สถานการณ์สิทธิประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมือง ปี 2567: มาตรฐานความแน่นอนชัดเจนยังเป็นปัญหาใหญ่

ตลอดปี 2567 มีประชาชนหรือนักกิจกรรมที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองต้องถูกคุมขังในเรือนจำ อย่างน้อย 70 คน ในจำนวนนี้ได้รับการปล่อยตัวในระหว่างปี 35 คน โดยส่วนมากเป็นการปล่อยตัวหลังถูกขังจนครบกำหนดโทษ โดยเฉพาะหลังมี พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ในช่วงกลางปี ทำให้ผู้ต้องขังคดีถึงที่สุดแล้วบางรายได้ลดหย่อนโทษลง ขณะที่บางส่วนเป็นการถูกคุมขังระหว่างรอผลการประกันตัว ที่ถูกส่งไปให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาพิจารณา ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา รวมทั้งยังมีกรณีของ “บุ้ง เนติพร” ที่เสียชีวิตในระหว่างถูกคุมขัง

ปัญหาเรื่องการประกันตัวของผู้ต้องขังโดยเฉพาะในคดีตามมาตรา 112 และคดีที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิดในช่วงการชุมนุมดินแดง ยังเป็นสถานการณ์ที่ดำเนินสืบเนื่องมาจากปีก่อนหน้า  โดยแม้ผู้ต้องหาในชั้นสอบสวน หรือจำเลยในศาลชั้นต้น ยังมีแนวโน้มได้รับการประกันตัวอยู่ แต่จำเลยที่เริ่มมีคำพิพากษาในศาลชั้นต้นแล้ว มีแนวโน้มจะไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นศาลอุทธรณ์มากขึ้น โดยมักมีการส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาเป็นผู้สั่ง และหากถูกสั่งไม่ให้ประกันตัวแล้ว แม้จะมีความพยายามยื่นประกันตัวอย่างต่อเนื่อง นำเสนอเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ก็มักไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเกิดขึ้น  ทั้งยังมีปัญหามาตรฐานในแต่ละคดี ว่าศาลพิจารณาโดยใช้ดุลยพินิจอย่างไรในการสั่งไม่ให้ประกันตัว หรือให้ประกันตัว ในคดีลักษณะเดียวกัน

ตลอดทั้งปี 2567 มีการยื่นประกันตัวผู้ต้องขังในคดีการเมืองไม่น้อยกว่า 183 ฉบับ (นับเฉพาะกรณีจำเลยถูกคุมขัง ไม่ได้รับการประกันตัวมาก่อน หรือถูกคุมขังระหว่างรอคำสั่งประกันตัวของศาล  ไม่ได้รวมถึงผู้ที่ได้รับการประกันตัวอยู่แล้ว ในกระบวนการชั้นต่าง ๆ) โดยแบ่งเป็นการยื่นคำร้องในคดีตามมาตรา 112 – 116 จำนวน 141 ฉบับ, คดีที่เกี่ยวเนื่องกับระเบิดจากการชุมนุม จำนวน 41 ฉบับ และคดีดูหมิ่นศาล – ละเมิดอำนาจศาล 1 ฉบับ จากจำนวนดังกล่าวศาลมีคำสั่งยกคำร้องไม่อนุญาตให้ประกันตัวรวมกันไม่น้อยกว่า 168 ฉบับ 

ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวเพียง 13 คน แบ่งเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับชุมนุมทั่วไป 2 คน ได้แก่ ถนอม และศรีรัตน์ คนไร้บ้านที่ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุม #ม็อบ20มีนา2564 แต่ไม่ได้เดินทางไปตามนัดสั่งฟ้องคดี ทำให้ถูกจับกุมคุมขัง ก่อนทนายความทราบในภายหลัง จึงมีการยื่นประกันตัวต่อมา

ส่วนคดีมาตรา 112 และ 116 มีผู้ได้รับการประกันตัว 12 คน แบ่งเป็นได้รับการประกันตัวในระหว่างพิจารณาคดี 7 คน ได้แก่ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์, ณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร, ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, “นารา เครปกะเทย” หรืออนิวัต ประทุมถิ่น, “กร” (นามสมมติ), “บังเอิญ”, ประชาชน อายุ 53 ปี และได้รับการประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์ 3 คน ได้แก่ ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, อรรถพล บัวพัฒน์ และ “บูม” จิรวัฒน์  ส่วนที่ได้รับการประกันตัวในระหว่างฎีกามี 2 คน ได้แก่ “นิว” จตุพร แซ่อึง และ “บอส” ฉัตรมงคล  ทั้งนี้ไม่มีคดีที่เกี่ยวเนื่องกับวัตถุระเบิดได้รับการประกันตัวแม้แต่คนเดียว  

