ระหว่างวันที่ 9-12 ต.ค. 2566 ทนายความได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในคดีการเมืองจำนวน 8 คน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเรือนจำกลางคลองเปรม ผู้ต้องขังหลายคนที่มีอาการป่วยเพราะอากาศเปลี่ยนและความแออัดของเรือนจำในอาทิตย์ก่อน เริ่มหายจากการป่วย บ้างบอกว่าการที่ฝนตกก็ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้นเพราะอากาศไม่ร้อนเกินไป
อย่างไรก็ตามหลายคนยังมุ่งหวังที่จะได้รับการประกันตัวตามสิทธิขั้นพื้นฐาน บ้างเฝ้ารอข่าวคราวความคืบหน้าเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม การไม่ได้รับการประกันตัวทำให้พวกเขาเจ็บป่วยทางใจ โดยเฉพาะอาการนอนไม่หลับซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับหลายคนจนต้องกินยานอนหลับ ทั้งยังมีบางคนต้องกินยาจิตเวช
ทางด้านร่างกาย มีบางส่วนที่ยังคงแพ้น้ำในเรือนจำทำให้มีผื่นและตุ่มขึ้นตามตัวอย่างต่อเนื่อง
ธี ถิรนัย: โดนเรียกคุยเพราะให้กระดาษเพื่อนนักโทษไปเขียนร้องเรียน
เมื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้นพูดคุยกับทนายได้ ธีก็บ่นทันที “ผมเพิ่งโดนเรียกเข้าไปคุย
“คือผมทำงานอยู่ธุรการแดนใช่ไหม มีผู้ต้องขังคนนึงมาขอกระดาษ reuse ไปวาดรูปเล่น ผมก็ให้ไปเพราะเห็นว่ากระดาษแผ่นนั้นมันไม่ได้มีข้อมูลสำคัญอะไร แต่เขาเอาไปเขียนร้องเรียนคนในแดน ร้องเรียนคนนู้นคนนี้ ผมก็เลยโดนเรียกคุย
“เขาก็ถามว่าธีให้ไปทำไม ให้ไม่ได้นะ มันเอาไปเขียนร้องเรียน ผมก็บอกว่าผมไม่รู้”
ธีกล่าวพลางถอนหายใจ แววตาดูเหนื่อยล้าและเบื่อหน่าย
“ที่ผ่านมาผมไม่ได้สร้างความวุ่นวายอะไรเลย แต่ผมก็คิดว่าถ้าวันนึงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับผม ผมก็มีสิทธิร้องเรียนเหมือนกัน อยู่ข้างในมันไม่มีความเท่าเทียมอะไรเลยพี่”
หน้าตาธีดูไม่ค่อยสดชื่น เขาบอกว่า “น้ำสกปรกมาก สิวขึ้น มันทั้งเครียด ทั้งเบื่อ น้ำหนักลดลงมา 2 กิโลแล้ว จาก 69 เหลือ 67 ผมยังไม่ค่อยอยากคุยกับจิตแพทย์ กลัวว่าจะได้รับยาจิตเวชที่ยิ่งกินยิ่งแย่ แต่ได้พูดคุย ระบายออกไปบ้าง ผมก็รู้สึกดีขึ้นมานิดนึงครับ”
จากนั้น ธีก็ถามความคืบหน้าเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองว่าเป็นยังไงบ้าง ธีมีความหวังกับ พ.ร.บ. นี้ มากกว่าการยื่นขอประกันตัวเสียอีก
“ผมมีความหวังเรื่องสิทธิประกันตัวน้อยมาก ตอนนี้หวังเรื่องนิรโทษกรรมฯ มากที่สุด อย่างน้อยเขาก็ยังยื่นเรื่องให้ผู้ต้องขังทางการเมืองทั้งหมด”
ธีถามต่อว่ามันต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ เมื่อทนายตอบว่า ตอนนี้ยังเป็นแค่ขั้นเริ่มต้น น่าจะใช้เวลาผลักดันอีกนาน ธีก็ดูเศร้าลง
จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2566 ‘ธี’ ถิรนัย ถูกคุมขังมาแล้ว 243 วัน
.
