บันทึกเยี่ยม 5 นักโทษการเมือง: ขอให้นิรโทษกรรมประชาชนผ่านไปได้ด้วยดี

ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทนายความยังคงเข้าเยี่ยมผู้ถูกคุมขังทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ในสถานการณ์ที่ยังคงมีผู้ถูกพาตัวเข้าเรือนจำจากเหตุทางการเมืองอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีอย่างน้อย 40 ราย ที่ยังรอคอยอิสรภาพอยู่ 

ครั้งนี้ทนายเข้าเยี่ยม “กิ๊ฟ” ทีปกร ที่ถูกพิพากษาตาม ‘มาตรา 112’ ให้จำคุก 3 ปี และกำลังรอคอยความหวังจากการอุทธรณ์คดี ไพฑูรย์และสุขสันต์ที่ถูกจำคุกจากคดีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ระเบิดโยนใส่เจ้าหน้าที่ในเหตุชุมนุม ที่พวกเขาทั้งรู้สึกอยากให้คนมาเยี่ยมเรื่อย ๆ และลึก ๆ ก็อยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ตลอดจนถิรนัยที่ส่งความห่วงใยถึง “แฟรงค์” ผู้ถูกคุมขังรายล่าสุดจากคดี ‘116’ ที่กำลังอดอาหารประท้วง รวมไปถึงสุดใจที่ยังพูดถึงเรื่องความหวังให้นิรโทษกรรมประชาชนผ่านไปได้ด้วยดี และฝากขอบคุณถึงคนที่ช่วยดูแลนักโทษการเมืองจากข้างนอกอยู่ตลอด 

.

ทีปกร: คาดหวังว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะออกมาดี

วันที่ 31 ม.ค. 2567 ทีปกรหรือกิ๊ฟย้อนเล่าให้ฟังว่า ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ทำให้เป็นหวัดเจ็บคอ แล้วก็มีน้ำมูก ไอตอนกลางคืน แต่ช่วงนี้ก็ได้ออกกำลังกาย โดยจะออกกำลังกายเฉพาะเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ตอนนี้ก็ยังอยู่กองงานผักไฮโดรโปรนิกส์เหมือนเดิม ตอนทำงานก็เหมือนได้ออกกำลังกายไปด้วย ก็เพลินดีมีอะไรทำ กิ๊ฟถามถึงสถานการณ์เกี่ยวกับคดี 112 ที่มีการตัดสิน และการประกันตัวว่าช่วงนี้เป็นไปในทิศทางใด  

จากนั้นพูดคุยกันต่อเรื่องการพักโทษ เนื่องจากคราวที่แล้วกิ๊ฟขอให้ทนายไปดูหลักเกณฑ์เรื่องการพักการลงโทษมาให้ว่า ต้องทำอย่างไรบ้าง มีคุณสมบัติยังไงบ้าง ทนายหาข้อมูลมาให้และเล่าให้ฟัง กิ๊ฟกล่าวว่า หากจะได้พักการลงโทษจะต้องเป็นถึงนักโทษชั้นเยี่ยม ก็ต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน เขาก็ยังคาดหวังว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะออกมาดี  ก่อนเล่าว่า ทุกวันนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ยังมาเยี่ยมอยู่เรื่อย ๆ สัปดาห์ละครั้ง แต่ถ้าอาทิตย์ไหนไม่ว่างก็จะไม่ได้มา 

จนถึงปัจจุบัน (19 ก.พ. 2567) ทีปกรถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาแล้ว 246 วัน  โดยทีปกรถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จากการถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความและแชร์คลิปจากยูทูบ ตั้งคำถามถึงคุณค่าของสถาบันกษัตริย์ เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2563 ศาลอาญาพิพากษาเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2566 จำคุก 3 ปี โดยไม่รอการลงโทษ 

ย้อนดูคดีของทีปกร

.

