29 ส.ค. 2566 ศาลจังหวัดอุดรธานีพิพากษายกฟ้อง “ปีเตอร์” พ่อค้าออนไลน์วัย 29 ปี ในคดีมาตรา 112 กรณีปราศรัยเรื่องการพระราชทานยศให้ “ฟูฟู” สุนัขทรงเลี้ยง และงบสถาบันกษัตริย์ ในการชุมนุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2563 ศาลเห็นว่า ประชาชนทั่วไปที่ได้ฟังคำปราศรัยเรื่องฟูฟูไม่สามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าจำเลยหมายถึงใคร และในเรื่องงบสถาบันกษัตริย์ จำเลยก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจงถึงกษัตริย์องค์ใด ประกอบกับสิ่งที่จำเลยปราศรัยเป็นข้อมูลที่เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว จึงไม่ถือว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ
เวลา 09.40 น. ปีเตอร์ซึ่งเดินทางมาจากเชียงใหม่ถึงอุดรฯ ตอนเช้าตรู่ พร้อมแม่ และทนายจำเลย เข้าไปที่ห้องพิจารณาที่ 11 เพื่อรอฟังคำพิพากษา โดยมีผู้สังเกตการณ์จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมติดตามการอ่านคำพิพากษาของศาลในวันนี้ด้วย พร้อมทั้งมีตำรวจประจำศาลถือกุญแจมือเข้ามานั่งรอควบคุมตัวจำเลยที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษ
อย่างไรก็ตาม เมื่อ ปวริศ หวังพินิจกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดอุดรฯ ออกนั่งพิจารณาคดีมาถึงคดีของปีเตอร์ ศาลได้ขอให้คู่ความในคดีอื่นๆ รวมถึงผู้สังเกตการณ์จากศูนย์ทนายฯ ซึ่งไม่ได้เป็นคู่ความในคดีนี้ ออกจากห้องพิจารณาก่อน คงเหลือเพียงปีเตอร์ แม่ ทนายจำเลย และตำรวจศาล อยู่ฟังคำพิพากษา ส่วนอัยการโจทก์ไม่ได้เดินทางมาศาล
ราว 10 นาที ตำรวจประจำศาลจึงออกจากห้องไป ขณะที่เจ้าหน้าที่เรียกให้คู่ความในคดีอื่นเข้าห้องพิจารณา
พัฒนะ ศรีใหญ่ ทนายเครือข่ายของศูนย์ทนายฯ ให้ข้อมูลว่า ก่อนอ่านคำพิพากษา ศาลแจ้งว่า คำพิพากษาคดีนี้มีความเห็นแย้งในสำนวน จากนั้นได้อ่านคำพิพากษามีใจความโดยสรุปว่า
เห็นว่า ข้อมูลที่จำเลยนำมาปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงนั้นเป็นข้อมูลที่ปรากฏโดยทั่วไปในอินเตอร์เน็ต ในกรณีการใช้งบประมาณของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนกรณีเกี่ยวกับฟูฟูสุนัขทรงเลี้ยงนั้น เมื่อผู้ที่มีความสนใจค้นหาข้อมูลโดยพิมพ์คำว่า ฟูฟู ก็จะปรากฏภาพถ่าย รวมถึงหัวข้อข่าวในอินเตอร์เน็ต
โจทก์มีพยานปากอาจารย์มหาวิทยาลัยเบิกความว่า ที่พยานทราบว่าจำเลยปราศรัยถึงสุนัขทรงเลี้ยงของรัชกาลที่ 10 ก็เนื่องมาจากพยานเคยไปช่วยงานพระราชทานปริญญาและได้พบเห็นสุนัขทรงเลี้ยงสายพันธุ์พุดเดิ้ลที่ชื่อ คุณฟูฟู
กับพยานโจทก์ปากนายทหารการข่าวก็เบิกความเช่นกันว่า เหตุที่พยานรู้จักคุณฟูฟูก็เนื่องมาจากรับราชการและต้องคอยติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ จึงทำให้ทราบว่าคุณฟูฟูคือสุนัขทรงเลี้ยงของพระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน
ดังนั้น การที่จำเลยพูดปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงเกี่ยวกับพลอากาศเอกฟูฟู โดยเปรียบเทียบกับข้าราชการทหารที่รับราชการมานานแต่ไม่มียศเท่ากับพลอากาศเอกฟูฟู และเรียกร้องให้สถาบันพระมหากษัตริย์ยกเลิกการแต่งตั้งยศให้สุนัขทรงเลี้ยง ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ประชาชนทั่วไปที่ได้ฟังทราบได้โดยชัดเจนว่า จำเลยหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งเป็นการเฉพาะ เพราะประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารการเมืองการปกครองก็อาจจะไม่ทราบว่า พลอากาศเอกฟูฟูหมายถึงใคร และเป็นสุนัขทรงเลี้ยงของใคร หากต้องการทราบก็จำต้องค้นหาข้อมูลในภายหลัง
