ระหว่างวันที่ 9-18 ม.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม 4 ผู้ต้องขังทางการเมืองที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้แก่ “สุดใจ” และ “มาร์ค” ชนะดล และอีก 2 คน ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ได้แก่ ไพฑูรย์ และ สุขสันต์ ที่ถูกคุมขังในคดีที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิดช่วงการชุมนุมที่ดินแดง เมื่อปี 2564
ช่วงหลังปีใหม่ อากาศไม่ดีนัก เนื่องจากมีฝุ่นละออง PM 2.5 โดยทุกคนรับรู้ได้ถึงสภาพอากาศและต้องป้องกันตัวเองโดยการใส่หน้ากากบ่อย ๆ “สุดใจ” ผู้ต้องขังวัย 53 ปี ยังคงสุขภาพแข็งแรง ดูแลตัวเองได้อีก ขณะที่ “มาร์ค” ชนะดล เพิ่งเข้ารับการผ่าซีสต์ที่หู เนื่องจากเขาปวดหูมากและต้องคอยล้างแผลอย่างสม่ำเสมอ
ส่วน “สุขสันต์” ซึ่งถูกขังอยู่ที่เรือนจำคลองเปรม ปวดฟันจนหน้าชาไปครึ่งซีก แต่ก็ไม่ได้พบหมอ จนหายปวดไปเอง ทางด้าน “ไพฑูรย์” กำลังวางแผนที่จะเรียนต่อในเรือนจำ ทั้งนี้ทุกคนได้ฝากสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังและขอบคุณกำลังใจจากคนข้างนอก
มาร์ค ชนะดล: เข้ารับการผ่าซีสที่หู- ขอบคุณที่ไม่ลืมกันช่วงปีใหม่
มาร์ค มาในสภาพที่หูข้างขวามีผ้าก๊อซพันมา “ผมเพิ่งไปผ่าซีสต์ที่หูมา” เขาเล่าต่อว่าปวดมาเป็นอาทิตย์แล้ว
“ผมปวดมาก บอกเจ้าหน้าที่ เขาก็พาไปตรวจ ผมบอกเค้าไปว่าน่าจะเป็นซีสต์ ตอนอยู่ข้างนอกผมเคยเป็น ก็รู้อาการ มันบวมมากด้วย ต้องผ่าออก รอยผ่าประมาณข้อนิ้ว ตอนนี้ผมก็ต้องไปล้างแผลทุกวัน จนกว่าจะหาย คือล้างจนกว่าแผลมันจะปิด เค้าก็ให้ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดมา”
มาร์คเล่าว่าเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. เรือนจำเปิดให้เยี่ยมญาติสนิท พ่อ แม่ น้า รุ่นน้องที่สนิทมาเยี่ยม ทำให้เขารู้สึกดีใจมาก ๆ แม้จะแอบผิดหวัง
“ตอนแรกก็คิดกันว่าจะได้ออกไปฉลองข้างนอก แต่ก็ไม่เป็นไร”
นอกจากนี้เขายังเล่าว่าช่วงปีใหม่ได้อาหารพิเศษ ได้กินไอติมชอคโกแลตที่ส่งมา
“ผมชอบมาก ๆ ไม่ได้กินนานแล้ว อยากขอบคุณข้างนอกมาก ๆ มันเป็นอย่างหนึ่ง ที่ทำให้พวกผมมีกำลังใจ ไม่เคยคิดว่าจะได้เคาท์ดาวน์ในเรือนจำ ก่อนตัดสินก็ยังคิดว่าจะได้กลับบ้านไปฉลองกับที่บ้านแต่ก็ต้องอยู่ในนี้ ก็ตามนั้น อย่างน้อยก็ได้คืนส่งท้าย ก็ได้เห็นพลุที่เพื่อนทำให้ ก็เป็นอะไรที่ดีมากๆ ขอบคุณมาก ๆ”
มาร์คยังเล่าถึงบรรยากาศช่วงปีใหม่ในเรือนจำว่า มีจัดแข่งกีฬาเหมือนกีฬาสี
“จริง ๆ เริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาแล้ว แต่รอบชิงเค้ามาชิงปีใหม่ ผมก็ลงเตะบอลนะ แต่ผมตกรอบตั้งแต่กลางเดือนธันวาแล้ว (หัวเราะ)”
มาร์คทิ้งท้ายว่าเขาเพิ่งได้คุยไลน์กับยายและเกือบร้องไห้ “คิดถึงยายมาก ๆ จะว่าไปผมก็อยู่นี้มา 10 เดือนแล้วนะ ตอนนี้รอคดีถึงที่สุด ถ้าไม่มีอุทธรณ์คดีก็คงจบแล้ว ผมคงโล่งใจจบสักที จะได้ทำเรื่องพักโทษ”
“ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่มาจัดงานปีใหม่ให้ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน”
จนถึงวันที่ 22 ม.ค. 2567 “มาร์ค” ชนะดล ถูกคุมขังมาแล้ว 314 วัน คดีของเขาศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี 1 เดือน อยู่ระหว่างรอให้คดีถึงที่สุด
.