อย่างไรก็ตาม แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีจำนวนผู้ต้องขังที่ได้รับการประกันตัว หากนำคำร้องทุกฉบับกว่า 183 ฉบับมาคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ จะพบว่าแนวโน้มของการมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวจะอยู่ที่ 8.3% ในขณะที่คำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวมีสูงกว่า 91.7%  

สถิติดังกล่าวสะท้อนว่า หากจำเลยในคดีเริ่มถูกคุมขังและไม่ได้รับการประกันตัวแล้ว มีแนวโน้มที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ประกันตัวค่อนข้างน้อย โดยจากจำนวน 12 คน มีผู้ได้รับประกันตัวจำนวนเพียง 5 ราย ที่เกิดจากการที่ศาลมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในภายหลัง

.

ยื่นคำร้องผ่านสถานการณ์การเมืองตลอดปี 2567 มีเพียง 1 ราย คือ “บูม” จิรวัฒน์ ได้ประกันตัวเพียงคนเดียว 

ตลอดทั้งปี 2567 พบว่ามีการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมืองท่ามกลางกระแสการเมืองที่เกิดขึ้นในสังคมแต่ละช่วง รวม 4 ครั้ง ดังนี้ 

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2567 ทนายความได้เข้ายื่นประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมืองรวม 15 ราย การยื่นประกันระลอกนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเปิดลงชื่อเสนอกฎหมาย “นิรโทษกรรมประชาชน” ซึ่งเป็นความพยายามให้ศาลทบทวนสิทธิของจำเลยในคดีอาญาที่ควรได้รับสิทธิในการต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด และได้รับการทบทวนคำพิพากษา-การกำหนดโทษต่าง ๆ จากศาลที่สูงขึ้นไป 

อย่างไรก็ตาม ศาลยังคงมีคำสั่งยกคำร้องทั้งหมด ไม่อนุญาตให้ผู้ต้องขังทางการเมืองกลุ่มนี้ได้รับสิทธิในการประกันตัวในระหว่างการพิจารณาคดีเช่นเดิม

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2567 ทนายความได้ยื่นประกันตัวผู้ต้องขังคดีทางการเมือง ซึ่งอยู่ในระหว่างการต่อสู้คดีจำนวน 16 ราย ในวาระครบรอบ 10 ปีของการทำรัฐประหาร ซึ่งทำให้เกิดการดำเนินคดีทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บรรดาองค์กรทางกฎหมายได้นิรโทษกรรมให้กับคณะผู้ทำรัฐประหารที่ทำลายระบบนิติรัฐของประเทศ 

ในโอกาสนี้ ผู้ต้องขังจำนวน 16 ราย จึงประสงค์ที่จะยื่นประกันตัว เพื่อตอกย้ำว่ายังมีคนที่ไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวขั้นพื้นฐาน และในสถานการณ์ที่ความหวังในการใช้ชีวิตข้างนอกเริ่มริบหรี่ เพียงเพราะคำสั่งประกันของศาลในลักษณะเช่นเดิมว่า ‘ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม’ และเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของเพื่อนผู้ต้องขังที่เพิ่งเสียชีวิตไปอย่าง ‘บุ้ง เนติพร’ กลายเป็นแรงผลักดันให้หลายคนต้องการยืนยันสิทธิของตัวเอง และขอให้ศาลพิจารณาคืนสิทธิประกันตัว 

ต่อมาในระหว่างวันที่ 22 – 24 พ.ค. ศาลได้ทยอยมีผลคำสั่งโดยไม่ให้ประกันตัวทั้งหมด โดยระบุคำสั่งเช่นเดิมว่า “ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม”

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 ทนายความเข้ายื่นคำร้องของประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมือง 13 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีมาตรา 112 จำนวน 6 คน และคดีที่มีมูลสืบเนื่องจากการเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองอีก 7 ราย ที่ศาลอาญา ศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลจังหวัดนราธิวาส

ภายหลังศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ได้ทยอยมีคำสั่งยกคำร้องขอประกันตัวทุกฉบับ การยื่นประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมืองในระลอกนี้ มีแนวโน้มไม่แตกต่างกันกับการยื่นขอประกันตัวระลอกก่อนหน้า

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2567 ทนายความได้ยื่นประกันและยื่นคำร้องขออุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องขังทางการเมืองที่อยู่ในระหว่างต่อสู้คดี เนื่องในโอกาสที่จะถึงวันสิทธิมนุษยชนสากล และวันรัฐธรรมนูญไทย ในวันที่ 10 ธ.ค. ขอประกันตัวรวมทั้งสิ้น 15 คน ใน 19 คดี

