รับสารภาพ – ศาลรอกำหนดโทษ 2 ปี คดี ‘112’ หนุ่มสวนยาง ศรีสะเกษ แชร์ภาพล้อเลียน ร.10

วันที่ 1 ส.ค. 2565 ‘โอม’ ชลสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) พร้อมครอบครัวและเพื่อน เดินทางไปที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อฟังคำพิพากษา คดีที่เขาถูกกล่าวหาว่า หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) ด้วยการโพสต์ภาพวาดล้อเลียน ร.10 ลงในสตอรี่เฟซบุ๊ก หลังถูกฟ้องไปเมื่อเดือนมกราคม 2565 และในนัดสอบให้การเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โอมตัดสินใจให้การรับสารภาพ

>>>ฟ้องแล้ว! คดี 112 – พ.ร.บ.คอมฯ หนุ่มสวนยาง ศรีสะเกษ แชร์ภาพวาดล้อเลียน ร.10 เจ้าตัวยืนยันไม่มีเจตนาหมิ่นฯ

ที่ห้องพิจารณาคดี มงคล พิมพ์ทรัพย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลชั้นต้น อ่านคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด 

พิเคราะห์รายงานสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เมื่อมีผู้ตักเตือนว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม ก็รีบลบภาพดังกล่าว เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยยังเป็นบุคคลที่มีจิตสำนึกอยู่บ้าง ไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ในทางการเมืองหรือหวังผลอย่างหนึ่งอย่างใด อีกทั้งก่อนและหลังทำความผิดก็ไม่พบว่ามีพฤติการณ์การแสดงออกที่ไม่เหมาะสมในลักษณะเดียวกันแต่อย่างใด เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน นิสัยและความประพฤติส่วนใหญ่ไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง น่าจะยังอยู่ในวิสัยที่แก้ไขฟื้นฟูได้ และจำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ประกอบอาชีพโดยสุจริตเป็นกิจจะลักษณะ เป็นเรี่ยวแรงของครอบครัว โดยพักอาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคน 

ประกอบกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบักดองและกำนันตำบลบักดอง ซึ่งเป็นผู้บริหารท้องถิ่นและผู้นำท้องถิ่นเขตที่จำเลยพักอาศัยอยู่ ได้รับรองความประพฤติจำเลยไว้ด้วย การให้โอกาสจำเลยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองเพื่อกลับตัวเป็นพลเมืองดีน่าจะเป็นประโยชน์แก่ครอบครัวและสังคมโดยรวมมากกว่าลงโทษจำคุกจำเลย อีกทั้งให้จำเลยได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย จึงเห็นสมควรให้รอกำหนดโทษจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี แต่ให้คุมความประพฤติไว้ 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ 12 ชั่วโมง 

คำพิพากษายังระบุให้ริบของกลาง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือพร้อมกับซิมการ์ดเครื่องที่โอมใช้ในการแชร์ภาพล้อเลียนด้วย

หลังฟังคำพิพากษาแม่ของโอมที่เดินทางมาศาลด้วยเป็นครั้งแรกสะท้อนความรู้สึกว่าโล่งใจมาก เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องขึ้นศาลมาก่อน และการที่โอมต้องเจอกับคดี 112 ก็ทำให้เธอเป็นห่วงเป็นใยต่อชะตากรรมของโอมมาก กังวลเสมอว่าลูกจะติดคุกกี่ปี และถ้าไปอยู่ข้างในเรือนจำจะใช้ชีวิตอย่างไร

ขณะที่ ‘ตู้’ วรพงศ์ รุ่งคำ พี่ที่โอมสนิท และเป็นคนบอกให้โอมลบภาพที่เป็นต้นเหตุคดีนี้ออกหลังโอมโพสต์ไปไม่กี่นาที บอกว่าจะช่วยคอยดูแลโอมอีกทาง ในการไปพบพนักงานคุมประพฤติช่วง 1 ปีนี้ และการรอกำหนดโทษอีก 2 ปี

