บันทึกเยี่ยม 11 ผู้ต้องขังทางการเมืองในรอบสัปดาห์ต้นเดือนตุลา 66

ช่วงวันที่ 27 ก.ย. – 5 ต.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในคดีการเมือง ซึ่งถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี หลายคนยังสงสัยถึงมาตรฐานการประกันตัว ที่บางคดีได้ บางคดีไม่ได้ แต่ก็ยังมีความหวังในการประกันตัวและการใช้ชีวิตแต่ละวันภายในเรือนจำ 

ในช่วงนี้หลายคนเป็นหวัดหรือเป็นไข้ เนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลงและการแพร่เชื้อในเรือนจำเกิดขึ้นได้ง่าย โดยขณะนี้มีสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ระบาดในเรือนจำหลายแห่งอีกด้วย หลายคนยังเล่าถึงสถานการณ์ความแออัดในเรือนจำที่ผู้ต้องขังเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้เมื่อเทียบกับเมื่อช่วงปีก่อน และการรักษาพยาบาลคนป่วย ที่ยังมีข้อจำกัดอย่างมาก

ขณะที่ผู้ต้องขังอีก 2 ราย ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำคลองเปรม ซึ่งมีข่าวว่าเกิดเหตุไฟไหม้ แจ้งว่าพวกเขาสบายดีและไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงคืนที่เกิดไฟไหม้

.

มาย ชัยพร: การติดคุกนาน ๆ เหมือนเอาชีวิตมาทิ้ง

มายทักทายด้วยรอยยิ้ม เขายังดูแข็งแรงและสุขภาพจิตดี เมื่อทนายถามว่าเป็นยังไงบ้าง มายตอบว่า 

“เหมือนเดิม ใช้ชีวิตวนลูป ตื่นมา กินข้าว เข้างานร้านค้า ถึงเวลาก็นอน ไม่มีอะไรเปลี่ยน ที่เปลี่ยนคือผมได้ย้ายลงมานอนห้องผู้ช่วยชั้นล่าง มันก็แออัดน้อยลง สะอาดกว่าห้องชั้นบน สังคมก็ดีกว่า เพราะมีแต่ผู้ช่วยที่ทำงานด้วยกัน

“เมื่อวานได้ดูหนังเรื่องเสือเผ่น 1 มันเป็นหนังตลก เสียดสีเรื่องการเล่นพนัน ผมดูแล้วก็นั่งขำ เพราะคนที่หนังล้อเลียน นั่งอยู่ในห้องนี้หมดเลย (หัวเราะ)”

“ผมบอกที่บ้านไม่ต้องมาเยี่ยมเลย เจอกันวันออกทีเดียว” มายบอกให้ฟัง แม้ยังไม่รู้ว่าวันไหนคือ ‘วันออก’ เนื่องจากคดีของเขาอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ และยังไม่มีกำหนดนัดฟังคำพิพากษามา

ในส่วนของการใช้ชีวิตในเรือนจำ มายบอกว่าเขาทำใจได้มากขึ้นแล้ว 

“แม้จะยังไม่เข้าใจว่าผมทำผิดอะไร ผมแค่ออกมาเรียกร้องเพราะอยากให้บ้านเมืองพัฒนาขึ้น จึงต้องมาติดคุก ถ้ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ระยะเวลา 3 ปี ถามว่านานมั้ย มันก็นาน แต่พอมาคิดถึงคนที่เขาโดนกันหลัก 10 ปีขึ้นไป มันเหมือนเอาชีวิตมาทิ้งเลยนะ

“ช่วงอายุอย่างผมตอนนี้ มันเป็นช่วงที่ควรถูกใช้เพื่อพัฒนาตัวเอง แต่กลับต้องมาอยู่ในที่แคบ ๆ ถูกปิดหูปิดตา หายใจทิ้งไปวัน ๆ ยิ่งอยู่ยิ่งเสียสุขภาพจิต ผมไม่เข้าใจเลยว่ามาตรฐานของศาลคืออะไร ทำไมบางคนก็ได้ประกันตัว บางคนก็ไม่ได้”

