สำรวจผลงาน “ทหาร” กล่าวหาคดีแสดงออกทางการเมือง ส่วนใหญ่อัยการสั่งไม่ฟ้อง-ศาลยกฟ้อง

ท่ามกลางการตรวจสอบกรณีการแจ้งความดำเนินคดีมาตรา 112 ต่อ พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งก่อให้เกิดคำถามต่อการดำเนินการของกองทัพภาคที่ 3 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งทหารมีบทบาทนำ ทั้งเรื่องการตรวจสอบเนื้อหาข้อมูลก่อนไปแจ้งความดำเนินคดี ฐานอำนาจที่ใช้ในการดำเนินการ หรือการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น

ชวนย้อนทบทวนคดีจากการแสดงออกและชุมนุมทางการเมืองจำนวนมากในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุค คสช. ซึ่งทหารเข้ามามีบทบาททางการเมืองอย่างมาก และมีการใช้ “กฎหมาย” และ “กระบวนการยุติธรรม” เป็นเครื่องมือในการปราบปรามผู้คัดค้านต่อต้านการรัฐประหาร ทำให้เกิดคดีจำนวนมากซึ่งมีทหารเป็นผู้กล่าวหา สร้างภาระและผลกระทบให้กับนักกิจกรรม นักวิชาการ หรือนักการเมือง ที่ตกเป็นผู้ถูกดำเนินคดี และในท้ายที่สุด พบว่าคดีเหล่านั้นพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง หรือศาลมีคำพิพากษายกฟ้องคดีในที่สุด โดยผู้กล่าวหาไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ยังไม่ต้องกล่าวถึงผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง ที่ส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวหรือไม่แน่ใจในการออกมาร่วมแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะอาจเกิดภาระในการถูกดำเนินคดีได้

การแจ้งความดำเนินคดีโดยเจ้าหน้าที่ทหารโดยตรง แม้จะลดลงไปในช่วงหลัง หากแต่ก็ยังมีอยู่เรื่อยมาในช่วงหลังการเคลื่อนไหวทางการเมืองปี 2563 

ช่วงยุค คสช. ทหารแจ้งความดำเนินคดีทั้งนักการเมืองนักวิชาการนักกิจกรรม จำนวนมาก

ช่วงหลังรัฐประหาร 2557 นับได้ว่าเป็นช่วงที่กองทัพเข้ามามีบทบาททางการเมืองโดยตรง การปราบปรามการต่อต้านคัดค้านของประชาชน นอกจากใช้ “ปืนและรถถัง” แล้ว ยังมีการใช้รูปลักษณ์ของ “กระบวนการทางกฎหมาย” ผ่านการดำเนินคดีต่อนักกิจกรรมหรือประชาชนที่ออกมาชุมนุม นักวิชาการหรือนักการเมืองที่คัดค้านการใช้อำนาจของ คสช. ในประเด็นต่าง ๆ โดยในคดีเกี่ยวกับความมั่นคง และคดีชุมนุมที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ยังถูกให้พิจารณาพิพากษาโดยศาลทหาร เกิดกระบวนการที่ทหารแจ้งความ อัยการทหารสั่งฟ้อง และศาลทหารพิพากษาตัดสิน ต่อเนื่องกัน

ในช่วง 5 ปีเศษ ของ คสช. นอกจากคดีมาตรา 112 ที่ต่อสู้คดีได้อย่างยากลำบากแล้ว เจ้าหน้าที่ทหารโดยเฉพาะที่รับมอบอำนาจ คสช. อย่าง พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมาย (ยศในขณะนั้น) มีบทบาทในการไปแจ้งความทั้งคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หรือคดีชุมนุมอื่น ๆ จำนวนมาก (ดูฐานข้อมูลคดีทางการเมืองในช่วงยุค คสช. โดย iLaw)  

โดยเฉพาะข้อหามาตรา 116 ที่อยู่ในหมวดความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กลายเป็นเครื่องมือทางกฎหมายสำคัญของทหาร โดยที่ก่อนหน้ายุค คสช. แทบไม่ค่อยพบคดีข้อหานี้ แต่ตั้งแต่ช่วงรัฐประหาร 2557 เป็นต้นมา พบคดีข้อหานี้เพิ่มขึ้น และจำนวนมากมีทหารเป็นผู้กล่าวหา แต่ส่วนใหญ่พบว่าผลของคดีที่เกิดขึ้น มักจะจบในลักษณะที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือศาลยกฟ้อง

