ช่วงวันที่ 27 ก.ย. – 5 ต.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในคดีการเมือง ซึ่งถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี หลายคนยังสงสัยถึงมาตรฐานการประกันตัว ที่บางคดีได้ บางคดีไม่ได้ แต่ก็ยังมีความหวังในการประกันตัวและการใช้ชีวิตแต่ละวันภายในเรือนจำ
ในช่วงนี้หลายคนเป็นหวัดหรือเป็นไข้ เนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลงและการแพร่เชื้อในเรือนจำเกิดขึ้นได้ง่าย โดยขณะนี้มีสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ระบาดในเรือนจำหลายแห่งอีกด้วย หลายคนยังเล่าถึงสถานการณ์ความแออัดในเรือนจำที่ผู้ต้องขังเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้เมื่อเทียบกับเมื่อช่วงปีก่อน และการรักษาพยาบาลคนป่วย ที่ยังมีข้อจำกัดอย่างมาก
ขณะที่ผู้ต้องขังอีก 2 ราย ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำคลองเปรม ซึ่งมีข่าวว่าเกิดเหตุไฟไหม้ แจ้งว่าพวกเขาสบายดีและไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงคืนที่เกิดไฟไหม้
.
มาย ชัยพร: การติดคุกนาน ๆ เหมือนเอาชีวิตมาทิ้ง
มายทักทายด้วยรอยยิ้ม เขายังดูแข็งแรงและสุขภาพจิตดี เมื่อทนายถามว่าเป็นยังไงบ้าง มายตอบว่า
“เหมือนเดิม ใช้ชีวิตวนลูป ตื่นมา กินข้าว เข้างานร้านค้า ถึงเวลาก็นอน ไม่มีอะไรเปลี่ยน ที่เปลี่ยนคือผมได้ย้ายลงมานอนห้องผู้ช่วยชั้นล่าง มันก็แออัดน้อยลง สะอาดกว่าห้องชั้นบน สังคมก็ดีกว่า เพราะมีแต่ผู้ช่วยที่ทำงานด้วยกัน
“เมื่อวานได้ดูหนังเรื่องเสือเผ่น 1 มันเป็นหนังตลก เสียดสีเรื่องการเล่นพนัน ผมดูแล้วก็นั่งขำ เพราะคนที่หนังล้อเลียน นั่งอยู่ในห้องนี้หมดเลย (หัวเราะ)”
ในส่วนของการใช้ชีวิตในเรือนจำ มายบอกว่าเขาทำใจได้มากขึ้นแล้ว
“แม้จะยังไม่เข้าใจว่าผมทำผิดอะไร ผมแค่ออกมาเรียกร้องเพราะอยากให้บ้านเมืองพัฒนาขึ้น จึงต้องมาติดคุก ถ้ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ระยะเวลา 3 ปี ถามว่านานมั้ย มันก็นาน แต่พอมาคิดถึงคนที่เขาโดนกันหลัก 10 ปีขึ้นไป มันเหมือนเอาชีวิตมาทิ้งเลยนะ
มายบอกว่าเขาพยายามที่จะมองหาแง่มุมดี ๆ ในเรือนจำ เพื่อที่จะอยู่ให้ได้
“ในเรือนจำจะมีคนหลากหลายประเภท คนกลุ่มน้อยจะถูกกดขี่เสมอ ยังดีที่ผมทำงานร้านค้า เลยไม่ค่อยมีคนมายุ่งมาก แต่ผมก็ถือซะว่ามันเป็นบทเรียนชีวิต (หัวเราะ) พยายามหาจุดที่มองมันในแง่ดีได้ ถ้าออกไปอยู่ข้างนอก ผมก็คงเอาบทเรียนที่ได้รับจากข้างในไปใช้ชีวิตต่อได้
“คนทำดีก็ต้องได้ดีแหละพี่ ไม่วันนี้ก็วันหน้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า (ยิ้ม)”
เขายังทิ้งท้ายถึงผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคน
“ใจเย็น ๆ อย่าไปคิดอะไรให้มันปวดหัวมากมายเลย ยิ่งเครียดมากสุขภาพก็จะไม่ดีตาม โดยเฉพาะน้ำกับเวหาที่อดอาหารอยู่ ผมเป็นกำลังใจให้จริง ๆ นะ แต่ก็ไม่อยากให้เขาเอาชีวิตมาเสี่ยงกับเรื่องการประกันตัวเลย”
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) มายถูกขังมาแล้ว 234 วัน
.