เห็นว่า ความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์นั้น คำว่า หมิ่นประมาท หมายถึง การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ดูหมิ่น คือ การด้อยค่า สบประมาท ทั้งนี้ จะต้องระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความหรือถูกดูหมิ่นว่าเป็นใคร หรือต้องได้ความว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
เมื่อการปราศรัยของจำเลยถึงพลอากาศเอกฟูฟูยังไม่ทำให้ประชาชนทั่วไปทราบในทันทีว่าหมายถึงผู้ใด ประกอบกับพยานโจทก์ปากตำรวจชุดสืบสวนก็ไม่สามารถระบุได้ว่า ถ้อยคำใดในคำปราศรัยเป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ทั้งยังเบิกความตอบทนายจำเลยว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ หมายความรวมถึง พระมหากษัตริย์ พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งมีเป็นจำนวนหลายพระองค์
พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบจึงยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า จำเลยได้หมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน พิพากษายกฟ้อง.
ภายหลังออกจากห้องพิจารณาคดีปีเตอร์เปิดเผยความรู้สึกสั้นๆ ว่า ดีใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ความกังวลเรื่องคดีน่าจะหมดไปและเดินหน้าลุยเรื่องธุรกิจออนไลน์ได้อย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตาม คดีนี้ก็น่าจะเป็นบทเรียนสำหรับเขาที่จะต้องระมัดระวังเรื่องการแสดงออกให้มากขึ้น
ก่อนแยกย้ายกันเดินทางกลับออกจากศาล ทนายความได้ยื่นคำร้องขอคืนหลักประกันซึ่งได้วางไว้กับศาลในการขอปล่อยชั่วคราวปีเตอร์ระหว่างพิจารณาคดีตั้งแต่วันที่อัยการยื่นฟ้องเมื่อ 11 ก.ค. 2565 โดยเป็นเงินของกองทุนราษฎรประสงค์จำนวน 150,000 บาท เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะเสนอศาล และจะโอนเงินประกันคืนภายใน 10 วัน
สำหรับเหตุในคดีนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2563 กลุ่ม “อุดรพอกันที” ร่วมกับนักเรียนกลุ่ม “อุดรพิทย์ไม่ยอมเป็นทาส” และ “RN ปฏิวัติ” จัดชุมนุม #กฐินราษฎร์ตลาดหลวง บริเวณอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เพื่อสนับสนุน 3 ข้อเรียกร้องของคณะราษฎร รวมทั้งเรียกร้องให้ปล่อยคนที่ถูกจับและยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยมีนักกิจกรรมและประชาชนขึ้นปราศรัยแสดงความเห็นหลายคน
ภายหลังถูกดำเนินคดีและถูกฟ้องต่อศาลในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ปีเตอร์ต่อสู้คดีว่า ตนมีเจตนาหวังดีต่อสถาบันกษัตริย์ และข้อมูลที่ปราศรัยมีการเผยแพร่ทั่วไปในอินเตอร์เน็ต อีกทั้งคำปราศรัยเป็นการกล่าวถึงสถาบันกษัตริย์ ไม่ได้กล่าวถึงกษัตริย์องค์ใดโดยเฉพาะ ซึ่ง “สถาบันกษัตริย์” ไม่ใช่องค์ประกอบความผิดตามมาตรา 112 และคดีนี้ศาลได้เคยวินิจฉัยไว้ในชั้นขอออกหมายจับของตำรวจแล้วว่า ยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 112
การชุมนุมครั้งดังกล่าว นอกจากปีเตอร์ที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 แล้ว ยังมีนักกิจกรรมกลุ่ม “ราษฎร” อีก 2 ราย ได้แก่ “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ และ “จัสติน” ชูเกียรติ แสงวงค์ ถูกดำเนินคดีมาตรา 116 จากการปราศรัยเช่นเดียวกัน ปัจจุบันคดียังอยู่ระหว่างการสืบพยาน
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง