ” ได้จัดกิจกรรมทริปเที่ยวหนึ่งวันตามสถานที่สำคัญรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ (ฝ่ายซ้าย) และไหว้พระ ทำบุญ ขอพร ขอผัว ขอเมีย กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (อ่านรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมที่ Mob Data Thailand)

คดีนี้ มีการสืบพยานในระหว่างวันที่ 4-7 ก.ค. 2566 โสภณยืนยันต่อสู้ว่าการกระทำของตนไม่เป็นความผิดตามมาตรา 112 โดยโจทก์นำพยานเข้าเบิกความทั้งหมดรวม 11 ปาก ในขณะที่ฝ่ายจำเลยนำพยานเข้าเบิกความ 2 ปาก

.

ย้อนอ่านบันทึกสืบพยานในคดีนี้ >>> บันทึกการต่อสู้คดี 112 ของ “เก็ท โสภณ” กรณีปราศรัยด่าตำรวจในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว พาดพิงถึงพระราชินี

.

เวลา 9.00 น. หน้าห้องพิจารณาคดีที่ 707 โสภณเดินทางมาศาล โดยมีครอบครัว เพื่อน และนักกิจกรรมเดินทางมาให้กำลังใจ  นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และนายประกันจากกองทุนราษฎรประสงค์ เข้าร่วมสังเกตการณ์

เวลา 9.36 น. ผู้พิพากษาที่ออกนั่งพิจารณาอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ โดยสรุปเนื้อหา โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 ประกอบมาตรา 9 และโจทก์ขอให้นับโทษจำคุกต่อจากคดีการชุมนุมของกลุ่ม REDEM ที่ด้านหน้าของศาลอาญา เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2564 

พิเคราะห์แล้ว ฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยเข้าร่วมกิจกรรม “ทัวร์มูล่าผัว” ทัวร์เส้นทางสายประวัติศาสตร์ และปราศรัยต่อประชาชนผ่านเครื่องขยายเสียง คดีมีปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่

เห็นว่า วันเกิดเหตุกระทรวงวัฒนธรรมจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ณ วัดสระเกศ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 กับสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช และทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจัดกำลังอารักขาตามเส้นทางพระราชดำเนิน

คำปราศรัยมีบันทึกเสียงข้อความตอนหนึ่งว่า “จะไปผ่านเสด็จ จะไปผ่านขบวนที่พระราชินีสุทิดา จะไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่ภูเขาทอง”  ขบวนของจำเลยจะไปผ่านเส้นทางขบวนเสด็จ และเอ่ยพระนามของพระราชินีสุทิดาฯ แปลเจตนาได้ว่า จำเลยกล่าวโดยมุ่งหมายถึงรัชกาลที่ 10 และพระราชินี

ข้อความปราศรัยของจำเลยเป็นการเปรียบเทียบว่า ต่อให้รัชกาลที่ 10 และพระราชินีทำบุญ พระบารมีก็ไม่สูงขึ้น ซึ่งไม่เป็นไปตามที่จำเลยปราศรัย ความจริงแล้วรัชกาลที่ 10 และพระราชินีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเพื่อถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์และสักการะพระบรมสารีริกธาตุอันเป็นการสั่งสมพระบารมีเพื่อบรรลุจุดหมายอันสูงยิ่ง ข้อความที่จำเลยกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นการใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้รัชกาลที่ 10 และพระราชินีทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชัง จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง

จำเลยทำกิจกรรมและปราศรัยโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ อีกกระทง

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 112 และ พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป มาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี และ พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 ประกอบมาตรา 9 ลงโทษจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน ที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ เนื่องจากอีกคดีศาลให้รอการลงโทษ จึงไม่มีโทษจำคุกให้นับต่อ คำขอส่วนนี้ให้ยก

ผู้พิพากษาที่อ่านคำพิพากษาในคดีนี้ ได้แก่ สมพร เกิดทรัพย์

หลังศาลมีคำพิพากษา โสภณถูกเจ้าหน้าที่ศาลเข้ามาควบคุมตัวลงไปที่ห้องขังใต้ถุนศาลในทันที โดยมีครอบครัวและเพื่อนตามลงไปให้กำลังใจ ก่อนที่ทนายความจะยื่นขอประกันตัวระหว่างอุทธรณ์

ต่อมาหลังยื่นขอประกันตัวจำเลยระหว่างอุทธรณ์คดีในเวลา 17.30 น. ศาลอาญามีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ทำให้ในวันนี้ โสภณถูกนำตัวไปควบคุมยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ น่าสังเกตว่า ในความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4 นั้น มีบทกำหนดโทษตามมาตรา 9 ซึ่งระวางโทษไว้เพียงโทษปรับไม่เกิน 200 บาท แต่ศาลกลับลงโทษจำคุกจำเลยถึง 6 เดือน ทำให้ทางทนายความเตรียมอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป

.
(เพิ่มเติมข้อมูล) วันที่ 27 ส.ค. 2566 เวลา 14.50 น. ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องขอประกันตัวโสภณ ระบุเหตุผลว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จำเลยปราศรัยด้วยข้อความที่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 3 ปี 6 เดือน หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์

.

X