บาส ประวิตร: ถูกถ่ายรูปในเรือนจำเพื่อนำไปรายงาน
หลังจากทักทายกัน บาสก็ถามถึงครอบครัวและภรรยาเป็นอย่างแรกว่าเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนเขาในตอนนี้กำลังจะได้เริ่มทำงานโยธาในส่วนของเรือนนอน
บาสบอกว่า “หน้าที่ส่วนใหญ่คือการทำความสะอาดเรือนนอน กวาด ถู ทำทุกห้องในแดน แต่ก็ดีกว่าอยู่ว่าง ๆ มีอะไรทำ เวลาจะได้ผ่านไปเร็วขึ้น”
บาสเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ผู้ต้องขังคดีทางการเมืองถูกจับตาและติดตามมากกว่าผู้ต้องขังคนอื่น
“คนที่โดนคดีการเมืองทุกคนในแดนโดนถ่ายรูป อาทิตย์ที่แล้วก็โดน เขาบอกว่าถ่ายไปรายงานนาย เพราะเป็นนักโทษรายสำคัญ ตอนที่ไปศาลผมก็ได้ปลอกแขนสีแดง เจ้าหน้าที่เรือนจำบอกว่าที่ใส่เพราะเป็นนักโทษรายสำคัญ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพราะไม่อยากมีปัญหา”
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) บาสถูกขังมาแล้ว 87 วัน
.
แก๊ป ธีรภัทร: ผู้ต้องขังหนึ่งเดียวในแดน 8 ถูกบังคับให้กดเงิน – ถูกกลั่นแกล้ง ยังหวังอยู่ตลอดว่าจะได้ประกัน
แก๊ปทักทายด้วยน้ำเสียงปกติ ทนายได้อัปเดตเรื่องการยื่นประกันเนื่องจากครั้งที่แล้วแก๊ปอยากรู้ว่าจะยื่นได้กี่ครั้งและจะยื่นบ่อยได้แค่ไหน เพราะเห็นว่าผู้ต้องขังคนอื่นยื่นไปแล้วหลายครั้งจึงสงสัย
แก๊ปบอกว่า “ผมเริ่มทำใจได้แล้วว่า ยื่นประกันไปก็คงไม่ได้ประกัน เพราะก็ยื่นไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็อยากออกไปเพราะจะใกล้วันเกิดผมแล้ว 4 ต.ค. นี้”
แก๊ปเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ที่แดน 8 คนเยอะ วุ่นวาย โดยมีคนประมาณ 700 กว่าคน มีการแบ่งบ้าน แบ่งพรรคพวกกันเยอะ แต่ตัวแก๊ปเองไม่ได้เข้าบ้านหรือเข้ากลุ่มใด
“คนที่ไม่ได้เข้าบ้านก็มีอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเข้าไปก็โดนคนในบ้านบังคับให้ซื้อของให้ ที่เห็นคือโดนเยอะมาก คนที่ไม่เข้าบ้านก็โดนเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนที่อยู่ในบ้าน แก๊ปเองก็โดนทีละ 200-300 บาท อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง”
เมื่อโดนเช่นนั้น เขาก็ต้องให้ เพราะไม่อยากมีปัญหา “คนพวกนี้เขามาขอดูยอดเงินคงเหลือในบัญชีเราได้ หรือไปดูว่าเราซื้ออะไรไปบ้างก็ยังได้ ถ้าเราขัดขืนไม่กดของให้ ก็พอจะรู้ชะตากรรมของตัวเอง
นอกจากถูกบังคับให้กดเงิน แก๊ปยังถูกแกล้งจากผู้ต้องขังในแดนเดียวกัน “โดนตบหัว พอเราไม่ตอบโต้เดินหนีมา เขาก็เดินตามมาตบอีก ผมต้องบอกไปว่า ‘พี่ผมเจ็บ’ เขาถึงจะเดินไป ผู้คุมในแดนนี้ก็ทำอะไรไม่ค่อยได้”