‘แก๊ป’ ธีรภัทร: ยังคงถูกไถเงินในเรือนจำ-มีตุ่มขึ้นตามตัวเพราะน้ำไม่สะอาด
เเก๊ปบอกว่าเขาไม่ค่อยสบายอีกครั้ง มีอาการเป็นไข้ ปวดหัว มีน้ำมูก เสลดเยอะ โดยไม่รู้ติดมาจากใคร
“ในห้องนอนมี 20 คน ป่วยไปเเล้วตอนนี้ประมาณ 7 คน” เเก๊ปบอกว่าได้ลงชื่อหาหมอเเล้ว เเต่การลงชื่อไม่ได้เจอหมอ ได้เเค่ยามากิน ต้องกรณีฉุกเฉินถึงจะได้เจอหมอ
เขายังคงเล่าเรื่องที่โดนบังคับให้กดของให้ โดยบอกว่ายังโดนอยู่ตลอด รวมแล้วประมาณ 1,000 กว่าบาท
“ตอนนี้เรื่องไถเงินมันเดิม ๆ มาก ถ้าเลี่ยงก็คือมีปัญหาเลย เเต่ผมไม่อยากมีปัญหา เพราะคนที่เขามาขอให้กดของให้ เขาอยู่มานานเเล้ว ถ้าเราฟ้องเจ้าหน้าที่ เราก็อยู่ยากอีก ทำอะไรที่ต่อต้านก็อยู่ยาก ไม่ปลอดภัย”
แก๊ปบอกว่าบางครั้งเขาได้รับของเยี่ยมไม่ครบ ทั้งที่มีการสั่งอาหารเข้ามา แต่เขาได้รับเพียงน้ำเปล่า
เเก๊ปเล่าต่อว่าช่วงนี้เเพ้น้ำ ที่ผิวมีตุ่มขึ้นคล้ายผื่น เริ่มมีอาการเมื่อวันศุกร์ พอลูบ ๆ เกา ๆ มันก็ลามไป
“ตอนนี้ขอยากับผู้ต้องขังในเเดนด้วยกันทา เขามียาเพราะไปพบหมอมา”
เเก๊ปบอกว่า ตอนนี้สภาพจิตใจไม่ค่อยโอเค “พอตอนนี้ไม่สบายด้วย ไม่มีเเรง มันก็ไม่เเจ่มใสหนักไปอีก เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมาก็วันเกิดเเม่ ก็ไม่ค่อยเเฮปปี้เท่าไร คิดถึงบ้านมากกว่าเดิมอีก
“ที่บ้านมาเยี่ยมเมื่อวันพุธ อาทิตย์ที่เเล้ว เเต่ตอนนี้ไม่อยากให้ที่บ้านมาเยี่ยมเลย เพราะไม่อยากให้เขามาเห็นสภาพเราที่ไม่สบาย เเล้วก็พอญาติมาเยี่ยม ก็ทำให้รู้สึกอยากออกไปข้างนอก ฟุ้งซ่าน เครียด เเต่เขาไม่มา เราก็คิดถึง”
เเก๊ปบอกว่าเขาเข้าระบบบ้าน ได้มาประมาณ 2 อาทิตย์เเล้ว เเต่ใจจริง ๆ ไม่ได้อยากอยู่
“เข้ามาเพราะมากินข้าว ถ้าไม่เข้าก็ต้องกินอาหารกลางของเรือนจำซึ่งมันเเย่มาก พอกินข้าวเสร็จ ก็ไม่ได้ไปเล่นอะไรกับคนในบ้านมาก ก็ออกมาเดินเล่นทำอะไรของเราไป”
ทางด้านสุขภาพจิต เเก๊ปมีอาการนอนไม่หลับและได้กินยาที่ช่วยให้นอนหลับมาตั้งเเต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
“การนอนเเย่ลง นอนตี 1 ตี 3 ตลอด นอนไม่หลับเลยตั้งเเต่ย้ายเเดนมา เพราะชั้นที่นอนอยู่อยู่ที่ชั้น 3 เเล้วมันมองเห็นถนนหน้าเรือนจำ เห็นรถวิ่ง เห็นคนใช้ชีวิต มันก็ยังคิดถึง คิดถึงมาก เราเคยมีชีวิตแบบนั้น เเต่ตอนนี้ไม่ใช่เลย เราไม่ได้ทำไรผิด เเล้วทำไมเราต้องมาอยู่แบบนี้”
จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2566 ‘แก๊ป’ ธีรภัทร ถูกคุมขังมาแล้ว 59 วัน
.