สุดใจ: มีการสุ่มย้ายเรือนจำเนื่องจากความเป็นอยู่แออัด
สุดใจสวัสดีปีใหม่ ยิ้มแย้มทักทายแล้วก็ถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แซวว่าไม่ได้เจอทนายนานเลยนะครับ
เขาเล่าเรื่องภายในเรือนจำว่า ไม่แน่ใจว่าช่วงนี้ในเรือนจำมีการสุ่มย้ายนักโทษไปเรือนจำต่างจังหวัดหรือเปล่า โดยทางเรือนจำจะเรียกรวมแถวตอนเช้า ขานชื่อแบบสุ่มและจะย้ายไปเรือนจำอื่นในวันนั้นเลย ทราบเรื่องนี้มาจากผู้ต้องขังที่ย้ายไปเรือนจำกลางอยุธยาแล้วถูกส่งตัวกลับมา เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับโรคประจำตัว
สุดใจสันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะช่วงนี้เรือนจำแออัดพอสมควร พักห้องละ 40 คน ที่แจ้งเรื่องนี้ไว้เผื่อกรณีตัวเองถูกสุ่มย้ายไปต่างจังหวัดแล้วติดต่อไม่ได้ ก็อยากฝากให้ไปเยี่ยมเขาด้วย
(ทั้งนี้เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางทนายความยังได้ทราบว่าตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 2567 เจ้าหน้าที่มีการย้าย “เอ กฤษณะ” ผู้ต้องขังถึงที่สุดในคดีแจกใบปลิวสหพันธรัฐไท จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปคุมขังที่เรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา โดยในตอนแรกไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับมาตรการระบายความแออัดนี้)
ทนายแจ้งคุณสุดใจว่าช่วงนี้ฝุ่น PM 2.5 กับโควิดเริ่มกลับมาแล้ว และถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่ข้างในเรือนจำ สุดใจบอกว่า สบายดีไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพด้วย เพราะส่วนตัวเป็นคนแข็งแรงอยู่ แต่รู้สึกว่าฝุ่นเยอะขึ้น เลยมักใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอด
สุดใจเล่าต่อว่า วันนี้ครบรอบวันที่เข้ามาอยู่ในเรือนจำ 3 เดือนพอดี (12 ต.ค. 2566) สุดใจกำลังรอคอยให้ถูกคุมขังครบ 4 เดือน เพื่อจะได้เลื่อนขั้นเป็นนักโทษชั้นดี และได้จะลองดำเนินการเรื่องขอพักการลงโทษต่อไป
สุดใจเล่าว่าช่วงนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ดูหนังและละครจากทีวีในเรือนจำ เพราะแต่ละวันไม่ค่อยมีอะไรทำ แม้อยากดูข่าวการเมืองบ้าง แต่ทีวีในเรือนจำไม่เปิดข่าวการเมือง
เมื่อบอกเล่าถึงสถานการณ์ที่หลายองค์กรกำลังรณรงค์การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย “นิรโทษกรรมประชาชน” เพื่อยุติการดำเนินคดีทางการเมือง ในช่วง 1-14 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ สุดใจพูดแซวว่า ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ ผมอาจจะได้พักการลงโทษก่อนก็ได้ แต่ก็ยังมีหวังอยู่
ก่อนจากกัน สุดใจฝากบอกทุกคนว่า ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป ทำให้เต็มที่ ส่วนทางนี้ไม่ต้องห่วง ปรับตัวได้ ออกไปเมื่อไหร่จะไปร่วมทำกิจกรรมด้วย
จนถึงวันที่ 22 ม.ค. 2567 “สุดใจ” ถูกคุมขังมาแล้ว 103 วัน โดยคดีของเขาถูกพิพากษาโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน
.
ไพฑูรย์: “ดูเหมือนที่นี่จะอนุญาตให้ใส่เสื้อหนาวได้เฉพาะช่วงเวลาที่เขาแจ้งเท่านั้น“
ไพฑูรย์นั่งลงพร้อมยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิเช่นทุกครั้งและทักทายด้วยสีหน้าสดใส เขาเล่าว่าวันนี้เพิ่งสอบฝึกแถวเสร็จแล้วก็ออกมา
“เหนื่อยมากเลย แล้วก็เกือบไม่ได้สอบแล้ว เพราะผู้คุมทักว่าผมยาว เขาแซวว่าจะให้ไปฝึกต่ออีกเดือนก่อนแล้วค่อยสอบ แต่ผู้คุมอีกคนก็ให้สอบ”
ไพฑูรย์บอกว่าหลังจากนี้คงมีเวลาว่างมากขึ้น เพราะว่าไม่มีฝึกแถวแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จะเอาเวลาไปทำอะไร เพราะก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี เขาเล่าว่าเนื่องจากย้ายมาอยู่แดน 4 เลยต้องเริ่มฝึกแถวใหม่ สอบใหม่อีกรอบหนึ่ง ทั้งที่ตอนอยู่แดน 6 ก็ทำไปแล้ว
นอกจากนี้ ไพฑูรย์บอกว่าสัปดาห์หน้าจะมีจำแนกกองงาน ซึ่งเขาลงชื่ออยู่กองงานพัสดุกลางไป แต่ก็เป็นการลงชื่ออยู่ในสังกัดเฉย ๆ เพราะตั้งแต่ไฟไหม้ในแดนก็ไม่มีงานให้ทำ แล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีการซ่อมแซมอาคารกองงานภายในแดนเลย เลยคิดว่าลงชื่อไปแล้วก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี
พอถามถึงสภาพอากาศ ไพฑูรย์ก็เล่าว่าในแดนตอนนี้ประกาศห้ามใส่เสื้อหนาวแล้ว เพราะไม่หนาวแล้ว
“ถ้าใครใส่จะโดนยึด เหมือนที่นี่จะอนุญาตให้ใส่เสื้อหนาวได้เฉพาะช่วงเวลาที่เขาแจ้งเท่านั้น แต่ถ้าใครหนาวจริง ๆ ก็ขออนุญาตใส่เป็นกรณีพิเศษได้”
ในช่วงปีใหม่ เรือนจำเปิดให้เล่นกีฬาแข่งกัน ซึ่งไพฑูรย์ก็ลงแข่งตะกร้อกับบอลไป แล้วก็มีซ้อมดนตรีกันในเรือนจำด้วย ไพฑูรย์บอกว่าตอนนี้น่าจะใกล้เปิดสอบเพื่อให้เรียนข้างในแล้ว แต่เขายังขาดเอกสารอยู่อย่างหนึ่งคือบัตรประชาชน จึงอยากฝากให้ญาติช่วยหาให้หน่อย
จนถึงวันที่ 22 ม.ค. 2567 “ไพฑูรย์” ถูกคุมขังมาแล้ว 131 วัน คดีของเขาอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา หลังถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 33 ปี 12 เดือน
.