แก๊ปเล่าให้ฟังอีกว่า วันก่อนป๊ากับแม่มาเยี่ยมเขาและร้องไห้ “แม่บอกว่าไม่ได้ฝากอะไรเข้าไปให้นะ เขาสองคนตื่นกันแต่เช้า นั่งรถเมล์เพื่อมาเยี่ยมผมที่นี่ แม่เล่าให้ฟังว่าป๊าเป็นต้อกระจก มองไม่ค่อยเห็นแล้ว เดินในบ้านก็ไม่ค่อยสะดวก เห็นว่าไปโรงพยาบาลมาเมื่อวาน
แก๊ปทิ้งท้ายว่า “ตอนนี้ก็ยังคงหวังอยู่ตลอดว่าจะได้ประกันตัว ฝากข้อความเป็นห่วงถึงป๊ากับแม่ว่า ดูแลตัวเองดี ๆ เป็นห่วงมาก ๆ”
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) แก๊ปถูกขังมาแล้ว 50 วัน คดีของเขา ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา แต่ถูกคุมขังและไม่ได้ประกันตัวหลังอัยการสั่งฟ้องคดี ศาลอาญานัดหมายตรวจพยานหลักฐานในคดีต่อไปวันที่ 13 พ.ย. 2566
.
ป่าน ปฐวิกานต์: อยากร้องเรียนเรื่องการจ่ายยาในเรือนจำ
ทนายเข้าเยี่ยมป่านผ่านห้องเยี่ยมและถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ป่านอัพเดตว่าเมื่อวันพุธที่ผ่าน (27 ก.ย. 2566) พ่อกับแฟนมาเยี่ยมที่เรือนจำ โดยได้ฝากเงินและอาหารมาให้ ด้านอาการแพ้ตามตัว เขาบอกว่าปัจจุบันหายหมดแล้ว “ต่อจากนี้คงต้องซักผ้าห่มบ่อยขึ้น”
ป่านกล่าวว่าเขาอยากร้องเรียนเรื่องการขอยา เพราะเวลาไปห้องยาแล้วทางเจ้าหน้าที่ชอบให้ยาไม่ครบ
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) ป่านถูกขังมาแล้ว 50 วัน เขาถูกกล่าวหาในคดีเดียวกับแก๊ปและไม่ได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาเช่นกัน
.
แบงค์ ณัฐพล: อุดมการณ์ยังเหมือนเดิม อยากให้มันจบที่รุ่นเราไม่ใช่จบที่รุ่นลูก
เรื่องความเป็นอยู่ในเรือนจำ ณัฐพลบอกว่า “ช่วงนี้มีอาการไอจามมา 4-5 วัน แล้ว ข้างในคนเยอะแออัดด้วยพอคนนึงเป็นคนอื่น ๆ ก็เป็นตามไปด้วย แต่ยังไหวอยู่”
ทนายถามถึงเรื่องสภาพจิตใจ แบงค์บอกว่า “ผมปรับได้ดีขึ้น ภาวะจิตใจถือว่าปกติ แต่เรื่องการนอนก็มีอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ ส่วนเรื่องร่างกายแข็งแรงดี น้ำหนักตัวลดลงจากเดิม 106 เหลือ 97.4 กิโล
แบงค์บอกว่า เวลาแฟนมาเยี่ยมจะรู้สึกสดชื่น แต่ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ได้รับข้อความจากแฟนทำให้หงุดหงิดขึ้นมานิดนึง ตอนนี้กังวล ห่วงแฟน เรื่องที่แฟนจะต้องเดินทางกลับไปเอาเอกสารเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่จังหวัดอุตรดิตถ์
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) แบงค์ถูกขังมาแล้ว 37 วัน
.
เก่ง พลพล: อยากให้สิทธิในการประกันตัวเป็นจริง
เก่งนั่งรอโทรศัพท์ สวมเสื้อแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีออกกรมท่า ผมสั้นเกรียน สีหน้าเก่งดูสดชื่น แต่มีอาการคัดจมูก
เก่งอัพเดตอาการตัวเองว่า “เมื่อวานนี้รู้สึกเครียดจนไม่สบาย อยู่ดี ๆ ก็เครียด ตกตอนเย็น ซึม ปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิด คงเพราะนั่งคิดไปเรื่อยเปื่อย คิดวนเวียนกลับไปกลับมา ได้กินพาราไป 1 เม็ด แล้วนอน ก็รู้สึกดีขึ้น”
เขาบอกว่าอาการหวัดยังคงมีเหมือนเดิม เพราะฝนตก อากาศร้อน “คนในเรือนจำพอไม่สบายคนนึง คนอื่น ๆ ก็พลอยไม่สบายไปด้วย เพราะตอนนี้ในเรือนจำคนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะวันศุกร์จะมีคนจำแนกแดนมาทุกสัปดาห์เลย
ยิ่งกว่าอาการหวัดคือ เขาน่าจะกลับมาดื้อยาคลายเครียดอีกแล้ว เพราะกินเข้าไปก็ไม่ช่วยให้หลับได้
ด้านอารมณ์ความรู้สึกและการควบคุมตัวเอง เก่งให้คะแนน 7 เต็ม 10 เขารู้สึกควบคุมตัวเองได้ แต่ยังมีภาวะคิดไปเรื่อย โดยเฉพาะคิดเรื่องครอบครัว
“ยังดีที่แฟนเข้ามาเยี่ยมทำให้รู้สึกคลายเหงาไปได้บ้าง แต่ก็ยังห่วงกังวลเรื่องครอบครัว นี่ก็ให้แฟนไปดูครอบครัวบ่อย ๆ
“ถ้าได้ประกันก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ผมก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า เหลืออีกแค่ 7 เดือน … ที่ข้างนอกยังไม่มีการเคลื่อนไหว ผมก็บอกไม่ถูก แต่ก็เข้าใจ ผมไม่ได้กลัวว่าคนจะลืมซะทีเดียว เพราะว่าเราเลือกที่จะออกมาแล้ว แต่แค่อยากให้สถานการณ์มันดีขึ้น ให้สิทธิในการประกันตัวเป็นจริง”
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) เก่งถูกคุมขังมาแล้ว 37 วัน
ต้อม จตุพล: ปวดขายังไม่ทราบสาเหตุ
ต้อมนั่งรอในห้องเยี่ยมในชุดผู้ต้องขังสีฟ้าอย่างเคย เขาใส่หน้ากากอนามัยเพราะช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่ระบาด โดยต้อมนั่งรอเพื่อให้อาร์มได้คุยกับทนายความก่อน แล้วตนค่อยมาคุยทีหลัง เหมือนทุกครั้ง ต้อมบอกว่าช่วงนี้สุขภาพโอเค แต่เขาปวดขามากโดยไม่ทราบสาเหตุ
ต้อมบอกว่าช่วงนี้ฝนตกบ่อย แต่ที่ตากผ้าเป็นที่โล่งที่ต้องตากร่วมกันกับทุกคน พอฝนตกก็จะต้องรีบวิ่งไปเก็บและต้องระวังของหาย โดยหากวันไหนฝนตกก็จะตากผ้าไม่ได้เนื่องจากที่ตากผ้าในร่มมีน้อยมากและมีความเสี่ยงที่ของจะหายมากกว่าที่โล่ง
“ต้องตื่นมาซัก มาตากตั้งแต่เช้าเลย เพราะพอบ่าย 3 ต้องขึ้นเรือนนอนก็ต้องเก็บผ้าขึ้นไปด้วย ถ้าไม่แห้งก็จะอับ ต้องซักใหม่วันถัดไป”
ต้อมยังคงคาดหวังเรื่องการประกันตัวและยังอยากให้ทนายยื่นประกันอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) ต้อมถูกขังมาแล้ว 37 วัน
.