เก่ง พลพล: (โทษ) ผมเหลือ 7 เดือน ทุกคนบอกให้ผมอดทน แต่ถ้าได้ประกันก็ดี
ทนายนั่งรอเยี่ยม ‘เก่ง’ พลพล และ ‘แบงค์’ ณัฐพล พวกเขาถือไอติมมาด้วย ทั้งสองสวมเสื้อแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีดำ ท่าทางเดินสบาย ๆ ทนายถามว่าเอาไอติมมาจากไหน เก่งบอกว่าเอามาจากกองงานแดนใกล้ ๆ
เมื่อแจ้งเรื่องประกันตัว เก่งมีแววตาตื่นเต้น เพราะเก่งมองว่าโทษที่ศาลลงโทษ แตกต่างกับ 3 คนในคดี
วันนี้เก่งดูสดใส ยิ้มกว้างทักทาย บอกว่าเมื่อเช้าแฟนก็เยี่ยมผ่านไลน์ เดี๋ยวบ่ายนี้แม่ก็จะเข้าเยี่ยมด้วย
เก่งบอกว่าช่วงนี้ร่างกายเขาแข็งแรงดีและพยายามไม่คิดอะไร นอกจากนี้ยังได้กำลังใจจากแฟนและลูก “ถ้านับวันที่ติด ผมเหลือ 7 เดือน ทุกคนบอกให้ผมอดทน ให้ผมสู้
“แต่ถ้าได้ประกันก็ดี เพราะตอนนี้กวนพี่เก็ทไปเรื่อย” เก่งพูดแล้วหัวเราะ
“อยู่ที่นี่มีกำลังใจแล้วก็มีเพื่อน คือนอนห้องคนละห้องก็จริง แต่พอตอนเช้าลงมาข้างล่างก็มาเจอกัน ทำให้คลายเหงา มีกำลังใจมากขึ้น”
เขาบอกว่าน้ำหนักล่าสุดที่ชั่งคือ 71 กิโลกรัม แต่ตอนนี้ไม่ได้ชั่งแล้ว โดยชีวิตประจำวันช่วงเสาร์-อาทิตย์ จะออกกำลังกาย ส่วนวันจันทร์-ศุกร์ ก็มีไปช่วยเจ้าหน้าที่ทำงานจำแนกผู้ต้องขัง
เก่งได้ฝากกำลังใจถึงตี้ วรรณวลี ซึ่งถูกศาลเชียงใหม่พิพากษาลงโทษในคดี 112 เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน แต่ยังได้ประกันตัว เขาบอกว่ารู้จักกับตี้ ตอนทำการ์ด DEMO ด้วยกัน
ช่วงนี้เก่งยังคงทานยาคลายเครียดและยานอนหลับอยู่ เพราะทำให้หลับสนิทขึ้น ถ้าไม่กินจะทำให้หลับยากขึ้น มีตื่นกลางดึก เพราะตอนอยู่ข้างนอกจะนอนเช้าทุกวัน พอมาอยู่ในนี้ต้องปรับตัว
จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2566 ‘เก่ง’ พลพล ถูกคุมขังมาแล้ว 47 วัน
.
