บันทึกเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังคดีการเมือง: “เราต้องการแค่ชีวิตธรรมดาในสังคมเท่านั้น และยังคงหวังเรื่องนิรโทษกรรมกันอยู่ทุกวัน”

ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2567 ในขณะที่ตัวเลขผู้ต้องขังทางการเมืองมียอดรวมพุ่งสูงถึง 43 ราย เรื่องราวของพวกเขาที่อยู่ข้างในเพียงเพราะเหตุทางการเมืองยิ่งไม่อาจถูกหลงลืมจากผู้คนภายนอก ทนายความจึงยังคงไปเยี่ยมเยียนและสื่อสารเรื่องราวของพวกเขาออกมาอย่างสม่ำเสมอ มีทั้ง 

“มายด์” ชัยพร วัย 24 ปี คดีครอบครองระเบิดปิงปอง ซึ่งถูกพบก่อนมีการชุมนุม #ม็อบ29สิงหา64

ฝากขอบคุณถึงทุกคนที่มาเยี่ยมอันทำให้ชีวิตของเขาอยู่ได้ต่อไปในโลกสี่เหลี่ยมแคบ ๆ 

“ธี” ถิรนัย อายุ 23 ปี คู่คดีกับชัยพร ที่ยังคงหนักแน่นในเรื่องการต่อสู้ โดยเฉพาะการพับนกกระดาษในเรือนจำ ที่เป็นได้ทั้งนกกระเรียน ที่หมายถึงความหวัง และนกพิราบ ที่หมายถึงอิสรภาพ 

สุขสันต์ ผู้ต้องขังวัย 22 ปี จากการชุมนุมม็อบทะลุแก๊สที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ระเบิดโยนใส่เจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ ที่มาบอกถึงชีวิตในเรือนจำที่ยังอยู่ต่อไป และหวังไว้ว่าคดีจะผ่านไปด้วยดี 

“มาร์ค” อายุ 26 ปี ถูกคุมขังจากคดีมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง จากกรณีเข้าร่วมชุมนุมบริเวณดินแดง ที่เหลือโทษราว 1 ปีเศษ ๆ พูดตั้งความหวังถึงชีวิตวันข้างหน้าว่า หากวันนึงได้ออกไปอยากรีบกลับไปทำงาน  

และ “บุ๊ค” ธนายุทธ แรปเปอร์อายุ 22 ปี ที่ถูกคุมขังคดีครอบครองวัตถุระเบิด เฝ้าฝันถึงวันได้ออกจากเรือนจำและผลิตผลงานเพลงสักอัลบั้ม  

.

มายด์ ชัยพร: “ขอบคุณทุกคนที่มาเยี่ยม ผมก็อยู่ได้เพราะพวกคุณนี่แหละ” 

วันที่ 14 มี.ค. 2567 มายด์สวมชุดผู้ต้องขังสีฟ้าตามปกติ ที่หน้าอกด้านซ้าย มีสีเพนท์เป็นชื่อของเขาในภาษาอังกฤษ มายด์บอกว่าให้คนข้างในที่รู้จักกันเขาทำให้ ก่อนเล่าถึงสุขภาพว่า ช่วงนี้มีอาการแพ้อากาศ มีผื่นคันขึ้นตามตัว คันทั้งตัว ทรมาน ถ้าได้กินยาแก้แพ้อาการก็จะดีขึ้น ช่วงหน้าร้อนนี้รู้สึกว่าเป็นบ่อยมาก ได้ลงชื่อไปหาหมอแล้ว เพื่อที่จะได้ไปเจอหมอแล้วก็รับยามากิน เพราะจะมีอาการเรื่อย ๆ เหมือนโรคประจำตัว 

ส่วนชีวิตประจำวันนั้น มายด์เล่าว่า ที่แดน 6 ความเป็นอยู่ลำบาก ช่วงกลางวันเขาเป็นผู้ช่วยที่ร้านค้า รับของส่งของทั้งวัน 

กับความคิด มายด์บอกว่า ถ้าเราจะเปลี่ยนแปลง “ผมคิดว่าเราต้องสะสมความคิด ทับถมมันผ่านเจนผ่านรุ่นใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ ให้ได้ เพราะคนเจนเก่าก็ทยอยจากไป คนเจนใหม่ก็ยิ่งมีบทบาทมากขึ้น อย่างเรื่องข้อสอบของโรงเรียนวัดธาตุทอง ถือเป็นเรื่องที่ดี ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตามยุคตามสมัย” 

มายด์กล่าวอีกว่า เด็กอายุช่วงวัย 15-20 ปี เป็นวัยที่กำลังไฟแรง แต่กลับไม่มีแรงผลักดันมาช่วย จากทั้งสถาบันการศึกษาและรัฐบาล “ผมเรียนเทคนิค เคยทำโปรเจ็คถังขยะอัตโนมัติ กับอีกหลายอย่าง และมีอีกหลายอย่างที่อยากทำ แต่ก็ไม่มีการสนับสนุน งบก็ไม่มี อาจารย์ก็เคยแนะนำให้ไปแข่ง แต่เราไม่มีทุนตั้งต้นก็เลยพลาดไป ผมเคยดูการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก ซึ่งบางอันมันคล้ายกับที่ผมเคยเสนอโปรเจ็คไปเลย แต่ของผมไม่ได้รับการสนับสนุน พอเห็นแบบนั้นก็ยิ่งหมดไฟ ไม่อยากให้เด็กรุ่นใหม่ที่มีไฟ ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”

สุดท้ายมายด์สะท้อนตัวเองว่า เป็นปีกว่าแล้วที่ไม่ได้เห็นโลกภายนอกเลย “ขอบคุณทุกคนที่มาเยี่ยม ผมก็อยู่ได้เพราะพวกคุณนี่แหละ” 

วันที่ 20 มี.ค.2567 มายด์เล่าว่าช่วงวันนั้นฝนตกทั้งวัน ข้อดีคืออากาศเย็นสบาย ข้อเสียคือผ้าไม่แห้ง ในแดนเริ่มมีคนที่มีอาการไอ มีป่วยกันแล้ว ส่วนเขาเองได้ไปหาหมอเรื่องผื่นแพ้แล้ว หมอให้ยาแก้แพ้มา 6 เม็ด ก่อนเล่าถึงการทำงานทั้งวันในร้านค้า ตั้งแต่เช้ายันขึ้นเรือนนอนเหมือนเดิม พอปิดร้านก็ต้องทำเอกสาร จดยอด แจกของญาติที่ฝากเข้ามาให้ผู้ต้องขัง แล้วถ้ามีคนเข้ามาใหม่ก็ต้องทำรายการใหม่ให้เขาด้วย 

จนถึงปัจจุบัน (25 มี.ค. 2567) ชัยพรถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาแล้ว 405 วัน หรือกว่า 1 ปี 1 เดือน หลังศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี ก่อนลดเหลือ 3 ปี เพราะให้การรับสารภาพ ในคดีครอบครองระเบิดปิงปอง ซึ่งถูกค้นพบก่อนมีการชุมนุม #ม็อบ29สิงหา64

ย้อนดูคดีของชัยพร

.

ธี ถิรนัย: “จำไว้ว่าเราใช้ชีวิตข้างใน แต่ความคิดของเรายังอยู่ข้างนอก” 

วันที่ 14 มี.ค. 2567 ธีมาในชุดผู้ต้องขังสีฟ้าตามปกติ บนหน้ามีแผ่นแปะสิวสีขาวแผ่นเล็ก ๆ ปิดอยู่ที่แก้ม 3-4 แผ่น ผมสั้นสกินเฮด ท่าทางยิ้มแย้ม ธีเล่าว่า สุขภาพยังถือว่าปกติดี ก่อนหน้านี้ป่วยเป็นไข้ตัวร้อนมา 2 สัปดาห์ แต่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนจิตใจก็ยังพยุงกันได้อยู่ ของที่ฝากเข้ามาก็มาต่อเนื่อง ข้างในนี้มีอะไรก็จะแบ่ง ๆ กัน ไม่ลำบาก 