นอกจากนี้ยังมีการยื่นประกัน “แอมป์” ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา ระหว่างฎีกา หลังศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 1 ปี 7 เดือน ในคดีมาตรา 112 จากกรณีปราศรัยใน #ม็อบ13กุมภา64 บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ต่อมา 11 ธ.ค. 2567 ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว “บูม” จิรวัฒน์ ซึ่งถูกคุมขังตามมาตรา 112 เพียงคนเดียว หลังจากถูกคุมขังมากกว่า 1 ปีเศษ และศาลฎีกาเพิ่งมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว โดยให้วางหลักทรัพย์ 250,000 บาท ให้ติดกำไล EM พร้อมกำหนดเงื่อนไขประกัน

จิรวัฒน์ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 2566 หลังถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาให้มีความผิดในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าแชร์โพสต์เฟซบุ๊ก 3 โพสต์เมื่อปี 2564 โดยศาลลงโทษจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา

จิรวัฒน์ ยังเป็นผู้ต้องขังทางการเมืองที่ถูกคุมขังข้ามปี 2566 – 2567 เพียงรายเดียว ที่ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีในระหว่างอุทธรณ์ ในขณะเดียวกัน “แพร” ภรรยาของเขา ซึ่งเป็นผู้ป่วยมะเร็ง ต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ทั้งได้มีอาการป่วยหนักขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ทำให้มีการพยายามขอประกันตัวจิรวัฒน์เรื่อยมา  รวมในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้มีการยื่นขอประกันตัวทั้งหมด 10 ครั้ง แต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ประกันตัวเรื่อย จนกระทั่งมีการอุทธรณ์คำสั่ง และศาลฎีกามีคำสั่งให้ประกันตัวในวันที่ 11 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยเห็นว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี

ภาพจาก ไข่แมวชีส

ขณะที่ผู้ถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 ที่ถูกลงโทษในศาลชั้นต้นด้วยโทษจำคุกน้อยกว่าจิรวัฒน์หลายคน เช่น กรณีของวีรภาพ, สิรภพ, อัฐสิษฎ ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว

หรือกรณีที่ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น สองศาลวินิจฉัยคดีแตกต่างกัน อย่างกรณีของทิวากร แม้จะมีความพยายามยื่นประกันตัวหลายครั้ง แต่ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา ก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัว แต่ในกรณีคล้ายกัน เช่น คดีของ “บอส ฉัตรมงคล” ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว หรือแม้แต่ศาลสองระดับวินิจฉัยสองระดับ อย่างกรณีของ “นิว จตุพล” ศาลฎีกาก็สามารถสั่งให้ประกันตัวได้ ทำให้เกิดคำถามเรื่องมาตรฐานการพิจารณาสั่งประกันตัวโดยภาพรวม

.

ภาพรวมการยื่นประกันตัว ปี 2567 “อานนท์ นำภา” ยื่นมากที่สุด ถึง 41 ครั้ง  แนวโน้มผู้ต้องขังคดี ม.112 – ครอบครองวัตถุระเบิด ที่ถูกคุมขังในระหว่างอุทธรณ์ – ฎีกา ได้ประกันตัวยากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566  พบว่าสถานการณ์คดีมาตรา 112 รวมถึงคดีที่เกี่ยวเนื่องกับวัตถุระเบิดในการชุมนุมที่ดินแดง มีแนวโน้มที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวในระหว่างที่คดียังไม่ถึงที่สุด แต่มีคำพิพากษาในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ออกมาแล้ว 

ทั้งนี้ มีกรณีของ “อานนท์ นำภา” ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งถูกพิพากษาจำคุกในคดีตามมาตรา 112 รวม 6 คดีแล้ว อานนท์ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 2566 สืบเนื่องจากถูกพิพากษาจำคุก 4 ปี ในคดีปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา2563 ศาลอุทธรณ์จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวเรื่อยมา 

ตลอดเวลาที่อานนท์ถูกคุมขังมาตั้งแต่ปี 2566 – 2567 เขาได้ยืนยันต่อสู้คดีที่ตัวเองถูกฟ้องในข้อหาตามมาตรา 112 จนถึงที่สุด ทุกคดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา ยังไม่มีคดีใดสิ้นสุด และในทุกคดีความ เขาได้พยายามยื่นขอประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดีข้างนอก ตลอดปี 2567 รวมแล้วกว่า 41 ครั้ง และหากรวมจำนวนคำร้องที่ยื่นขอประกันตัวในปี 2566 อานนท์ได้ยื่นขอประกันตัวทุกคดีรวมทั้งสิ้นกว่า 45 ครั้ง โดยทุกครั้งศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องทุกฉบับ