ไพฑูรย์: อยากให้มีคนเข้ามาเยี่ยมเรื่อย ๆ

วันที่ 1 ก.พ. 2567 ไพฑูรย์อัพเดทเรื่องสุขภาพร่างกายว่ายังคงแข็งแรงดี กินอิ่ม นอนหลับ เพียงแต่ช่วงนี้อากาศร้อน ๆ หนาว ๆ  ก่อนเล่าว่า วันก่อนมีคนข้างนอกเดินเข้ามาดูในแดนพร้อมเจ้าหน้าที่ มาชี้ไม้ชี้มือ ไม่แน่ใจว่าเป็นช่างที่จะเข้ามาซ่อมในแดนหรือไม่ พวกนักโทษก็คุยกันว่าอาจจะได้ฤกษ์ซ่อมแดนสักที แต่ทุกคนก็มานั่งคิดกันว่า ถ้าซ่อมแดนแล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหน เขาจะให้ช่างที่มาซ่อมอยู่รวมกับพวกเราเหรอ หรืออาจจะต้องถูกย้ายแดนไม่ก็ย้ายเรือนจำกัน ไพฑูรย์บอกอีกว่า ช่วงนี้มีคนถูกย้ายแดนไปเยอะ เหมือนถึงรอบวน ๆ ใครเริ่มสร้างถิ่นฐานมั่นคงก็เอาละ ได้เวลาย้ายไปเริ่มต้นสร้างอิทธิพลใหม่ที่แดนอื่น บางคนก็โดนย้ายเรือนจำ

พอทนายอัพเดทคดีการเมืองอื่น ๆ และเล่าว่า บุ้งอดอาหารแล้ว ไพฑูรย์ก็รับฟังนิ่ง ๆ บอกเพียงว่าก็เข้าใจนะ แต่ผมคงอดไม่ได้ ไพฑูรย์ยังคงกังวลเรื่องคดีของตนเองอยู่บ้าง สอบถามแนวทางคดีว่าจะเป็นอย่างไร จะยื่นอุทธรณ์เมื่อไหร่ แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามไม่คิดถึงมัน เพราะก็พอจะรู้ว่าน่าจะต้องอยู่อีกนาน แต่ก็อยากให้มีคนเข้ามาเยี่ยมเรื่อย ๆ อยู่ดี พร้อมแจ้งว่าอยากให้ทำ domi mail ระหว่างไพฑูรย์ สุขสันต์ กับศูนย์ทนายฯ ให้หน่อย เผื่อว่าระหว่างรอทนายเข้าเยี่ยมมีเหตุอะไรเกิดขึ้น หรือต้องการอะไรจะได้มีช่องทางแจ้งได้

จนถึงปัจจุบัน (19 ก.พ. 2567) ไพฑูรย์ถูกคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรมมาแล้ว 159 วัน คดีของเขาอยู่ระหว่างอุทธรณ์ หลังถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 33 ปี 12 เดือน ในคดีจากการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส ที่หน้าบริเวณดุริยางค์ทหารบก เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2564 โดยถูกกล่าวหาว่าใช้ระเบิดโยนใส่เจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ

ย้อนดูคดีของไพฑูรย์

.

สุขสันต์: อยากออกไปข้างนอกแล้ว 

วันที่ 8 ก.พ. 2567 สุขสันต์บอกกับทนายที่เข้าเยี่ยมว่า ช่วงนี้มีอาการเจ็บคอบ้างนิดหน่อย เหมือนจะมีไข้ แต่เป็นเฉพาะตอนกลางคืน พอลงแดนมาก็ไม่ค่อยเป็น แต่ตั้งแต่ออกกำลังกายมาก็ไม่ค่อยป่วยเท่าไหร่ วันนี้ก็ออกกำลังก่อนมาเจอทนาย เหงื่อเต็มตัวไปหมด  สุขสันต์เล่าว่าช่วงที่ผ่านมาออกกำลังกายค่อนข้างหนัก ตั้งแต่ 10 โมงไปจนถึงเที่ยงเลย เพราะแค่พยายามทำตัวให้มีอะไรทำก่อนถึงเวลากินข้าว จะได้เป็นรูทีน ไม่ต้องคิด พอหลังกินข้าวก็อาบน้ำขึ้นห้องแล้ว เลยออกกำลังช่วงสาย ๆ เอา