แบงค์ ณัฐพล: กลัวลูกคลอดมาไม่เจอพ่อ
แบงค์บอกว่าสภาพจิตใจภาพรวมของเขาโอเค แต่มีเริ่มสับสน อยู่ ๆ ก็จะมีอาการหงุดหงิด
“มันเครียด เครียดเรื่องลูก ถ้าติดคือติด 2 ปีเลย กลัวลูกคลอดมาไม่เจอพ่อ เกลียดพ่อ ทำไมพ่อไม่อยู่ดูแลแม่ ทำไมพ่อทิ้งแม่ไป ปี 2 ปี ทำไมพ่อต้องเข้าคุกด้วย”
แบงค์พูด แล้วหยุดไปพักใหญ่แล้วพูดต่อ “ลูกจะเข้าใจสิ่งที่เราทำมั้ย ตอนเด็ก ๆ ผมไม่มีแม่ แม่แยกกับพ่อผมไปตั้งแต่ผม 2-3 ขวบ แล้วผมถูกล้อ ผมกลัวลูกผมจะถูกล้อแบบผม”
เขาเข้าใจแฟนที่มาเยี่ยมไม่บ่อย แต่อยากให้ส่งจดหมายมาบ่อย ๆ ฝากถึงแฟนว่า “ดูแลตัวเองดี ๆ หายหวัดไว ๆ นะ คนติดไม่ท้อ รักและคิดถึง”
เขาบอกว่าอาการนอนหลับ หลับได้แต่ชอบตื่นกลางดึก ตื่นมาช่วง ตี 2 แล้วมาหลับอีกที ตี 4 ช่วงนี้ไม่ทำกิจกรรมอะไรในเรือนจำแล้ว ไม่ได้ซ้อมมวยแล้ว แบงค์บอกว่ามันเบื่อ ไม่อยากทำอะไร ทุกวันนี้รอจดหมายแฟน กับรอแฟนมาเยี่ยมอย่างเดียว
แบงค์ถามถึงสถานการณ์ข้างนอก เมื่อเล่าข่าวที่ศาลเชียงใหม่ลงโทษ ม.112 ตี้ วรรณวลี 2 ปี 8 เดือน แต่ตอนนี้ได้ประกันแล้ว แบงค์สงสัยว่า “ของผม โทษ 2 ปี 3 เดือน ทำไมไม่ได้ประกัน”
เรื่องอาหารแบงค์บอกว่า สามารถกินได้ปกติ แต่บางวันก็ไม่อยากกินข้าว “เบื่อ ไม่อยากกิน อยากกินไข่เจียวฝีมือแฟน แฟนผมทำไข่เจียวอร่อยมาก”
แบงค์ยังได้ขอฝากข้อความถึงคนข้างนอก “18 ธันวาคมนี้ ผมได้ออกศาลอีกรอบ แต่ผมจะต้องออกไปในฐานะประชาชน ไม่ใช่นักโทษในเครื่องแบบสีน้ำตาล และมีพันธนาการที่หว่างขา ที่เขาเรียกว่ากุญแจตรวน
“พวกผม 4 คนยังยืนยันว่า พวกผมเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้กระทำตามที่คุณกล่าวหาว่าพวกผมกระทำผิด ขอความเป็นธรรมให้พวกผม 4 คน ได้ประกันตัวไปต่อสู้คดีตามสิทธิของตน และในฐานะประชาชนคนหนึ่ง จากแบงค์ทะลุแก๊ซ”
จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2566 ‘แบงค์’ ณัฐพล ถูกคุมขังมาแล้ว 47 วัน
.
‘อาร์ม’ วัชรพล: ข้างในนี้มันก็อยู่ได้ แต่ไม่มีใครอยากอยู่หรอก
อาร์มนั่งรอในห้องรอเยี่ยม สวมชุดผู้ต้องขังสีฟ้า ใส่หน้ากากอนามัยสีดำ ยิ้มออกมาทักทาย
อาร์มเล่าว่า ช่วงนี้มีอาการไอโดยเฉพาะในตอนกลางคืน มีเจ็บคอ เสมหะสีเขียว มีน้ำมูก เป็นแบบนี้มาประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ไม่ได้มีอาการปวดหัว ตัวร้อน หรือเป็นไข้
ทั้งนี้เขาบอกว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนมีเจ้าหน้าที่มาตรวจโรค แต่ไม่ได้ไปตรวจด้วย เพราะตอนนั้นยังไม่มีอาการ และตอนนี้ก็คิดว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก
ข้างในมีข่าวคุยกันว่าจะมีการอภัยโทษในวันที่ 13 ตุลา เห็นแต่คนพูด ๆ กัน ยังไม่เห็นว่ามีประกาศจากทางเรือนจำ แต่ยังไงพวกผมก็ไม่ได้อภัยอยู่แล้ว เพราะไม่มีใบนักโทษเด็ดขาด
อาร์มบอกว่าพ่อยังไม่ได้มาเยี่ยมเลย โดยทนายทราบภายหลังว่าพ่อของอาร์มจองคิวเยี่ยมไม่ทันมา 2 ครั้งติดต่อกันแล้ว และฝากบอกกับอาร์มว่าพ่อตั้งใจมาเยี่ยมแต่เข้าเยี่ยมไม่ได้ โดยพี่สาวและแม่ของอาร์ม ก็พยายามจองเยี่ยมทางออนไลน์มาเช่นกัน
อาร์มบอกว่าเมื่อก่อนเขาอยู่กับพี่สาวที่จ.มหาสารคาม พอเข้า ป.6 ก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ กับแม่ เข้าเรียน ม.ต้น จนจบ ปวช. ส่วนพี่สาวอยู่เรียนต่อมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
อาร์มพูดถึงการยื่นประกันตัวในคดีของเขาว่า “พวกผมมันได้ประกันยาก มันเป็นเผา มันติดตรงตำรวจด้วย เขาทำสำนวนมาทั้งที่เขาไม่ได้ลงพื้นที่ ดูแค่จากกล้อง แถมคนในกล้องก็ยังใส่หมวกกันน๊อค คนอยู่กันเยอะมาก แถมคน ๆ นั้นที่ตำรวจชี้ว่าเป็นผม เขาก็ยังแค่เอากรวยไปตีที่หน้ารถแล้วก็เดินออกมา ไม่ใช่คนเผาด้วยซ้ำ แล้วตำรวจก็ไปเอารูปผมมาเทียบ ทั้ง ๆ ที่มันแค่ใส่ชุดลายคล้ายกันเฉย ๆ ยังไม่มีอะไรชัดเจนเลย”
.
เขายังบอกอีกว่า “ข้างในนี้มันก็อยู่ได้ แต่ไม่มีใครอยากอยู่หรอก อย่างแบงค์ เมียมันก็ตั้งท้องอยู่ ได้ 3 – 4 เดือนแล้ว มันก็อยากไปดูแล”
นอกจากนี้ยังบอกว่า เขายังคงนอนก็นอนไม่ค่อยหลับเหมือนเดิม
“พอเขาปิดทีวีตอน 3 ทุ่ม ได้หลับอีกทีก็เที่ยงคืน นอนคิดไปเรื่อย ๆ คิดถึงข้างนอก คิดถึงบ้าน ห่วงพ่อแม่ พ่อไม่ได้อยู่กับแม่ตลอด ผมกลัวแม่ล้มอีกรอบ กับตอนเยี่ยมรอบก่อน แม่ก็เป็นต้อ อยากให้ผ่าตัด
“อีกไม่นาน รอตั้งตัวได้ แม่ผมก็จะกลับไปอยู่สารคามแล้ว รอใช้หนี้บริษัทหมดก่อน หนี้ที่แกยืมมาเป็นค่าเทอมผมกับพี่สาว พ่อแม่ก็เงินเดือนไม่เยอะ มีทั้งหนี้บริษัท ทั้งผ่อนรถ”
จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2566 ‘อาร์ม’ วัชรพล ถูกคุมขังมาแล้ว 47 วัน
.
‘ต้อม‘ จตุพล: ถ้าอยู่ข้างนอกก็คงไปม็อบ
ต้อมนั่งรอเยี่ยมต่อจากอาร์ม ใส่เสื้อผู้ต้องขังสีฟ้า ใส่หน้ากากอนามัยแต่ดึงลงมาไว้ที่คาง ต้อมบอกว่าอึดอัด แต่ก็ใส่ไว้ให้สบายใจ
ต้อมเล่าว่า ช่วงนี้ไข้หวัดระบาด ติดกันเกือบทั้งแดน
“ไข้ผมก็พึ่งหายไป ตอนเป็นอาการไม่ได้หนักมากเพราะได้กินยา เป็นยาแก้ไข้ที่รุ่นพี่ในนี้เขาให้มา ตอนนี้ก็หายดีแล้ว แต่ก่อนจะหายก็นอนซม หนักเลย ขึ้นห้องนอนก็น๊อคเลย หลับตั้งแต่บ่ายสามถึงหกโมงเย็น แล้วก็นอนอีกทีสามทุ่ม มาตื่นก็ตีสี่ตีห้า”
ต้อมถามถึงสถานการณ์ข้างนอก เลยเล่าสถานการณ์การเมืองโดยรวมให้ฟัง และเล่าว่าช่วงนี้มีม็อบ P-move และสมัชชาคนจนกำลังชุมนุมอยู่
ต้อมบอกว่า “ถ้าผมออกไป ก็คงไปอยู่ที่ม๊อบนั้นแหละ เลิกงานผมก็จะไปนั่งเล่นแถวม๊อบ ไปช่วยเฝ้า ช่วยเป็นการ์ด ว่าง ๆ ก็ค่อยออกมาวิ่งรับงานไรเดอร์ไปด้วย”
ต้อมเล่าว่าช่วงนี้เขาไม่ได้อยู่ช่วยงานที่หน้าแดนแล้ว ไปอยู่โซนร้านตัดผมแทน
“ไปนั่งเล่น ช่วยกวาดร้าน พี่ ๆ เขาก็แบ่งของกินมาให้ คนตัดผมก็เป็นผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ก็จะเป็นเสมียนคอยดูแล แล้วก็ทำหน้าที่ตัดผมให้เจ้าหน้าที่ด้วยกัน”
จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2566 ต้อม จตุพล ถูกคุมขังมาแล้ว 47 วัน
.