ในส่วนชีวิตประจำวัน ธีเล่าว่า ช่วงนี้เขาไปเล่นฟิตเนส ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง หลังกินข้าวเที่ยงก็จะนั่งคุยกับเพื่อน ๆ พอบ่ายก็ไปห้องดนตรี ไปเล่นดนตรีสักพัก ก่อนจะมาอาบน้ำ และขึ้นห้องนอน 

ธีเล่าอีกว่า ตอนนี้ในแดน 4 มีการเคลื่อนไหวทำกิจกรรมกันอยู่ ต่างคนต่างทำในแบบของตัวเอง แต่มีเป้าหมายคล้าย ๆ กัน สนับสนุนกัน อย่างของธีคือการนิรโทษกรรม ส่วนของเก็ทคือการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 

“จำไว้ว่าเราใช้ชีวิตข้างใน แต่ความคิดของเรายังอยู่ข้างนอก หมายถึง เรายังคิด ยังเชื่อ ยังต่อสู้อยู่ ที่ต้องย้ำไว้ เพราะว่าข้างในนี้มันหลอมความคิดเรา สิ่งแวดล้อมมันจะทำให้ความคิดนักโทษกลายเป็นก้อนกลม ๆ เหมือน ๆ กัน ผมจะสู้ต่อเท่าที่จะทำได้ จนกว่าจะได้อิสรภาพ คู่กรณีเราคือรัฐ คือสิ่งที่ทำให้เรามาอยู่ในนี้”

วันที่ 20 มี.ค. 2567 ทนายเข้าเยี่ยมอีกครั้ง ธีเล่าว่า ช่วงนี้ป่วย ว่าง ๆ ทำอะไรไม่ไหว ก็จะนั่งพับนกกระดาษ สีขาว บางตัวก็เอาสีเทียนมาระบาย ก่อนหน้านี้เขาได้ดูหนังเรื่องหนึ่ง ที่มีฉากพับนก เลยได้ไอเดีย 

“ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่มีความหมาย อยากเอามาใช้ในการแสดงออก เพราะนกกระดาษมันเป็นได้ทั้งนกกระเรียนที่หมายถึงความหวัง และนกพิราบที่หมายถึงอิสรภาพ มันหมายถึงความหวังของผมที่จะมีอิสรภาพ และได้นิรโทษกรรม” 

ธีกล่าวต่อว่า วันที่เขาได้ออกไปอยากจะเอาไปโปรยหน้าเรือนจำ มันเป็นการเรียกร้องอีกแบบนึง “ผมคิดถึงช่วงแคมเปญโบว์ขาว มันเป็นการแสดงออกง่าย ๆ อย่างถ้ามีคนมาเยี่ยมพวกผม แล้วเขาเอานกมาตั้งไว้จุดต่าง ๆ ที่มองเห็นได้ มันก็คงจะให้กำลังใจกับคนข้างในเหมือนกัน”

จนถึงปัจจุบัน (25 มี.ค. 2567) ถิรนัยถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาแล้ว 405 วัน เช่นเดียวกับชัยพร หลังศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี ก่อนลดเหลือ 3 ปี เพราะให้การรับสารภาพ ในคดีครอบครองระเบิดปิงปอง ซึ่งถูกค้นพบก่อนมีการชุมนุม #ม็อบ29สิงหา64

ย้อนดูคดีของถิรนัย

.

สุขสันต์:  ไม่หวังอะไรมาก ขอให้คดีผ่านไปด้วยดี

วันที่ 1 มี.ค. 2567 ที่เรือนจำคลองเปรม  ทนายอัพเดตข่าวทางการเมืองจากข้างนอกให้สุขสันต์ฟัง จากนั้นสุขสันต์อัพเดตชีวิตในเรือนจำที่ทำกิจวัตรเหมือนเดิม ๆ ตื่นเช้ามา อาบน้ำ กินข้าว จากนั้นก็ว่าง ทำอะไรเรื่อยเปื่อย จนถึงเที่ยงก็กินข้าวเที่ยง อาบน้ำ หลังจากนั้นก็อยู่ในห้องยาว ๆ ก่อนปิดท้ายด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ทุกวันนี้ผมก็ไม่หวังอะไรมากครับ ขอให้คดีผ่านไปด้วยดี”

จนถึงปัจจุบัน (25 มี.ค. 2567) สุขสันต์ถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 194 วัน หลังถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน

ย้อนดูคดีของสุขสันต์

.

มาร์ค: เหลือโทษอีกราว 1 ปี อยากได้นิรโทษกรรม อยากให้เพื่อนได้ออกไปด้วย

วันที่ 15 มี.ค. 2567 มาร์คเดินเข้ามาในห้องเยี่ยมด้วยท่าทางนิ่ง ๆ เขาสวมชุดฟ้าตามปกติ ตัดผมทรงสกินเฮด ก่อนอัพเดทเรื่องสุขภาพว่า ยังแข็งแรง ปกติไม่ค่อยป่วยอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ร้อนมาก น่าจะร้อนที่สุดแล้ว แถมไฟดับบ่อย 

มาร์คกล่าวกับทนายว่า อยากได้ใบเด็ดขาด เพราะต้องใช้ทำเรื่องลดหย่อนโทษ ตอนนี้ช่วงกลางวันเขาจะออกมาอบรมศาสนา นั่งสมาธิ เพื่อจะได้ใบประกาศเอาไว้ลดหย่อนโทษ 

ก่อนเล่าถึงครอบครัวว่า ได้คุยกันเดือนละ 2 ครั้ง ผ่านไลน์ เพราะบ้านอยู่ อ.ไทรน้อย ต้องเดินทางเข้ามา ไม่อยากให้ครอบครัวลำบาก อีกทั้งพ่อแม่ทำงานรับจ้างและทำเกษตร ต้องใช้รถไปทำนาที่อยุธยา 

ช่วงท้ายการสนทนา มาร์คฝากขอบคุณทุกคนข้างนอก ขอบคุณพี่น้องที่มาช่วยเหลือกัน เราเห็นคุณค่ามาก ๆ และใช้มันอย่างดีให้มันมีคุณค่าที่สุด ทุกอย่างมีความหมายต่อคนข้างในมาก

วันที่ 22 มี.ค. 2567 มาร์คเล่าว่า อาทิตย์หน้าจะเข้าอบรมพุทธศาสนาครบ 1 เดือนแล้ว ก็จะได้ใบประกาศมาเก็บไว้ ไว้ยื่นเวลาเลื่อนชั้นนักโทษ ใน 1 ปี จะมีอบรมแบบนี้สักครั้ง “ผมอยู่ในนี้มาปีนึงแล้ว เข้ามาตั้งแต่ 15 มี.ค. 2566 ช่วง 7-8 เดือนแรก ก็ยื่นประกันตัวอยู่ตลอด จนเราท้อ เพราะไม่ได้ประกันเลย ศาลยืนตามคำสั่งเดิมตลอด อุทธรณ์ไปก็ไม่ได้ผล จนช่วงหลังเราไม่ยื่นประกันแล้ว”  

เมื่อพูดเรื่องนิรโทษกรรมมาร์คกล่าวว่า “เราอยากได้นะ ผมอยากให้เพื่อนได้ออกไปด้วย ยิ่งบางคนที่โดนโทษเยอะ ๆ”  

ส่วนของมาร์คกับโทษอีก 1 ปีที่เหลือ ตอนนี้มาร์คอยู่กองงานช่าง “งานพวกนี้เคยทำมาแล้วตอนอยู่ข้างนอก มีพื้นฐานการเชื่อม งานตัด ทาสี อยู่แล้ว ก็ทำเหมือนให้ไม่ลืม ซื้อเวลาไปให้เพลิน ๆ มีอะไรทำรอวันออก”

ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า “ถ้าได้ออกไปผมก็จะหางานทำ แต่ยังตันอยู่ นั่งคิดทุกวัน อาจจะกลับไปทำงานที่เดิม ที่อู่ซ่อมรถที่ไทรน้อย แต่ถ้าเขาไม่รับก็ว่าจะลองไปหาพวกงานโรงงาน ระหว่างนั้นก็จะไปทำสวน ปลูกผัก ทำนาช่วยครอบครัวก่อน”