สุขสันต์: ตั้งแต่เข้ามาในนี้ ก็ไม่รู้จักถึงความมืดเลย เปิดไฟทั้งวันทั้งคืน
สุขสันต์บอกว่าเขาปวดฟัน โดยคิดว่าน่าจะเป็นฟันคุดเพราะปวดชาไปครึ่งหน้า ปวดอยู่ 3-4 วัน (ช่วงหลังปีใหม่) แล้วก็หายไปเอง
“คิดว่าน่าจะเพราะฟันมันขึ้นมาแล้ว เลยไม่ปวดแล้ว เขียนใบขอพบแพทย์ไปแล้ว จนหายปวดแล้วก็ยังไม่ได้พบเลย”
เขาบอกว่าสภาพอากาศช่วงนี้ทำให้เจ็บคอนิดหน่อยเพราะฝุ่นเยอะมาก ต้องใส่แมสก์นอนทุกวัน แต่พอตื่นมาแมสก์ก็หลุดหายไป ส่วนผื่นที่หลังก็ยังเป็นมาตลอด เป็น ๆ หาย ๆ เหมือนชินกับมันไปแล้ว
“ตอนปีใหม่มีดนตรีสัญจร เป็นนักโทษที่ฝึกเล่นดนตรี มาเล่นดนตรีสดให้ฟัง 2 ชั่วโมง” สุขสันต์เล่าว่าเคยเล่นกีต้าร์มาก่อน แต่หยุดเล่นมานานแล้ว
“ที่จริงข้างในก็มีให้เล่น แต่ไม่ค่อยอยากเล่น เพราะถ้าทำสายขาดต้องจ่ายตังค์ซื้อสายใหม่ แพงมาก”
สุขสันต์บอกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ แต่ออกกำลังกายมากกว่า ทั้งยกน้ำหนัก เล่นตะกร้อ จนเริ่มมีกล้ามเนื้อแล้วเพราะออกกำลังทุกวัน เป็นกิจวัตรไปแล้ว จนมีรุ่นพี่คนหนึ่งมาออกกำลังกายตาม เขาบอกว่าตอนเราเข้ามาใหม่ ๆ ตัวผอมแห้งมาก เดี๋ยวนี้ตัวหนาขึ้นแล้ว เลยจะมาเล่นตาม
สุขสันต์กลับคุยเรื่องเรื่องผีอีกครั้ง เขาพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่เข้ามาในนี้ ก็ไม่รู้จักถึงความมืดเลยครับ เปิดไฟทั้งวันทั้งคืนเลย เวลานอนก็ไฟแยงตา แต่ก็นอนจนชินไปแล้ว”
สุขสันต์พูดทิ้งท้ายถึงบรรยากาศช่วงปีใหม่ ทุกปีส่วนใหญ่เขาจะทำงานตลอดเลย ไม่ค่อยได้ไปไหนไกล ๆ เช้าก็ทำงาน ค่อยหาที่เที่ยวใกล้ ๆ หลังเลิกงาน แต่ก็ไม่ได้หยุดงานจริงจังเพื่อไปเที่ยว โดยเคยคิดว่าช่วงปีใหม่อยากพาแฟนไปเที่ยวนครสวรรค์บ้าง ชัยภูมิบ้าง แต่ก็ไม่ได้ไป
“สิ่งที่อยากขอช่วงปีใหม่ ก็คงมีแค่ขอให้ยกฟ้อง ขอให้ได้กลับบ้าน ตอนช่วงปลายปีที่มีลมหนาวมาอยู่ไม่กี่วัน คือโคตรคิดถึงบ้านเลย”
“แล้วก็ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจให้ ฝากสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังทุกคนด้วย”
จนถึงวันที่ 22 ม.ค. 2567 “สุขสันต์” ถูกคุมขังมาแล้ว 131 วัน คดีของเขาอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษาเช่นเดียวกับไพฑูรย์ โดยเขาถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน