เผยกรณี “เมธิน” พลทหารถูกธำรงวินัยร่วมเดือน ก่อนถูกส่งขังคุกทหาร คดี  ม.112 เหตุพูดพาดพิง ร.10 ขณะโต้คู่กรณีขับรถเฉี่ยวชน

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “เมธิน” (นามสมมติ) พลทหารอายุ 22 ปี ที่เรือนจำ มทบ.11 (กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11) เนื่องจากถูกดำเนินคดีมาตรา 112 โดยถูกกล่าวหาว่าพูดพาดพิงถึงรัชกาลที่ 10 ขณะมีปากเสียงกับคู่กรณีที่เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์กลางดึก เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2565 

เมธินเป็นทหารเกณฑ์ประจำการอยู่ที่กองพันทหารแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2565 เขาลาหยุดราชการเพื่อกลับบ้านที่ จ.นนทบุรี กลางดึกของวันเดียวกันเขาถูกรถยนต์เฉี่ยวชนขณะขับรถจักรยานยนต์และได้มีปากเสียงกัน โดยช่วงหนึ่งเมธินพูดพาดพิงถึงรัชกาลที่ 10 ซึ่งถูกคู่กรณีบันทึกวิดีโอไว้และนำไปแจ้งความในข้อหามาตรา 112 ที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แม้ก่อนหน้านั้นเมธินจะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากการทะเลาะวิวาทกันในคืนดังกล่าวแล้วก็ตาม

ต่อมา เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2565 เมธินถูกเจ้าหน้าที่ทหารต้นสังกัดเรียกกลับ แม้อยู่ในเวลาขอลาหยุดราชการ เมื่อเขากลับไปถึงค่ายทหาร ในวันนั้นเขาถูกขังในค่ายทหารเป็นเวลา 5 วัน ก่อนจะถูกปล่อยออกมาให้ทำงานในค่ายทหารตามปกติ

หลังจากนั้นไม่นานเมธินถูกส่งไปธำรงวินัย ที่ มทบ.11 นาน 30 วัน จากนั้นได้ถูกตำรวจ สภ.บางบัวทอง จับกุมตามหมายจับและยื่นขอฝากขังต่อศาลทหารกรุงเทพ และศาลได้อนุญาตให้ฝากขังเมธินที่เรือนจำ มทบ.11 มาตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. 2565 

ภายหลังครอบครัวของเมธินได้ติดต่อมายังศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เนื่องจากหลังเมธินถูกคุมขังที่เรือนจำ มทบ.11 ญาติไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ตามระเบียบของเรือนจำเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 และได้รับการติดต่อจากเมธินเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ในช่วงปลายเดือนมีนาคมและเมษายน โดยเป็นการโทรศัพท์มาจากเรือนจำเพื่อพูดคุยกับครอบครัวเป็นเวลาสั้นๆ แต่หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อกับครอบครัวไปเลยจนถึงปัจจุบัน แม้ครอบครัวจะเขียนจดหมายส่งไป แต่ก็ไม่เคยได้รับจดหมายตอบกลับมาเลย ทำให้เป็นห่วงความปลอดภัย

ในวันที่ 10 มิ.ย. 2565 ทนายความจึงได้เดินทางไปที่เรือนจำ มทบ.11 ใน จ.นครปฐม เพื่อขอเข้าเยี่ยมเมธินเป็นครั้งแรกตั้งแต่ถูกคุมขังในคดีนี้

บันทึกเยี่ยม “เมธิน” ทหารเกณฑ์และผู้ต้องหา 112 ในคุกทหาร   

เวลาประมาณ 11.20 น. ทนายความเดินทางไปถึงเรือนจำ มทบ.11 ท่ามกลางอากาศร้อนและลมนิ่งสนิท บรรยากาศเงียบสงัด เมธินเดินมาพบทนายความ ณ ห้องเยี่ยมซึ่งมีลูกกรงขวางกั้น เขาสวมชุดสีน้ำตาลกางเกงขาสั้นเป็นชุดผู้ถูกคุมขังเหมือนนักโทษพลเรือน มีตรวนล่ามข้อเท้าทั้งสองข้าง เขาค่อยๆ เดินสืบเท้ามาถึงเก้าอี้แล้วนั่งลง ทนายความแนะนำตัวให้เขารู้จักและแจ้งว่าได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือมาจากครอบครัวของเขา 

เมธินเล่าให้ฟังว่า เขามีภูมิลำเนาและอาศัยอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดนนทบุรี จบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และถูกคัดเลือกให้เป็นทหารเกณฑ์เมื่ออายุได้ 21 ปี ในปีที่ผ่านมา ก่อนถูกส่งไปประจำการอยู่ที่กองพันทหารในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2564 

ส่วนเหตุที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จนทำให้เขาถูกคุมขังอยู่ในคุกทหารครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2565 เมธินได้ขอลาหยุดราชการเพื่อกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่ จ.นนทบุรี ในวันดังกล่าวเขาได้ไปสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน ขณะสังสรรค์อยู่นั้นเมธินได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่งว่า เพิ่งประสบอุบัติเหตุและต้องการให้เมธินมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ 