จนถึงปัจจุบัน (25 มี.ค. 2567) มาร์คถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาแล้ว 377 วัน หรือราว 1 ปีเศษ คดีของมาร์คศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี 1 เดือน และมาร์คตัดสินใจไม่อุทธรณ์ รวมทั้งอัยการไม่ยื่นอุทธรณ์ ทำให้คดีถึงที่สุดแล้ว 

ย้อนดูคดีของมาร์ค

.

บุ๊ค: ออกไปทำอัลบั้มเกี่ยวกับเรือนจำแน่นอน ตอนนี้ได้มา 15 เพลงแล้ว

วันที่ 15 มี.ค. 2567 บุ๊คเดินมาในห้องเยี่ยมด้วยหน้าตายิ้มแย้ม สวมชุดผู้ต้องขังสีฟ้า หน้าอกเสื้อด้านขวาเขียนว่า “ยิ้มสู้” ที่กระเป๋าเสื้อมีรูปแมว บุ๊คบอกว่าใช้สีทาบ้านมาเพนท์เอา ด้านสุขภาพบุ๊คเล่าว่า ช่วงนี้มีอาการหวัดนิดหน่อย หายใจยากเพราะฝุ่น บางวันแหงนหน้ามองฟ้าแทบไม่มีแสงแดด ข้างในอับมาก คนแออัด เวลานอนก็ร้อน หายใจไม่สะดวก 

ด้านกิจวัตรประจำวันบุ๊คเล่าว่า พยายามปรับเวลาในการอาบน้ำ เพราะว่าแดน 6 จำกัดเวลาอาบน้ำแค่ 5 นาที การอาบน้ำคือความสุขไม่กี่อย่างของคนในนี้ ยิ่งโดยเฉพาะหน้าร้อน การคลายร้อนด้วยการอาบน้ำนี่มันสำคัญ 

ก่อนกล่าวถึงคดีของเขาว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2567 ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามชั้นต้น เขาก็คาดไว้แล้ว ไม่เกินคาด คิดไว้ว่ามันน่าจะตัดสินเด็ดขาดทั้ง 3 ชั้นเลย เพราะถ้าไปสู้ชั้นฎีกามันก็จะนานพอสมควร 

“และเรามีหลายคดีด้วย ถ้าเด็ดขาดแล้ว เราก็คงจะมาวางแผนลดหย่อนโทษต่อ”  

บุ๊คเล่าด้วยว่า กำลังจะไปทำงานเป็นผู้ช่วยห้องสมุดกับ “ก้อง” อุกฤษฏ์ ผู้ต้องขังคดี 112 เพราะชอบอ่านหนังสือ “ผมชอบแต่งเพลงด้วย ก็ยิ่งชอบห้องสมุด มันได้มีเวลาคิดทบทวนชีวิต อยู่ข้างในนี้น่าจะแต่งเพลงได้เป็นอัลบั้มเลย”

บุ๊คเสริมว่า “บรรยากาศในนี้ทำให้เรามองเห็นความเป็นจริงอีกแบบหนึ่ง ตอนเราอยู่คลองเตย เราเห็นแบบหนึ่ง เห็นการกดทับ เห็นคนจน เห็นปัญหาครอบครัว เห็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่พอมาอยู่ในนี้ มันยิ่งตอกย้ำ ยิ่งทำให้สิ่งที่เราคิด เราเชื่อว่าต้องเปลี่ยนแปลง มันยิ่งชัดเจนมากขึ้น”  