มายบอกว่าเขาพยายามที่จะมองหาแง่มุมดี ๆ ในเรือนจำ เพื่อที่จะอยู่ให้ได้

“ในเรือนจำจะมีคนหลากหลายประเภท คนกลุ่มน้อยจะถูกกดขี่เสมอ ยังดีที่ผมทำงานร้านค้า เลยไม่ค่อยมีคนมายุ่งมาก แต่ผมก็ถือซะว่ามันเป็นบทเรียนชีวิต (หัวเราะ) พยายามหาจุดที่มองมันในแง่ดีได้ ถ้าออกไปอยู่ข้างนอก ผมก็คงเอาบทเรียนที่ได้รับจากข้างในไปใช้ชีวิตต่อได้

“คนทำดีก็ต้องได้ดีแหละพี่ ไม่วันนี้ก็วันหน้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า (ยิ้ม)”

เขายังทิ้งท้ายถึงผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน

“ใจเย็น ๆ อย่าไปคิดอะไรให้มันปวดหัวมากมายเลย ยิ่งเครียดมากสุขภาพก็จะไม่ดีตาม โดยเฉพาะน้ำกับเวหาที่อดอาหารอยู่ ผมเป็นกำลังใจให้จริง ๆ นะ แต่ก็ไม่อยากให้เขาเอาชีวิตมาเสี่ยงกับเรื่องการประกันตัวเลย”

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) มายถูกขังมาแล้ว 234 วัน

.

บาส ประวิตร: ถูกถ่ายรูปในเรือนจำเพื่อนำไปรายงาน

หลังจากทักทายกัน บาสก็ถามถึงครอบครัวและภรรยาเป็นอย่างแรกว่าเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนเขาในตอนนี้กำลังจะได้เริ่มทำงานโยธาในส่วนของเรือนนอน 

บาสบอกว่า “หน้าที่ส่วนใหญ่คือการทำความสะอาดเรือนนอน กวาด ถู ทำทุกห้องในแดน แต่ก็ดีกว่าอยู่ว่าง ๆ มีอะไรทำ เวลาจะได้ผ่านไปเร็วขึ้น” 

บาสเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ผู้ต้องขังคดีทางการเมืองถูกจับตาและติดตามมากกว่าผู้ต้องขังคนอื่น

“คนที่โดนคดีการเมืองทุกคนในแดนโดนถ่ายรูป อาทิตย์ที่แล้วก็โดน เขาบอกว่าถ่ายไปรายงานนาย เพราะเป็นนักโทษรายสำคัญ ตอนที่ไปศาลผมก็ได้ปลอกแขนสีแดง เจ้าหน้าที่เรือนจำบอกว่าที่ใส่เพราะเป็นนักโทษรายสำคัญ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะไม่อยากมีปัญหา”

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) บาสถูกขังมาแล้ว 87 วัน

.

แก๊ป ธีรภัทร: ผู้ต้องขังหนึ่งเดียวในแดน 8 ถูกบังคับให้กดเงิน – ถูกกลั่นแกล้ง ยังหวังอยู่ตลอดว่าจะได้ประกัน

แก๊ปทักทายด้วยน้ำเสียงปกติ ทนายได้อัปเดตเรื่องการยื่นประกันเนื่องจากครั้งที่แล้วแก๊ปอยากรู้ว่าจะยื่นได้กี่ครั้งและจะยื่นบ่อยได้แค่ไหน เพราะเห็นว่าผู้ต้องขังคนอื่นยื่นไปแล้วหลายครั้งจึงสงสัย 

แก๊ปบอกว่า “ผมเริ่มทำใจได้แล้วว่า ยื่นประกันไปก็คงไม่ได้ประกัน เพราะก็ยื่นไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็อยากออกไปเพราะจะใกล้วันเกิดผมแล้ว 4 ต.ค. นี้”

แก๊ปเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ที่แดน 8 คนเยอะ วุ่นวาย โดยมีคนประมาณ 700 กว่าคน มีการแบ่งบ้าน แบ่งพรรคพวกกันเยอะ แต่ตัวแก๊ปเองไม่ได้เข้าบ้านหรือเข้ากลุ่มใด 

“คนที่ไม่ได้เข้าบ้านก็มีอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเข้าไปก็โดนคนในบ้านบังคับให้ซื้อของให้ ที่เห็นคือโดนเยอะมาก คนที่ไม่เข้าบ้านก็โดนเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนที่อยู่ในบ้าน แก๊ปเองก็โดนทีละ 200-300 บาท อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง”

