ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 2 ปี “ต้นไม้” คดี ม.112 กรณีจำหน่ายปฏิทินเป็ดเหลือง ประจำปี 2564 

วันที่ 28 ต.ค. 2567 เวลา 10.00 น. ศาลอาญาตลิ่งชันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของ “ต้นไม้” (นามสมมติ) นิติกรบริษัทเอกชนวัย 28 ปี ในกรณีที่สืบเนื่องมาจากการจัดจำหน่ายปฏิทินตั้งโต๊ะรูปเป็ดเหลือง ประจำปี 2564 ในเพจเฟซบุ๊ก “ราษฎร” ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่ามีภาพและข้อความที่เข้าข่ายล้อเลียนและหมิ่นประมาทกษัตริย์ โดยในวันนี้จำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล ศาลอาญาตลิ่งชันจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลย โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา

คดีนี้ในการสืบพยานนัดสุดท้ายทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค. 2519 ข้อ 1 อันมีการกำหนดเพิ่มโทษในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากเดิมโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี เป็นจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี  ซึ่งจะบังคับใช้ลงโทษจำเลยในคดีนี้นั้น ไม่มีสภาพเป็นกฎหมาย หรือขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 26 หรือไม่

ซึ่งต่อมาในวันที่ 7 มี.ค. 2566 ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ก่อนอ่านคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ระบุเหตุผลว่า คำร้องฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาเดียวกับคำร้องของชูเกียรติ แสงวงค์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว 

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 2 ปี เห็นว่าผู้ผลิตปฏิทินเป็ดเหลืองมีเจตนาขายให้กับกลุ่มผู้ติดตามเพจคณะราษฎร ซึ่งมีข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

วันนี้ (28 ต.ค. 2567) เจ้าหน้าที่ศาลได้แจ้งว่า ศาลจะอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ห้องเวรชี้แทนการอ่านที่ห้องพิจารณาคดี เนื่องจากว่าผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนไม่อยู่ ผู้พิพากษาเวรชี้จึงจะเป็นผู้อ่านแทน 

เวลา 10.30 น. ผู้พิพากษาออกนั่งพิจารณาคดี ทนายจำเลยแถลงว่าไม่สามารถติดต่อจำเลยได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลส่งหมายนัดให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว การที่จำเลยไม่มาศาลถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี เมื่อศาลออกหมายจับเกิน 1 เดือนแล้ว ยังไม่สามารถจับตัวได้ เห็นสมควรให้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย และถือว่าจำเลยรับทราบคำพิพากษาแล้ว 

ผู้พิพากษาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยสรุปใจความได้ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์ ปฏิทินดังกล่าวได้ถูกจำหน่ายบนหน้าเพจเฟซบุ๊กของกลุ่มคณะราษฎร ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีเป้าหมายทางการเมือง 3 ประการ ได้แก่ ให้นายกรัฐมนตรีลาออก, แก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 

อีกทั้ง ในการโพสต์ข้อความจำหน่ายปฏิทินบนหน้าเพจยังปรากฏข้อความเชิญชวนให้ซื้อสินค้าว่า ร่วมกันเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มผู้ชุมนุม ดังนั้น ปฏิทินดังกล่าวผู้ผลิตจึงมีเจตนาขายให้กับกลุ่มผู้ติดตามคณะราษฎร ซึ่งผู้ซื้อสินค้าย่อมเข้าใจความหมายของปฏิทินได้

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เห็นว่าในการเบิกความ จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามาศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นับตั้งแต่มีการนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กลับมาบังคับใช้อีกระลอก โดยเฉพาะคดีที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมา ศาลมีคำพิพากษาในคดีเหล่านี้แล้วรวมอย่างน้อย 159 คดี โดยเป็นคดีที่จำเลยยืนยันต่อสู้ และมีคำพิพากษาอย่างน้อย 82 คดีแล้ว ทั้งนี้ผลของคดีเหล่านี้หลายคดียังไม่ถึงที่สุด โดยยังคงต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์และฎีกาต่อไป 

ย้อนดูสถิติคดีมาตรา 112 ที่มีคำพิพากษา: สถิติคดีมาตรา 112 ที่ศาลมีคำพิพากษา

ดูฐานข้อมูลคดีนี้:  คดี 112 “ต้นไม้ – พิชญ” ขายปฏิทินเป็ดเหลือง ถูกกล่าวหาล้อเลียน ร.10

X