สุขสันต์เล่าอีกว่า มีอยู่คืนหนึ่งไฟตก ร้อนมาก แล้วเหมือนในเรือนจำแต่ละห้องเดินสายไฟไม่เหมือนกัน ห้องที่อยู่พัดลมกับไฟดับแต่ทีวีติด บางห้องทีวีดับแต่พัดลมติด แล้วในห้องของสุขสันต์เป็นห้องเล็ก นอนกัน 9 คน อบอ้าวมาก ๆ หน้าต่างก็แค่เมตรคูณเมตร แล้วต้องอยู่บนห้อง 16 ชั่วโมง กว่าจะได้ลงมาตอนเช้า “ช่วงนี้มีติดละครบ้าง ก็ดูตามที่เขาเปิด ๆ กัน พอเพลียมาก ๆ ก็หลับไปเอง”

สุขสันต์บอกด้วยว่า เขาพยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน ไม่ให้คิดโน้นนี่ ตอนนี้ก็เริ่มได้กิจวัตรแล้ว เริ่มชินกับมันแล้ว ก่อนจากกันสุขสันต์บอกว่า สนใจเรื่องการศึกษา คิดว่าเมื่อเรือนจำเปิดให้ลงเรียนได้เมื่อไหร่ก็คงไปลงไว้ 

ต่อมา วันที่ 16 ก.พ. 2567 ทนายเข้าเยี่ยมสุขสันต์อีกครั้ง สอบถามถึงสภาพร่างกายและจิตใจ สุขสันต์แจ้งว่า ตอนนี้ร่างกายแข็งแรง ส่วนจิตใจก็เรื่อย ๆ แต่ก็อยากออกไปข้างนอกแล้ว ที่นี่มีแต่ผู้ต้องขังที่โทษ 15 ปีขึ้นไป ทนายอัพเดตเรื่องประกันตัวให้สุขสันต์ฟัง และอัพเดตข่าวคราวจากข้างนอก สุขสันต์กล่าวว่า เขาพอทราบข่าวข้างนอกบ้าง เพราะที่คลองเปรมนี้สามารถดูข่าวทีวีได้ ไม่เหมือนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่ดูข่าวไม่ได้  

จนถึงปัจจุบัน (19 ก.พ. 2567) สุขสันต์ถูกคุมขังมาแล้ว 159 วัน เช่นเดียวกับไพฑูรย์ คดีของสุขสันต์อยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญา ที่พิพากษาจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน ฐานเป็นผู้สนับสนุนการใช้ระเบิดโยนใส่เจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2564 

ย้อนดูคดีของสุขสันต์

.

ถิรนัย: เป็นห่วงแฟรงค์ที่กำลังอดอาหารเพราะตัวเล็กอยู่แล้ว อาการน่าจะทรุดเร็ว 

วันที่ 15 ก.พ. 2567 ถิรนัยเดินมาถึงห้องเยี่ยมตอน 13.40 น. แต่เจ้าหน้าที่ห้องเยี่ยมไม่โทรกลับมาแจ้งเจ้าหน้าที่ห้องทนาย จนประมาณ 14.40 น. ทนายเห็นว่านานเกินจึงเดินไปสอบถามว่า ติดปัญหาอะไร ทำไมผู้ต้องขังยังไม่ถึงห้องเยี่ยมเลย เลยเพิ่งทราบว่าถิรนัยมารออยู่นานแล้ว 