เมื่อโดนเช่นนั้น เขาก็ต้องให้ เพราะไม่อยากมีปัญหา “คนพวกนี้เขามาขอดูยอดเงินคงเหลือในบัญชีเราได้ หรือไปดูว่าเราซื้ออะไรไปบ้างก็ยังได้ ถ้าเราขัดขืนไม่กดของให้ ก็พอจะรู้ชะตากรรมของตัวเอง

“ทุกวันนี้นับ 1 – 100 ตลอด เพราะไม่อยากมีปัญหา พยายามให้ตัวเองใจเย็นที่สุด ของส่วนใหญ่ที่ผมถูกบังคับให้กดคือ กาแฟดำ กับของใช้ ยิ่งคนอายุเยอะ ๆ ยิ่งโดนหนัก ในแดนมี ‘บ้านใหญ่’ เยอะมาก และส่วนใหญ่เขาก็ไม่อยากใช้เงินตัวเอง”

นอกจากถูกบังคับให้กดเงิน แก๊ปยังถูกแกล้งจากผู้ต้องขังในแดนเดียวกัน “โดนตบหัว พอเราไม่ตอบโต้เดินหนีมา เขาก็เดินตามมาตบอีก ผมต้องบอกไปว่า ‘พี่ผมเจ็บ’ เขาถึงจะเดินไป ผู้คุมในแดนนี้ก็ทำอะไรไม่ค่อยได้”

แก๊ปเล่าให้ฟังอีกว่า วันก่อนป๊ากับแม่มาเยี่ยมเขาและร้องไห้ “แม่บอกว่าไม่ได้ฝากอะไรเข้าไปให้นะ เขาสองคนตื่นกันแต่เช้า นั่งรถเมล์เพื่อมาเยี่ยมผมที่นี่ แม่เล่าให้ฟังว่าป๊าเป็นต้อกระจก มองไม่ค่อยเห็นแล้ว เดินในบ้านก็ไม่ค่อยสะดวก เห็นว่าไปโรงพยาบาลมาเมื่อวาน 

“ป๊าตาไม่ดีมากถึงขนาดขับมอเตอร์ไซค์เกือบไปชนรถคันอื่นเพราะมองไม่เห็น ปกติผมจะเป็นคนพาไปไหนมาไหนเป็นส่วนใหญ่ แต่พอผมเข้ามาอยู่ในนี้ เขาก็ต้องไปไหนมาไหนกันเอง ตอนนี้ก็อยากให้ป๊ารักษา แต่ก็ไม่รู้จะเอาเงินจากไหนเหมือนกัน”  

แก๊ปทิ้งท้ายว่า “ตอนนี้ก็ยังคงหวังอยู่ตลอดว่าจะได้ประกันตัว ฝากข้อความเป็นห่วงถึงป๊ากับแม่ว่า ดูแลตัวเองดี ๆ เป็นห่วงมาก ๆ”

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) แก๊ปถูกขังมาแล้ว 50 วัน คดีของเขา ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา แต่ถูกคุมขังและไม่ได้ประกันตัวหลังอัยการสั่งฟ้องคดี ศาลอาญานัดหมายตรวจพยานหลักฐานในคดีต่อไปวันที่ 13 พ.ย. 2566

.

ป่าน ปฐวิกานต์: อยากร้องเรียนเรื่องการจ่ายยาในเรือนจำ

ทนายเข้าเยี่ยมป่านผ่านห้องเยี่ยมและถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ป่านอัพเดตว่าเมื่อวันพุธที่ผ่าน (27 ก.ย. 2566) พ่อกับแฟนมาเยี่ยมที่เรือนจำ โดยได้ฝากเงินและอาหารมาให้  ด้านอาการแพ้ตามตัว เขาบอกว่าปัจจุบันหายหมดแล้ว “ต่อจากนี้คงต้องซักผ้าห่มบ่อยขึ้น”

ป่านกล่าวว่าเขาอยากร้องเรียนเรื่องการขอยา เพราะเวลาไปห้องยาแล้วทางเจ้าหน้าที่ชอบให้ยาไม่ครบ       

“เวลาที่ป่านมีอาการคันตามตัว ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้เฉพาะยาทา ไม่ได้ให้ยากินแก้แพ้เลย ตอนนี้ก็เลยอยากหาทางที่จะร้องเรียนเรื่องนี้อยู่”

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) ป่านถูกขังมาแล้ว 50 วัน เขาถูกกล่าวหาในคดีเดียวกับแก๊ปและไม่ได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาเช่นกัน

.