ด้วยความเป็นห่วง เมธินจึงรีบขับรถจักรยานยนต์ไปหาเพื่อนคนดังกล่าวแทบจะทันที แต่ระหว่างทางมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล เมธินประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์คันหนึ่งขับเฉี่ยวปาดหน้าและทั้งคู่ได้หยุดรถเพื่อตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เมธินเล่าว่าเขามีปากเสียงกับคู่กรณี ด้วยความโกรธและขาดสติจากการดื่มสุรา 

จากนั้นตำรวจได้ประสานงานให้แม่เมธินมารับตัวเขากลับบ้าน หลังหลับไปและตื่นขึ้นมา เมธินเล่าว่าเขาจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลยเพราะเมา แม่ของเขาจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ภายหลังเขาได้ตกลงชดใช้ค่าเสียหายจากการกระโดดขึ้นกระโปรงรถให้กับคู่กรณี และจบคดีดังกล่าวไปแล้ว

ต่อมา เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2565 คู่กรณีได้นำคลิปวิดีโอที่บันทึกขณะมีปากเสียงกับเมธิน ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจ ที่ สภ.บางบัวทอง ในวันเดียวกันหน่วยงานต้นสังกัดทราบข่าวที่เกิดขึ้น จึงเรียกตัวเมธินกลับค่ายทหารทั้งๆ ที่ยังอยู่ในช่วงระยะเวลาการลาพักราชการของเขา เมธินเดินทางกลับค่ายทหารภายในวันดังกล่าวทันที จากนั้นเขาถูกขังในค่ายทหารเป็นเวลา 5 วัน ก่อนมีคำสั่งส่งไปธำรงวินัยที่ มทบ.11 เป็นเวลา 1 เดือน (30 วัน)

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2565 หน่วยประจำการต้นสังกัดเมธินได้เดินทางมาหา เมธิน ที่ มทบ.11 เพื่อพากลับกลับค่ายทหาร แต่ในวันเดียวกันตำรวจจาก สภ.บางบัวทอง เดินทางมาพบเมธินและแจ้งว่ามี “หมายจับ” ในคดีที่ต้องหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากนั้นจึงทำการจับกุมและนำตัวเมธินไปยัง สภ.บางบัวทอง 

เมธินให้การรับสารภาพโดยไม่มีทนายความร่วมอยู่ด้วย และตำรวจก็ไม่ได้ให้เขาดูคลิปวีดีโอที่ผู้กล่าวหานำมาแจ้งความร้องทุกข์ ทว่าเมธินเชื่อด้วยตัวเองว่าเป็นคลิปเดียวกันกับวันเกิดเหตุที่เขาเคยได้ดูตอนถูกธำรงวินัย จึงยินยอมรับสารภาพไป โดยยังไม่ได้ตรวจสอบวิดีโอดังกล่าว 

จากนั้นในวันรุ่งขึ้นเมธินถูกนำตัวไปขอฝากขังต่อศาลทหารกรุงเทพ และศาลอนุญาตให้ฝากขังเมธินไว้ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. 2565 เมธินไม่เคยได้ออกจากเรือนจำ มทบ.11 เลยสักครั้งจนถึงปัจจุบัน

ตลอดการเข้าเยี่ยมเมธินของทนายความ เขามีสีหน้าเรียบเฉย แต่นัยตาไม่อาจข่มซ่อนความวิตกกังวลไว้ได้ เขามีท่าทีเกร็งและกังวลตลอดเวลา โดยในระหว่างที่ทนายความเข้าเยี่ยม มีนายทหารอื่นอยู่ร่วมด้วย 3 ถึง 4 นาย และย่อมได้ยินการสนทนาระหว่างเมธินกับทนายความ 

เมธินเล่าถึงความเป็นอยู่ในเรือนจำ มทบ.11 ให้ฟังว่า ได้รับประทานอาหารวันละสามมื้อ เริ่มตื่นนอนตั้งแต่เวลา 5.30 น. เพื่อสวดมนต์และออกกำลังกาย ระหว่างเวลา 9.00-11.00 น. จะเป็นช่วงเวลาการดูแลสวน และพักเที่ยงในเวลา 11.00-13.00 น. จากนั้นเวลา 13.00-15.00 น. เป็นช่วงเวลาในการทำงานต่อ โดยได้กินข้าวเย็นในเวลา 16.00-17.00 น. และจะได้เข้านอนเมื่อเวลา 21.00 น.

ทั้งนี้ หลังเข้าเยี่ยมเมธิน ทนายความได้เดินทางไปยังศาลทหารกรุงเทพเพื่อติดตามเกี่ยวกับคดี โดยพบว่า พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดี ม.112 ของเมธินต่อศาลแล้ว เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2565 แต่ศาลยังไม่ได้กำหนดนัดหมายคดีต่อไป

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นับตั้งแต่เริ่มมีการนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กลับมาบังคับใช้ในช่วงปลายปี 2563 จนถึงวันที่ 16 มิ.ย. 2565 มีผู้ถูกดำเนินคดีข้อหานี้แล้วอย่างน้อย 201 คน ใน 216 คดี โดยหากนับกรณีเมธินแล้ว มีอย่างน้อย 5 ราย ที่ถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีอยู่ในปัจจุบัน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

สถิติผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ปี 2563-65

X