สำหรับโอมเคยกล่าวถึงคดีที่ต้องเผชิญว่า เขาตั้งใจที่จะมาตามที่ศาลนัดและปฏิบัติตามสิ่งที่พนักงานคุมประพฤติขอความร่วมมืออยู่ตลอด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีเจตนาจะบ่ายเบี่ยงต่อสิ่งที่เกิดหรือคิดหลบหนี ในวันที่เขาโพสต์นั้น หลังจากตู้บอกให้ลบภาพดังกล่าวออกไป เขาก็ตัดสินใจลบทันที เพราะไม่ได้มีเจตนาที่จะดูหมิ่น ร.10 แต่อย่างใด อีกทั้งภาพวาดดังกล่าวเขาเองก็ไม่ได้เป็นคนทำขึ้นมา จึงหวังอยู่เสมอว่าจะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม

ปัจจุบันโอมอาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคน เนื่องจากพ่อและแม่แยกทางกันตั้งแต่โอมยังเด็ก หลังจบ ปวส. สาขาอิเลคทรอนิกส์อุตสาหกรรมที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในตัวอำเภอขุนหาญ โอมได้เข้าไปเผชิญชีวิตที่กรุงเทพฯ โดยรับจ้างเป็นลูกมือคนขับรถบรรทุกได้ราวปีกว่าๆ ก่อนตัดสินใจกลับมาที่บ้านเพื่อมาอยู่กับแม่ที่มีโรคประจำตัว ทั้งโอมและแม่ทำอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา ซึ่งรายได้ไม่แน่นอนขึ้นกับสภาพอากาศ หากวันไหนฝนตกหนักก็จะออกไปกรีดยางไม่ได้ ต้องขาดรายได้ไป เฉลี่ยแล้วโอมมีรายได้ต่อเดือนราว 6,000 บาท และหากว่างจากงานในสวนยาง โอมจะทำงานรับจ้างทั่วไปตามแต่มีผู้ว่าจ้าง เช่น ไปเป็นลูกมือติดตั้งเครื่องเสียงเวลามีงานดนตรีในตัวอำเภอ โอมกล่าวว่า โดยมากหลังได้รับเงินค่าจ้าง เขาจะนำมาให้แม่เก็บไว้

คดี 112 ของโอมคดีนี้นับเป็นคดีแรกที่เกิดขึ้นในจังหวัดศรีสะเกษ เหตุย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2564 ขณะเตรียมตัวไปร่วมคาร์ม็อบขุนหาญ มีตำรวจไปพบโอมที่บ้าน ก่อนคุมตัวไปสอบสวนเรื่องแชร์สตอรี่ภาพวาดล้อเลียน ร.10 ที่ สภ.ขุนหาญ โดยไม่มีทนายความอยู่ร่วมในการสอบปากคำ วันต่อมา ตำรวจเรียกตู้ไปที่ สภ.ขุนหาญ ด้วย อ้างว่าให้ไปให้การในฐานะพยาน ครั้งนั้นตู้ก็บอกความจริงกับตำรวจไปว่า เป็นคนบอกให้โอมลบภาพดังกล่าวออกไป และโอมก็ได้ลบภาพนั้นทันทีจริง โดยขณะที่โอมแชร์ภาพดังกล่าว มีเพียงตนและชายที่ชื่อ อภิสิทธิ์ ไทรทอง  สมาชิกอาสารักษาดินแดนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันได้ดูสตอรี่ดังกล่าว โดยไม่คาดคิดว่า อส.นายนั้นจะนำเรื่องไปแจ้งความ เพราะคิดว่าหากรูปดังกล่าวมีปัญหาจริง น่าจะเพียงตักเตือนกันก่อนได้   

อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

เมื่อสตอรี่เฟซบุ๊กพลิกชีวิต หนุ่มสวนยางขุนหาญ กลายเป็นจำเลย ‘112’ คดีแรกของศรีสะเกษ

ตร.ศรีสะเกษแจ้ง ‘112’ หนุ่มสวนยาง หลังอส.คนบ้านเดียวกัน กล่าวหาแชร์ภาพล้อเลียน ร.10 ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ

ดูฐานข้อมูลคดี 

คดี 112 “ชลสิทธิ์” หนุ่มสวนยางศรีสะเกษ ถูก อส.คนบ้านเดียวกันแจ้งความกล่าวหาแชร์ภาพล้อเลียน ร.10

X