แบงค์ ณัฐพล: อุดมการณ์ยังเหมือนเดิม อยากให้มันจบที่รุ่นเราไม่ใช่จบที่รุ่นลูก

เรื่องความเป็นอยู่ในเรือนจำ ณัฐพลบอกว่า “ช่วงนี้มีอาการไอจามมา 4-5 วัน แล้ว ข้างในคนเยอะแออัดด้วยพอคนนึงเป็นคนอื่น ๆ ก็เป็นตามไปด้วย แต่ยังไหวอยู่” 

ทนายถามถึงเรื่องสภาพจิตใจ แบงค์บอกว่า “ผมปรับได้ดีขึ้น ภาวะจิตใจถือว่าปกติ แต่เรื่องการนอนก็มีอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ ส่วนเรื่องร่างกายแข็งแรงดี น้ำหนักตัวลดลงจากเดิม 106 เหลือ 97.4 กิโล

แบงค์บอกว่า เวลาแฟนมาเยี่ยมจะรู้สึกสดชื่น แต่ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ได้รับข้อความจากแฟนทำให้หงุดหงิดขึ้นมานิดนึง ตอนนี้กังวล ห่วงแฟน เรื่องที่แฟนจะต้องเดินทางกลับไปเอาเอกสารเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่จังหวัดอุตรดิตถ์

“เรื่องอุดมการณ์ยังเหมือนเดิม อยากให้มันจบที่รุ่นเรา ไม่ใช่จบที่รุ่นลูก อยากให้มันจบตรงนี้ไม่อยากให้เด็กรุ่นหลังต้องมาติดคุกเหมือนกับที่เราโดน แต่ตอนนี้ที่ห่วงสุดก็คือแฟนกับลูก”

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) แบงค์ถูกขังมาแล้ว 37 วัน 

.

เก่ง พลพล: อยากให้สิทธิในการประกันตัวเป็นจริง

เก่งนั่งรอโทรศัพท์ สวมเสื้อแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีออกกรมท่า ผมสั้นเกรียน สีหน้าเก่งดูสดชื่น แต่มีอาการคัดจมูก 

เก่งอัพเดตอาการตัวเองว่า “เมื่อวานนี้รู้สึกเครียดจนไม่สบาย อยู่ดี ๆ ก็เครียด ตกตอนเย็น ซึม ปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิด คงเพราะนั่งคิดไปเรื่อยเปื่อย คิดวนเวียนกลับไปกลับมา ได้กินพาราไป 1 เม็ด แล้วนอน ก็รู้สึกดีขึ้น” 

เขาบอกว่าอาการหวัดยังคงมีเหมือนเดิม เพราะฝนตก อากาศร้อน “คนในเรือนจำพอไม่สบายคนนึง คนอื่น ๆ ก็พลอยไม่สบายไปด้วย เพราะตอนนี้ในเรือนจำคนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะวันศุกร์จะมีคนจำแนกแดนมาทุกสัปดาห์เลย

ยิ่งกว่าอาการหวัดคือ เขาน่าจะกลับมาดื้อยาคลายเครียดอีกแล้ว เพราะกินเข้าไปก็ไม่ช่วยให้หลับได้

“คิดว่าจะคุยกับหมอเรื่องการเปลี่ยนยา แต่การเข้าพบหมอก็มีอุปสรรค หลายอาทิตย์กว่าจะได้เจอหมอ ผมเข้าใจว่าในเรือนจำมีหมอจิตเวชคนเดียว เพราะผมเจอหมอคนเดิมมาตลอด ซึ่งหมอคนเดียวนี้ต้องดูแลผู้ต้องขังในหลายแดน ต้องตรวจเรียงมาทีละแดน กว่าจะถึงแดนผมก็หลายอาทิตย์

ด้านอารมณ์ความรู้สึกและการควบคุมตัวเอง เก่งให้คะแนน 7 เต็ม 10 เขารู้สึกควบคุมตัวเองได้ แต่ยังมีภาวะคิดไปเรื่อย โดยเฉพาะคิดเรื่องครอบครัว 

