1 ก.ค. 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “บังเอิญ” (สงวนชื่อสกุล) ศิลปินอิสระชาวขอนแก่นวัย 26 ปี ในข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) หลังถูกกล่าวหาโพสต์รูปภาพตนเอง ใช้มือซ้ายถือรองเท้าหันไปทางพระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2566 โดยมี อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เป็นผู้กล่าวหาในคดีนี้
ที่มาของคดีนี้ ผู้กล่าวหาอ้างว่าเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2566 เวลาประมาณ 14.30 น. ได้เปิดเฟซบุ๊กของบังเอิญดู พบว่าฃได้โพสต์รูปภาพตนเองขณะยืนอยู่ใกล้แท่นด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 และพระราชินี โดยใช้มือซ้ายถือรองเท้า จำนวน 1 ข้าง หันไปทางบริเวณด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์
ฝ่ายจำเลยต่อสู้คดีเรื่อยมา รับว่าเป็นผู้โพสต์รูปภาพจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาและจุดมุ่งหมายตามที่โจทก์ฟ้อง ภาพแต่ละภาพนั้นสามารถตีความได้อย่างหลากหลาย ทั้งยังไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงได้ มุมมองของภาพจะขึ้นอยู่กับพื้นเพทางความคิดของแต่ละคน และการโพสต์ภาพดังกล่าวในวันที่ 28 ก.ค. 2566 ซึ่งตรงกับวันเฉลิมฯ ก็ไม่ได้มีเจตนาพิเศษแต่อย่างใด มองว่าเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ทุกคนสามารถโพสต์ภาพอะไรก็ย่อมได้
.
ที่ห้องพิจารณา 911 มีประชาชนจำนวนหนึ่งมาร่วมฟังคำพิพากษา เวลา 09.30 น. ศาลนั่งบัลลังก์ โดยดำเนินการพิจารณาในคดีอื่นก่อน จากนั้นจึงเริ่มอ่านคำพิพากษาในคดีนี้
โดยสรุปเห็นว่าในคดีนี้ มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความไปในทำนองเดียวกัน มองว่ารองเท้าตามประเพณีไทยแล้วเป็นของต่ำ การชูไปทางพระบรมฉายาลักษณ์พระมหากษัตริย์และพระราชินีนั้นย่อมเป็นการเสื่อมพระเกียรติ และวันที่โพสต์ที่ยังเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลที่ 10 ด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นพระมหากษัตริย์
ส่วนทางฝั่งจำเลยต่อสู้ว่าข้อความในโพสต์ดังกล่าว “โฆษณา Vans 😁🔥💯” จำเลยเพียงต้องการโฆษณาจะขายรองเท้า รองเท้าในรูปเป็นรองเท้าคู่โปรดของจำเลย และในขณะนั้นจำเลยอยู่ที่สวนสันติชัยปราการ ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์ตั้งอยู่พอดี รวมไปถึงวันดังกล่าวก็เป็นวันธรรมดาซึ่งใครจะโพสต์อะไรก็ย่อมได้ การโพสต์ในวันนั้นไม่ได้มีเจตนาใดเป็นพิเศษ และการตีความภาพต่าง ๆ สามารถตีความได้อยากหลากหลาย ใครจะมองเห็นภาพแบบไหนขึ้นอยู่กับพื้นเพทางความคิดของคนแต่ละคน
ศาลเห็นว่าข้อความ ที่จำเลยอ้างข้อความประกอบโพสต์เป็นโฆษณารองเท้า Vans นั้น ข้อความดังกล่าวไม่ได้เน้นไปที่การขายรองเท้า แต่เน้นไปที่รูปของพระบรมฉายาลักษณ์ที่อยู่ด้านหลัง และตัวจำเลยเองก็ไม่ได้ประกอบอาชีพขายรองเท้า ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงยากจะรับฟัง
การโพสต์ภาพดังกล่าวในวันที่ 28 ก.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นวันมหามงคลยิ่งของประชาชนชาวไทย ก็แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่จะกระทำการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ การกระทำดังกล่าวทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่พอใจ และยังทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม
ก่อนหน้านี้จำเลยมีความสนใจในเรื่องการเมือง และเคยก่อคดีพ่นสีกำแพงวัดพระแก้วซึ่งเป็นพระบรมมหาราชวังมาก่อน แสดงให้เห็นเจตนาชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำลงไปเพราะมีเจตนาที่จะดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ในคดีนี้
ในเรื่องอาการป่วยทางจิตเวชของจำเลย ซึ่งรักษามาตั้งแต่ปี 2561 และหยุดเข้ารับการรักษาเมื่อ 28 ก.พ. 2566 และยาที่จำเลยใช้ในการรักษาก็เป็นยาที่หาได้ยาก ต้องได้รับการจ่ายจากแพทย์เท่านั้น ปรากฏว่าในขณะมาเบิกความต่อศาล จำเลยก็สามารถเบิกความได้อย่างปกติ ไม่มีอาการใด ๆ แต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุให้นำอาการป่วยของจำเลยมาใช้บรรเทาโทษ
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 3 ปี ไม่รอการลงโทษ ให้นับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่นของศาลนี้
ก่อนหน้านี้บังเอิญถูกศาลอาญาพิพากษาลงโทษในคดีพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว จำคุก 8 เดือน ในความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ และ พ.ร.บ.ความสะอาดฯ และ คดีโพสต์รูปภาพ “วิปลาส อำนาจ มนต์ดำ” ลงเฟซบุ๊ก ศาลอาญาพิพากษาลงโทษตามมาตรา 112 จำคุก 4 ปี ก่อนลดเหลือ 3 ปี เพราะให้การเป็นประโยชน์ ในทั้งสองคดีเขาได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์
หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น ทนายความและนายประกันได้ยื่นขอประกันบังเอิญในชั้นอุทธรณ์
ต่อมาในเวลา 17.45 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์ โดยให้วางหลักประกันในวงเงิน 150,000 บาท โดยต้องวางเพิ่มเติมจากที่เคยประกันตัวไว้ 90,000 บาท อีกจำนวน 60,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ โดยศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใด ๆ เพิ่มเติม