ไพฑูรย์: เรือนนอนแออัดน้อยลง-เริ่มหลับได้นานขึ้น
ไพฑูรย์เล่าว่าอาการป่วยเริ่มดีขึ้นแล้ว เหลือไอกับเจ็บคอนิดหน่อย “สรุปว่าตลอดเวลาป่วยไม่ได้เจอหมอและเพิ่งได้ยามากินเมื่อเช้า หลังจากที่ลงชื่อขอเจอหมอไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว”
สำหรับความเป็นอยู่ในเรือนจำ ไพฑูรย์บอกว่าตอนนี้ที่เรือนนอนเพิ่งจำแนกแดนออกไปอีกกลุ่มหนึ่ง ทำให้ห้องที่เขาอยู่มีคนเหลือประมาณ 17-18 คน “เลยพอจะมีที่หายใจขึ้นบ้าง”
เขาบอกว่าสภาพอากาศช่วงนี้ฝนตกบ่อย อากาศไม่ร้อนมาก ช่วยให้นอนง่ายขึ้นบ้าง และเริ่มนอนได้ยาวขึ้น ตื่นกลางคืนน้อยลง ไพฑูรย์บอกว่า ”อาจจะเป็นเพราะผมเริ่มชินแล้วมั้งครับ“
จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2566 ‘ไพฑูรย์’ ถูกคุมขังมาแล้ว 32 วัน
.
‘ดั๊ก’ สุขสันต์: เริ่มหายป่วยแต่ยังเป็นผื่นต่อเนื่อง
วันนี้หน้าตาสุขสันต์ดูสดใสขึ้นกว่าครั้งก่อน สุขสันต์บอกว่าป่วยใกล้หายแล้ว เหลือไอ เจ็บคอบ้าง และไม่ได้หาหมอเช่นเดียวกับไพฑูรย์ “กินแต่พาราฯ สงสัยร่างกายปรับตัวได้เอง”
แม้อาการป่วยจะหายแล้ว แต่ผื่นยังเป็นอยู่ “เป็นทั้งหลังเลย ไม่ลดไม่หายไปไหน แต่ก็ใช้ยาที่พี่สาวซื้อให้ทาตามตุ่มที่ขึ้นตามนิ้วก็ดีขึ้นบ้างครับ”
สุขสันต์เล่าว่าเมื่อวานได้เยี่ยมญาติออนไลน์ แต่เจอแค่แฟน เพราะแฟนน่าจะจองคิวได้ก่อนพี่สาว ส่วนพี่สาวน่าจะต้องรอคิวเดือนหน้า
สุขสันต์เล่าถึงระบบเยี่ยมญาติทางไลน์ว่า เรือนจำจะมีรายชื่อคนที่มีญาติเข้าเยี่ยมมาแปะไว้ แล้วเมื่อถึงเวลาก็พาไปต่อคิวกันใช้คอมพิวเตอร์ โดยมีคอมพิวเตอร์เรียงติดกันอยู่ 6-7 เครื่อง ให้เวลาแค่คนละ 10 นาที
“แล้วทุกคนก็แย่งกันพูด เสียงตีกัน คุยกันแทบไม่รู้เรื่องเลย พอคุยเสร็จหมด 10 นาที ก็ต้องรออีกทีเดือนหน้าเลยครับ”
เขาบอกว่าหลังจากอาการดีขึ้นแล้วก็ได้เริ่มออกกำลังกายบ้าง แต่ไม่มาก แต่ไม่ได้วิ่ง แล้วก็มีอ่านนิยายบ้าง
“ช่วงนี้ยืมนิยายแปลมาอ่าน ยังอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเลย”
จนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2566 ‘ดั๊ก’ สุขสันต์ ถูกคุมขังมาแล้ว 32 วัน
.