“ยังดีที่แฟนเข้ามาเยี่ยมทำให้รู้สึกคลายเหงาไปได้บ้าง แต่ก็ยังห่วงกังวลเรื่องครอบครัว นี่ก็ให้แฟนไปดูครอบครัวบ่อย ๆ

“ถ้าได้ประกันก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ผมก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า เหลืออีกแค่ 7 เดือน … ที่ข้างนอกยังไม่มีการเคลื่อนไหว ผมก็บอกไม่ถูก แต่ก็เข้าใจ ผมไม่ได้กลัวว่าคนจะลืมซะทีเดียว เพราะว่าเราเลือกที่จะออกมาแล้ว แต่แค่อยากให้สถานการณ์มันดีขึ้น ให้สิทธิในการประกันตัวเป็นจริง”

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) เก่งถูกคุมขังมาแล้ว 37 วัน 

ต้อม จตุพล: ปวดขายังไม่ทราบสาเหตุ

ต้อมนั่งรอในห้องเยี่ยมในชุดผู้ต้องขังสีฟ้าอย่างเคย เขาใส่หน้ากากอนามัยเพราะช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่ระบาด โดยต้อมนั่งรอเพื่อให้อาร์มได้คุยกับทนายความก่อน แล้วตนค่อยมาคุยทีหลัง เหมือนทุกครั้ง ต้อมบอกว่าช่วงนี้สุขภาพโอเค แต่เขาปวดขามากโดยไม่ทราบสาเหตุ 

“ช่วงนี้ก็แค่เดินเฉย ๆ ไม่ได้วิ่งไม่ได้ออกกำลังกาย ปวดแบบลุกก็โอย นั่งก็โอย อย่างตอนยืนเข้าแถวก็เจ็บ เจ็บจนจะล้มเลย เจ็บแบบนี้มา 2-3 วันแล้ว ก็กินยาลดไข้ไป กับกินยาแก้อักเสบ ไม่ได้ไปหาหมอ เพราะมันต้องรอ แล้วรอนานมาก รอคิวกัน 1-2 สัปดาห์ ถึงจะได้ออกไปหาหมอ หาหมอก็ไม่ได้อะไร บางทีไม่ได้ยาด้วยซ้ำ ทนเอา เดี๋ยวก็หายเอง”

ต้อมบอกว่าช่วงนี้ฝนตกบ่อย แต่ที่ตากผ้าเป็นที่โล่งที่ต้องตากร่วมกันกับทุกคน พอฝนตกก็จะต้องรีบวิ่งไปเก็บและต้องระวังของหาย โดยหากวันไหนฝนตกก็จะตากผ้าไม่ได้เนื่องจากที่ตากผ้าในร่มมีน้อยมากและมีความเสี่ยงที่ของจะหายมากกว่าที่โล่ง

“ต้องตื่นมาซัก มาตากตั้งแต่เช้าเลย เพราะพอบ่าย 3 ต้องขึ้นเรือนนอนก็ต้องเก็บผ้าขึ้นไปด้วย ถ้าไม่แห้งก็จะอับ ต้องซักใหม่วันถัดไป”

ต้อมยังคงคาดหวังเรื่องการประกันตัวและยังอยากให้ทนายยื่นประกันอีกครั้งหนึ่ง

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) ต้อมถูกขังมาแล้ว 37 วัน

.

อาร์ม วัชรพล: ครุ่นคิดเรื่องการอภัยโทษ

วันนี้อาร์มนั่งรอในชุดผู้ต้องขังเสื้อสีฟ้าตามปกติ มีเพิ่มเติมที่ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ด้วย แต่มองเห็นได้ว่ากำลังยิ้มอยู่ เขาเล่าว่า ช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่กำลังระบาดในเรือนจำ 

“เป็นไข้กันหมดทั้งแดน ส่วนของอาร์มมีไอและมีเสมหะตามปกติ เพราะสภาพอากาศเปลี่ยน ไม่มีไข้ ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตัวอะไร และในกลุ่มของอาร์มก็ยังไม่มีใครป่วย แต่ก็ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันไว้ก่อน ในแดนก็มีใส่กันหลายคน”