คดีที่เกิดขึ้นมีหลายรูปแบบ โดยมากมีลักษณะเป็นการกล่าวหาอย่างกว้างขวางเลื่อนลอย และสุดท้ายจบลงโดยผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้มีความผิดใด แต่หากคดีไปถึงชั้นศาล ก็ต้องใช้เวลาต่อสู้อย่างยาวนาน เป็นภาระอย่างมากสำหรับฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ขณะเดียวกันก็ไม่มีกลไกให้ผู้กล่าวหาต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจที่เกิดขึ้น

นักกิจกรรมและประชาชนหลายคนที่ออกมาแสดงออกต่อต้าน คสช. ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 116 จากการกล่าวหาโดยนายทหารของ คสช. ตั้งแต่การชวนชูสามนิ้วต่อต้านการรัฐประหาร (ศาลพลเรือนยกฟ้อง), การถ่ายรูปกับขันแดง (อัยการทหารสั่งไม่ฟ้อง), การทำเพจล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ (ศาลพลเรือนยกฟ้อง), การทำกิจกรรมเดินเท้าไปขึ้นศาลทหาร (ศาลพลเรือนยกฟ้อง), นักข่าวเผยแพร่ข่าวการชุมนุมผิดวัน (ศาลทหารยกฟ้อง), การชุมนุมเรียกร้องคนอยากเลือกตั้งในหลายคดี (ศาลพลเรือนยกฟ้องข้อหามาตรา 116 ทั้งหมด) เป็นต้น

ในส่วนของนักการเมือง แกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคน ยังเคยตกเป็นผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 116 โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้กล่าวหาหลายคดี อาทิ คดีของจาตุรนต์ ฉายแสง กรณีแถลงข่าวต่อต้านการรัฐประหาร 2557 ซึ่งสุดท้ายศาลพิพากษายกฟ้อง, คดีของชูศักดิ์ ศิรินิล-วัฒนา เมืองสุข-จาตุรนต์ ฉายแสง กรณีแถลงข่าวครบรอบ 4 ปี รัฐประหาร สุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี, คดีเตรียมแจกจ่ายขันแดงของนักการเมืองพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดน่าน สุดท้ายอัยการก็มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี รวมถึงคดีส่งจดหมายวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญก่อนลงประชามติ ที่นักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนหลายคนถูกกล่าวหา สุดท้ายศาลยกฟ้องคดีเช่นกัน

ย้อนมองข้อหา ม.116 เครื่องมือทางการเมืองที่ยังคงถูกใช้สืบเนื่องจากยุค คสช.

.

ผลคดีมาตรา 116 จากช่วงยุค คสช. คดีสิ้นสุดโดยศาลยกฟ้อง-อัยการสั่งไม่ฟ้อง รวมกันเกือบ 3 ใน 4 ของคดีทั้งหมด (ข้อมูลเมื่อเดือนกันยายน 2567)

.

เช่นเดียวกับคดีแกนนำของพรรคอนาคตใหม่ที่ตั้งขึ้นในช่วงปลายยุค คสช. ก็ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารที่รับมอบอำนาจจาก คสช. กล่าวหาในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แค่คดีแทบทั้งหมดอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี อาทิเช่น คดีของคณะกรรมการพรรคอนาคตใหม่ 3 ราย นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ไลฟ์วิพากษ์วิพากษ์วิจารณ์การดูด สส. ของ คสช. มี พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ แจ้งความกล่าวหา อัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง

คดีของปิยบุตร แสงกนกกุล กรณีอ่านแถลงการณ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งมี พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เป็นผู้กล่าวหาเช่นกัน อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีเช่นกัน

คดีของศิรวิทย์ ทองคำ อดีตผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ถูก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก  มอบอำนาจให้นายทหารในจังหวัดเพชรบูรณ์แจ้งความกล่าวหาคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์ภาพทหารขนของจากร้านขายเสื้อผ้า โดยตั้งคำถามว่าใช่หน้าที่หรือไม่ ต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี เพราะเห็นว่าเป็นเพียงข้อความแสดงความสงสัยในสิ่งที่พบเห็นกับภารกิจของทหาร เป็นการใช้สิทธิแสดงความเห็นทั่วไปเท่านั้น

คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นี้ แกนนำพรรคเพื่อไทยเองก็ยังถูกกล่าวหาเช่นกัน เช่น คดีของพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ที่ถูกกล่าวหาในอย่างน้อย 2 คดี ได้แก่ คดีโพสต์วิจารณ์ คสช. ห้ามขายนิตยสาร Times หน้าปก พล.อ.ประยุทธ์ และคดีโพสต์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของหัวหน้า คสช. ทั้งสองคดีมี พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เป็ผู้กล่าวหา และสุดท้ายอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีเช่นกัน

.