วันที่ 22 มี.ค. 2567 บุ๊คอัพเดตชีวิตในเรือนจำให้ทนายฟังว่า ตอนนี้ก็อยู่ห้องสมุดบ้าง ไปซ้อมดนตรีบ้าง เขาเป็นนักร้องนำในแดน จะมีโชว์ช่วงสงกรานต์ ก่อนกล่าวด้วยความปีติว่า “ผมรู้สึกดีเวลามีคนมาฟังผมแร็ป ผมชอบไปยืนแร็ปหน้าห้องน้ำ เรื่องรัฐบาล เรื่องความเหลื่อมล้ำ เรื่องข้าราชการโกงกิน เรื่องชีวิตของคนจน ผมชอบที่มีคนมาล้อมวงฟัง จาก 10 คน เป็น 20 คน  บางวันเป็น 100 คน”  

ก่อนย้อนเล่าถึงชีวิตในคลองเตยว่า ไม่ว่าจะพูด จะแร็ป เขาจะยืนข้างคนรากหญ้าเสมอ และการที่พวกเขาต้องเข้ามาอยู่หลังกำแพง มันก็เป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่สังคมกดทับ จนเขาต้องมาอยู่ในนี้ 

ในแง่หนึ่งของการอยู่เรือนจำบุ๊ครู้สึกเหมือนอยู่แถวบ้าน เพราะหลายคนเวลาเดินผ่านกัน ก็จะบอกว่า บุ๊ค แร็ปให้ฟังหน่อย เกือบทุกคนที่ได้ปล่อยตัวไป ก็มาขอช่องทางติดตามผลงานไว้ บอกว่าสิ่งแรกที่จะทำหลังจากออกไปคือการฟังเพลงของบุ๊ค “ผมตื้นตันมากเลย แล้วบอกเขาว่า มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไร แต่คงไม่ค่อยมีใครมีโอกาสได้ลายเซ็นจากศิลปินในคุก เซ็นใส่ซองจดหมายบ้าง ในกระดาษสมุดบ้าง ออกไปผมทำอัลบั้มแน่นอน เกี่ยวกับเรือนจำ ตอนนี้ได้มา 15 เพลงแล้ว”

บุ๊คคุยต่อว่า ทุกคนข้างในอยากกลับบ้าน คิดถึงครอบครัว คิดถึงความฝัน “เราต้องการแค่ชีวิตธรรมดาในสังคมเท่านั้น และเรายังคงหวังเรื่องนิรโทษกรรมกันอยู่ทุกวัน” บุ๊คสะท้อนความรู้สึกว่า “ผมรู้ว่าพวกผมอยู่ในเรือนจำแค่ไม่กี่สิบคน คนข้างนอกอาจมองว่า ทำไมต้องให้อิสรภาพกับพวกเรา เขาอาจคัดค้านการนิรโทษ ผมไม่โกรธเลย ผมหวังแค่ให้สังคมเปลี่ยนแปลง ให้คนทุกคนเท่าเทียมกัน ต่อให้คนข้างนอกไม่เห็นด้วยกับเราก็ตาม เราก็พร้อมจะต่อสู้เพื่อพวกเขาด้วยเหมือนเดิม” 

บุ๊คฝากทนายถึงคนข้างนอกว่า อยากให้รักษากำลังใจ คนข้างในก็อาจมีท้อบ้าง แต่พยายามรวมกลุ่มกัน เสริมพลังใจกัน เพื่อดูแลกันให้ได้มากที่สุด “ผมเชื่อว่าการเคลื่อนไหวยังคงเดินต่อไป ตราบใดที่มีการกดขี่จากอำนาจรัฐอยู่ เราคงไม่สามารถพูดได้ว่าเวลาอยู่ข้างเรา 100% แต่เรายืนยันได้ว่า เราได้ใช้เวลาทุกนาที ต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง”  

จนถึงปัจจุบัน (25 มี.ค. 2567) บุ๊คถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์และฎีกาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาแล้ว 186 วัน บุ๊คถูกศาลอาญากรุงเทพใต้และศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน จากคดีครอบครองวัตถุระเบิด หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบประทัดลูกบอล, ไข่ก็อง, พลุควัน และระเบิดควัน ที่บ้านพัก

ย้อนดูคดีของบุ๊ค

.

ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม

บันทึกเยี่ยม 5 นักโทษการเมือง: ขอให้นิรโทษกรรมประชาชนผ่านไปได้ด้วยดี

X