เวลากลางวันช่วงนี้ ไม่ได้ทำงานอะไร เดินเล่น ออกกำลังกายบ้าง เพราะที่กองงานมีคนเก่าเขาทำงานอยู่แล้ว มีเก่งกับต้อมไปช่วยงานที่หน้าแดนเพราะรอบก่อนเคยอยู่ตรงนั้น แต่อาร์มไม่ได้ไปด้วย ที่ไม่ได้ทำงานเพราะว่าตอนนี้มีคนข้างในเยอะกว่างาน หลายคนก็ว่าง ๆ ไม่ได้ทำกองงานอะไร เพราะตอนนี้มีคนในแดน 4 อยู่ 550 คน ต่างจากการติดครั้งแรกมากที่มีแค่ 120-130 คน หรือเต็มที่ก็ไม่เกิน 150 คน

อาร์มบอกว่าเขาครุ่นคิดเรื่องการประกันตัวและการรับโทษ โดยเรื่องการอภัยโทษ (ในโอกาสสำคัญ) นั้นดูจะมีผลต่อความคิดเกี่ยวกับการต่อสู้คดีของหลาย ๆ คน เนื่องจากหลายคนเห็นว่าเพื่อที่จะได้เข้าเกณฑ์การได้รับอภัยโทษก็ต้องยอมรับโทษให้ได้ใบเด็ดขาด และเลื่อนขั้นเป็นนักโทษในชั้นต่าง ๆ 

“ถ้าได้ใบเด็ดขาดมา จะทำให้เรารู้ว่าเราจะได้ออกวันไหน เช่นของผมอาจเป็นปี 2569 ถ้าได้ออกไปแล้ว เราค่อยไปสู้ใหม่ก็ได้” 

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) อาร์มถูกขังมาแล้ว 37 วัน

.

ไพฑูรย์: คนป่วยกันทั้งแดน แต่ถ้าวัดแล้วไม่มีไข้จะไม่ได้ยา

ทนายเราถามไพฑูรย์เรื่องเหตุการณ์ไฟไหม้คลองเปรมวันก่อน (3 ต.ค.) ว่าเป็นยังไงบ้าง ได้รับผลกระทบอะไรไหม ไพฑูรย์ตอบว่าข้างในไม่รู้เรื่องอะไร 

“ตอนกลางคืนคนในเรือนนอนก็แค่คุย ๆ กันว่าเหมือนมีกลิ่นอะไรไหม้ ๆ มารู้ว่ามีไฟไหม้จากข่าวตอนเช้า ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้บอกหรือแจ้งอะไรเลย ในแดนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่ได้ข่าวว่าคนในแดน 4 ที่ไฟไหม้ช่วงนี้ต้องอยู่บนเรือนนอนทั้งวัน เพราะเหมือนให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบพื้นที่อยู่”

ช่วงนี้ไพฑูรย์ยังคงป่วย ไอ เจ็บคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่เจ้าหน้าที่วัดอุณหภูมิแล้วไม่มีไข้ เลยไม่ให้ยา อย่างไรก็ตามเขาเขียนขอพบแพทย์ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้พบสักที “เหมือนเรียกแต่คนอายุเยอะ ๆ ไปพบแพทย์ก่อน”

นอกจากนี้ไพฑูรย์ยังบอกอีกว่าคนป่วยกันทั้งแดน โดยมีอาการคล้าย ๆ กัน แต่ถ้าวัดไข้แล้วไม่มีไข้ ก็ยังไม่ให้ยา 

“มีตรวจเจอคนเป็นไข้หวัดใหญ่ แล้วคนกลุ่มนั้นก็ถูกเอาไปกักตัวไว้ แล้วคนที่เหลือในแดนก็ไม่ตรวจแล้ว ไม่ตรวจทั้งโควิดและไข้หวัดใหญ่”

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) ไพฑูรย์ถูกคุมขังมาแล้ว 23 วัน 

.