.

นักวิชาการที่วิพากษ์วิจารณ์ คสช. และกองทัพ ยังตกเป็นเป้าหมายของการถูกดำเนินคดี อาทิ คดีของปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคดีของหาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์ แกนนำคนเสื้อแดงในจังหวัดเชียงใหม่ ที่โพสต์ข้อความแซวทหาร ซึ่งจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตระดมทุนในช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มนักศึกษาจัดกิจกรรมคัดค้านการเลื่อนเลือกตั้ง ทำให้ถูกทหารมณฑลทหารบกที่ 33 แจ้งความกล่าวหา พนักงานอัยการก็มีคำสั่งไม่ฟ้องทั้งสองคดีนี้

กรณีนักวิชาการจากหลายมหาวิทยาลัยแถลงข่าวเรื่อง “มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร” ก็ถูกเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 33 กล่าวหาดำเนินคดีถึง 8 คน ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. เรื่องการชุมนุมทางการเมือง จำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ต่อมาอัยการทหารก็มีคำสั่งไม่ฟ้องคดี 

เช่นเดียวกับคดีชูป้าย “เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร” ในระหว่างการประชุมวิชาการนานาชาติไทยศึกษาที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีนักวิชาการ นักแปล และนักศึกษา รวม 5 คน ถูกรองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 มอบอำนาจให้อัยการผู้ช่วยศาลทหารไปแจ้งความกล่าวหาเรื่องการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. เรื่องการชุมนุมเช่นกัน คดีนี้ศาลพลเรือนก็มีคำพิพากษายกฟ้อง ภายหลังจากมีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวแล้ว

.

อีกตัวอย่างคดีที่น่าสนใจ ได้แก่ คดีของเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมที่ทั้งถูกลอบทำร้ายหลายครั้ง และถูกดำเนินคดีในช่วง คสช. มีคดีที่เขาโพสต์เฟซบุ๊กเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีไทยแพ้สงครามในสมรภูมิร่มเกล้า แต่ถูก พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ไปกล่าวหาในคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ต่อมาอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนี้

รวมทั้งคดีของผู้แสดงออกทางการเมืองในช่วงการลงประชามติรัฐธรรมนูญปี 2559 อีกหลายคดี ก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้กล่าวหา เช่น คดีของ “สามารถ” กรณีแปะใบปลิวชวนโหวตโน ที่ถูกกล่าวหาในข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559 โดยมีเจ้าหน้าที่กองข่าวของมณฑลทหารบกที่ 33 เป็นผู้กล่าวหา ต่อมาศาลจังหวัดเชียงใหม่พิพากษายกฟ้อง  

หรือคดีเกี่ยวกับการเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของประชาชนในอีกหลายจังหวัดในช่วงนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้กล่าวหา และมีกระบวนการเปิดให้ผู้ถูกกล่าวหายินยอมเข้ารับ “การอบรม” ในค่ายทหาร เพื่อให้คดีสิ้นสุด คดีเหล่านี้ส่งผลถึงบรรยากาศเสรีภาพในการแสดงออกขณะทำประชามติในช่วงนั้น ที่กลายเป็นการปิดกั้นการรณรงค์ของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว

ควรกล่าวด้วยว่า เคยมีปรากฏ “เอกสารหลุด” ที่ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นำส่งเป็นพยานหลักฐานในคดีแกนนำ “คนอยากเลือกตั้ง” (RDN50) ระบุวิเคราะห์ถึงการดำเนินการต่อกลุ่มที่ต่อต้าน คสช. โดยให้ใช้การแจ้งความดำเนินคดีซ้ำ ๆ ต่อประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อทำให้เกิดความกดดัน สร้างความยุ่งยากสับสน และเป็นการจำกัดเสรีภาพ หวังทำให้การเคลื่อนไหวลดระดับลง ขณะเดียวกันยังระบุถึงข้อเสนอให้ใช้ปฏิบัติการข่าวสาร (IO) ไปคู่กับการดำเนินคดีด้วย แต่เอกสารไม่ได้ระบุหน่วยงานที่จัดทำชัดเจน

.

.

ยุคการเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังปี 2563 ยังมีคดี ม.112-116 ที่ทหารเป็นผู้กล่าวหา

หลัง คสช. ยุติบทบาท และเกิดการเคลื่อนไหวชุมนุมของนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ในช่วงปี 2563 เป็นต้นมา ท่ามกลางคดีความจากการชุมนุมและแสดงออกทางการเมืองจำนวนมาก อาจพบว่ามีคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้กล่าวหาโดยตรงลดลงจากยุค คสช. คดีส่วนใหญ่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ หรือในคดีมาตรา 112 และ 116 ก็พบว่าผู้แจ้งความกล่าวหาเป็นพลเรือนที่เคลื่อนไหวในนามกลุ่มปกป้องสถาบันฯ มากขึ้น แต่ก็ยังพบว่ายังมีคดีที่เจ้าหน้าที่ทหาร หรือ กอ.รมน. เป็นผู้กล่าวหาดำเนินคดีอยู่

คดีสำคัญ ได้แก่ คดีของนักกิจกรรม 4 คน ในจังหวัดเชียงใหม่ ถูกผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 มอบอำนาจไปกล่าวหาตามมาตรา 116 และข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุมอื่น ๆ จากการนำประกาศคณะราษฎร 2475 มาอ่านในกิจกรรมเรื่องการกระจายอำนาจ เมื่อปี 2566 โดยกล่าวหาจากพฤติการณ์เพียงการอ่านเอกสารทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยผู้กล่าวหาอ้างว่าเป็นการเชิญชวนบุคคลที่ได้รับฟัง เกิดความกระด้างกระเดื่อง ไม่เคารพกฎหมายหรืออาจล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน 

ในคดีนี้ล่าสุด พนักงานสอบสวนมีความเห็นไม่สั่งฟ้องคดีในข้อหาตามมาตรา 116 แต่คดียังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของอัยการ

.

นักศึกษาและนักกิจกรรมในจังหวัดเชียงใหม่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกล่าวหาตามมาตรา 116 จากเพียงการอ่านประกาศคณะราษฎร เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2566

.

ส่วนคดีที่มีเจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน. ซึ่งเป็นทหาร เป็นผู้กล่าวหา พบว่ามีคดีของ “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง และประชาชนอีกหนึ่งราย ถูกกล่าวหาข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีการถูกอุ้มหายตัวไปของสมาชิกกลุ่มการ์ดราษฎร โดยมีข้อมูลว่ามีบุคคลใช้โทรศัพท์มือถือแชทข่มขู่มาก่อน อ้างตัวว่ามาจาก กอ.รมน.  ในทั้งสองคดีนี้ ต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี โดยเห็นว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตที่ต้องการให้เกิดการติดตามตัวผู้หายตัวไป

ในคดีมาตรา 112 ก่อนหน้ามีการกล่าวหานักวิชาการอย่าง พอล แชมเบอร์ส ในช่วงที่ผ่านมา มีคดีของ “อิศเรศ อุดานนท์” ช่างก่อสร้างชาวนครพนม ที่ถูกเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวของ กอ.รมน. จังหวัดนครพนม เป็นผู้กล่าวหาในคดีข้อหานี้ จากการโพสต์แสดงความเห็นต่อการไม่แต่งตั้งกษัตริย์องค์ใหม่หลังการสวรรคตของรัชกาลที่ 9   คดีนี้หลังการต่อสู้ในชั้นศาล ทั้งศาลจังหวัดนครพนม และศาลอุทธรณ์ภาค 4 ต่างมีคำพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าข้อความไม่ถึงขนาดเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น และไม่ได้เป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์

นอกจากนั้นยังมีคดีในข้อหาตามมาตรา 116 ที่พบว่าเจ้าหน้าที่ทหาร นำไปใช้กล่าวหาต่อสถานการณ์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มมากขึ้นด้วยในช่วงหลัง อาทิ คดีทำบัตรประชามติจำลอง, คดีจากกิจกรรมมลายูรายา ที่มีแม่ทัพภาค 4 มอบอำนาจให้นายทหารไปกล่าวหาทั้งสองคดี และล่าสุดมีคดีของนักข่าวอาสาจาก Wartani ที่ถูกกล่าวหาในข้อหานี้ที่จังหวัดปัตตานีเช่นกัน

รวมไปถึงคดีของ อัญชนา หีมมิหน๊ะ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากกลุ่มด้วยใจ ที่ถูกกล่าวหาดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่จังหวัดนราธิวาส โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารรับมอบอำนาจจากกองทัพเรือ เป็นผู้กล่าวหาในคดีนี้ จากกรณีการโพสต์ข้อความตั้งคำถามเรื่องเงินค่าใช้น้ำประปาของค่ายทหาร

.

X