ทนายอัพเดทสถานการณ์ข้างนอกให้ฟังคร่าว ๆ ถิรนัยอยากรู้เรื่องขบวนเสด็จที่ทานตะวันถูกแจ้งความเป็นคดี กับเรื่องที่มีคนแสดงออกโดยใส่สีม่วง ก่อนบอกว่าเป็นห่วงแฟรงค์กับทานตะวัน เมื่อทนายความแจ้งให้ทราบว่า ทั้งสองประกาศอดอาหารตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรือนจำ (14 ก.พ. 2567) ถิรนัยก็กล่าวว่า เป็นห่วงแฟรงค์เพราะตัวเล็กอยู่แล้ว อาการน่าจะทรุดเร็ว

จนถึงปัจจุบัน (19 ก.พ. 2567) ถิรนัยถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 369 วัน หรือกว่า 1 ปี

ในคดีครอบครองระเบิดปิงปอง ซึ่งถูกค้นพบก่อนการชุมนุมเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2564 ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี ก่อนลดเหลือ 3 ปี   

ย้อนดูคดีของถิรนัย

.

สุดใจ:  ขอให้นิรโทษกรรมประชาชนผ่านไปได้ด้วยดี 

วันที่ 16 ก.พ. 2567 ขณะทนายเข้าเยี่ยม  สุดใจยิ้มยกมือไหว้ตั้งแต่เข้าประตูมาแต่ไกล และสอบถามสถานการณ์ข้างนอกว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งเรื่องตะวันและนิรโทษกรรมประชาชน เมื่อทนายอัพเดตสถานการณ์ให้ฟัง สุดใจฝากกำลังใจให้น้อง ๆ ทุกคน และเป็นกำลังใจให้นิรโทษกรรมประชาชนผ่านไปได้ด้วยดี 

จากนั้นสุดใจได้อัพเดตเรื่องสุขภาพของตนเองว่า แข็งแรงดี ไม่มีปัญหาเรื่องอะไร ก่อนเล่าว่า หลังจากทนายเข้าเยี่ยมครั้งสุดท้าย เจ้าหน้าที่ก็นำคำร้องขอพักโทษมาให้เซ็น แต่ทางสุดใจยังไม่ได้เซ็นเพราะอยากปรึกษาทนายก่อน นอกจากนี้ เขาเองก็ยังไม่ได้ใบเปลี่ยนสถานะเป็นนักโทษชั้นดีด้วย ทนายจึงแจ้งว่า จะหาข้อมูลและเข้ามาอัพเดตให้ฟังในการเข้าเยี่ยมครั้งถัดไป 

สุดใจเปรยในตอนท้ายว่า อยากออกไปเล่นสงกรานต์ข้างนอก ชอบสงกรานต์เพราะเล่นน้ำแล้วเย็นสบาย ไม่รู้ว่ากิจกรรมสงกรานต์ในเรือนจำจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวจะเล่าให้ทนายฟังอีกครั้ง สุดท้ายสุดใจฝากขอบคุณคนที่คอยช่วยดูแลจากข้างนอกอยู่ตลอด 

จนถึงปัจจุบัน (19 ก.พ. 2567) สุดใจถูกคุมขังในฐานะผู้ต้องขังคดีสิ้นสุดมาแล้ว 131 วัน 

โดยสุดใจถูกดำเนินคดีคดีจากการตรวจพบว่าครอบครองระเบิดปิงปอง ในช่วงที่มีการชุมนุมเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2564 บริเวณคอนโดแห่งหนึ่งย่านดินแดง ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุก 1 ปี 6 เดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกา ทำให้คดีสิ้นสุดลง

ย้อนดูคดีของสุดใจ  

ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม

บันทึกเยี่ยม มาร์ค-สุดใจ-ไพฑูรย์-สุขสันต์: เสียงสะท้อนเรื่องการดูแลสุขภาพ-ความแออัดในเรือนจำ 

X