ในกรณีของ “ขนุน” สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ นักกิจกรรมวัย 23 ปี ถูกพิพากษาให้จำคุก 2 ปี ในคดีมาตรา 112 และถูกขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้วกว่า 10 เดือน จากกรณีปราศรัยในการชุมนุม #18พฤศจิกาไปราษฎรประสงค์ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2563  ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวเขา รวมทั้งเขายื่นประกันตัวเองจากในเรือนจำ ตลอดปี 2567 ไปไม่น้อยกว่า 12 ครั้ง แต่ศาลชั้นต้นไม่เคยเป็นผู้สั่งประกันตัว แต่จะส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาคำสั่ง และศาลอุทธรณ์ก็ยกคำร้องทุกฉบับเรื่อยมา 

กรณีที่ศาลชั้นต้นส่งคำร้องให้ศาลสูงเป็นผู้พิจารณาคำสั่งประกัน ไม่เพียงเกิดขึ้นเฉพาะกับอานนท์หรือขนุน แต่ยังเกิดขึ้นกับผู้ต้องขังในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับมาตรา 112 ซึ่งถูกคุมขังในระหว่างอุทธรณ์หรือฎีกาทุกรายด้วย แม้บางรายโทษจำคุกจะไม่สูงเกิน 5 ปี และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน

ทั้งนี้ มีข้อน่าสังเกตว่าตามศข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและวิธีเรียกหลักประกันในคดีอาญา พ.ศ 2565 ข้อ 24 กำหนดว่า “กรณีที่ศาลชั้นต้นหรือศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ไม่ว่าจะเป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือคดีที่ต้องขออนุญาตฎีกาก็ตาม หากจำเลยไม่เคยถูกคุมขังมาก่อนหรือได้รับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์ และไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือก่อภัยอันตรายใดๆ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยใช้วิธีการอย่างเดียวกับการปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาหรือจะใช้เงื่อนไขหรือมาตรการที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งให้ศาลชั้นอุทธรณ์หรือศาลฎีกาสั่ง”

แต่ในหลายคดีทางการเมือง โดยเฉพาะตามมาตรา 112 มักพบว่ากรณีที่มีการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังในระหว่างอุทธรณ์หรือฎีกาต่อศาลชั้นต้นนั้น ส่วนใหญ่ศาลชั้นต้นมักจะส่งคำร้องให้ศาลสูงเป็นผู้พิจารณาคำสั่งขอประกันตัว แม้คดีนั้นโทษจำคุกจำเลยจะไม่เกิน 5 ปี โดยเฉพาะในศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้

แม้จะมีตัวอย่างคดีจำนวนหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะมีคำพิพากษาในศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์แล้ว แต่ศาลชั้นต้นยังคงเป็นผู้สั่งประกันตัว เช่น  คดีของ “ประสงค์ โคตรสงคราม” ชาวจังหวัดลพบุรีวัย 29 ปี ที่ถูกฟ้องคดีที่ศาลอาญาตลิ่งชัน และศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปี 12 เดือน ศาลชั้นต้นก็เป็นผู้สั่งอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยระหว่างฎีกา โดยไม่ต้องส่งศาลฎีกาสั่งแต่อย่างใด

จากสถานการณ์ทั้งหมด แนวโน้มการต่อสู้คดีทางการเมือง และการเรียกร้องสิทธิประกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมให้กับผู้ต้องขังคดีการเมือง ยังเป็นปัญหาสืบเนื่องต่อไป การได้หรือไม่ได้รับสิทธิประกันตัวไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ใด ๆ ได้มากนัก โดยเฉพาะกลุ่มคดีที่ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา  

นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจจากสถานการณ์ดังกล่าว คือการใช้ดุลยพินิจของศาลในเรื่องการประกันตัว ทั้งเกณฑ์การปล่อยชั่วคราวที่ขาดความแน่นอนชัดเจน แม้ผู้ต้องขังและครอบครัวจะพยายามยื่นหลักฐานต่าง ๆ ยืนยันต่อสู้คดีถึงที่สุด ไม่หลบหนี หรือแม้แต่ยินยอมให้ติดเครื่องมือติดตามตัวอย่างกำไล EM หรือกำหนดเงื่อนไขอื่น ๆ ตามที่ศาลเห็นสมควร ในหลายกรณีก็ไม่มีผลให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งใด ความไม่แน่นอนชัดเจนนี้ อาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อกระบวนการยุติธรรมเสียเองต่อไป

X