ดั๊ก สุขสันต์: กำลังป่วยและนอนลำบากเพราะฝุ่นเยอะ

วันนี้สุขสันต์ดูอ่อนแรง เหนื่อย ๆ พูดน้อยไปกว่าทุกครั้งที่เจอกัน ระหว่างนั่งรอ ทนายให้สุขสันต์อ่านข้อความจากญาติผ่านกระดาษที่วางไว้หน้ากระจก พอถามว่าเป็นไงบ้าง สุขสันต์ก็ตอบว่า ‘ป่วยครับ’ 

“เป็นไข้ มึน ๆ เพลียตลอดเวลาเลยครับ พี่เข้ามาหาผมวันศุกร์ใช่มั้ย ตอนเย็นผมก็เริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว แล้วเสาร์ก็ป่วยเลย ไอ เจ็บคอ”

เขาบอกว่าได้ยามากินแล้วเป็นยาพาราแต่ช่วงนี้ก็ ‘นอนลำบาก’ ตอนกลางวันก็นอนไม่ได้เพราะเสียงดัง มีคนตะโกนเรียกกันตลอด กลางคืนก็อึดอัด ในห้องมีแต่ฝุ่น 

“ปกติก็นอนยากตื่นง่ายอยู่แล้ว ตอนนี้บางทีก็หายใจไม่ค่อยออก ตอนนอนต้องนั่งเอาเพราะจมูกตัน ตั้งแต่เป็นมาก็ยังไม่ดีขึ้นเลย อาการทรง ๆ ไม่มีแรง ขอเจอหมอไป ชื่อผมอยู่คนที่ 3 ยังไม่ได้เจอหมอเลยครับ”

สุขสันต์ยังเล่าต่อว่าตอนไปวัดไข้วันก่อน วัดได้ 38.9 องศา แต่ยาหมด ทำอะไรไม่ได้ ‘สงสัยเค้ารอให้หายเอง’ พอทนายถามว่ามีคนได้ถูกพาไปรักษาบ้างไหม สุขสันต์ก็ตอบว่า “มีครับ แต่คือเค้าเป็นลมล้มลงไปเลยถึงถูกพาออกไป”

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) ดั๊กถูกคุมขังมาแล้ว 23 วัน 

.

บุ๊ค ธนายุทธ: ต้องดูแลย่าป่วยติดเตียง

บุ๊คบอกว่าเขาและพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว โดยมีภาระที่จะต้องดูแลย่าซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถเดินเองได้ “ถ้าลุกขึ้น ขาก็ไม่มีแรง ล้มลงทันที” บุ๊คว่า

บุ๊คกับแฟนต้องดูแลย่าอย่างใกล้ชิด เขาจะคอยทำกายภาพบำบัดท่าพื้นฐานง่ายให้ย่าอยู่ตลอด ตกเย็นก็จะพาย่านั่งวิลแชร์ไปหาเพื่อน ๆ ไม่ให้ย่าเครียด บุ๊คต้องพาย่าไปหาหมอทุก ๆ 2 เดือน ค่าใช้จ่ายในการดูแลย่าบุ๊คและพ่อช่วยกันออก

เขาเล่าย้อนไปถึงงานแรกที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง คืองานเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562 

“ตอนนั้น ผมมีเพลงที่แต่งชื่อ ‘เท่าเทียม’ ผมเอาไปร้องที่งาน หลังจากนั้น กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยก็เลิกจ้าง เพื่อน ๆ นักร้องแร็ปด้วยกันก็ต่างเตือนว่าไปร้องเพลงแร็ปด่ารัฐบาลแบบนั้น เดี๋ยวก็ไม่มีคนจ้าง ผมโดนทั้งคอมเมนต์ ทั้งทักแชทมา

“ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเยอะ แต่มันยิ่งทำให้ผมเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศเรามากขึ้น แม้ว่างานจ้างจะหายไป แต่ผมกลับได้ตัวตนที่ชัดเจนมากขึ้น ผมไม่เคยคิดว่าเราต้องสยบยอมให้กับแรงกระแทกที่เราได้รับ ไม่ว่าจะการคุกคามหรือโดนแบนงาน ไม่มีคนจ้าง มันกลับเป็นแรงผลักให้ผมต้องสู้มันต่อไปบนเส้นทางศิลปินที่ผมรัก ใช้ผลงานบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น ผมเชื่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเอง มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกหากเรานิ่งเฉย”

บุ๊คบอกว่าสภาพจิตใจของเขายังเข้มแข็ง “ขอฝากทุกคนติดตามข่าวการเมืองและข่าวเพื่อนในเรือนจำกันนะครับ” 

ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) บุ๊คถูกคุมขังมาแล้ว 15 วัน 


X