อาร์ม วัชรพล: ครุ่นคิดเรื่องการอภัยโทษ
วันนี้อาร์มนั่งรอในชุดผู้ต้องขังเสื้อสีฟ้าตามปกติ มีเพิ่มเติมที่ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ด้วย แต่มองเห็นได้ว่ากำลังยิ้มอยู่ เขาเล่าว่า ช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่กำลังระบาดในเรือนจำ
เวลากลางวันช่วงนี้ ไม่ได้ทำงานอะไร เดินเล่น ออกกำลังกายบ้าง เพราะที่กองงานมีคนเก่าเขาทำงานอยู่แล้ว มีเก่งกับต้อมไปช่วยงานที่หน้าแดนเพราะรอบก่อนเคยอยู่ตรงนั้น แต่อาร์มไม่ได้ไปด้วย ที่ไม่ได้ทำงานเพราะว่าตอนนี้มีคนข้างในเยอะกว่างาน หลายคนก็ว่าง ๆ ไม่ได้ทำกองงานอะไร เพราะตอนนี้มีคนในแดน 4 อยู่ 550 คน ต่างจากการติดครั้งแรกมากที่มีแค่ 120-130 คน หรือเต็มที่ก็ไม่เกิน 150 คน
อาร์มบอกว่าเขาครุ่นคิดเรื่องการประกันตัวและการรับโทษ โดยเรื่องการอภัยโทษ (ในโอกาสสำคัญ) นั้นดูจะมีผลต่อความคิดเกี่ยวกับการต่อสู้คดีของหลาย ๆ คน เนื่องจากหลายคนเห็นว่าเพื่อที่จะได้เข้าเกณฑ์การได้รับอภัยโทษก็ต้องยอมรับโทษให้ได้ใบเด็ดขาด และเลื่อนขั้นเป็นนักโทษในชั้นต่าง ๆ
“ถ้าได้ใบเด็ดขาดมา จะทำให้เรารู้ว่าเราจะได้ออกวันไหน เช่นของผมอาจเป็นปี 2569 ถ้าได้ออกไปแล้ว เราค่อยไปสู้ใหม่ก็ได้”
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) อาร์มถูกขังมาแล้ว 37 วัน
.
ไพฑูรย์: คนป่วยกันทั้งแดน แต่ถ้าวัดแล้วไม่มีไข้จะไม่ได้ยา
ทนายเราถามไพฑูรย์เรื่องเหตุการณ์ไฟไหม้คลองเปรมวันก่อน (3 ต.ค.) ว่าเป็นยังไงบ้าง ได้รับผลกระทบอะไรไหม ไพฑูรย์ตอบว่าข้างในไม่รู้เรื่องอะไร
ช่วงนี้ไพฑูรย์ยังคงป่วย ไอ เจ็บคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่เจ้าหน้าที่วัดอุณหภูมิแล้วไม่มีไข้ เลยไม่ให้ยา อย่างไรก็ตามเขาเขียนขอพบแพทย์ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้พบสักที “เหมือนเรียกแต่คนอายุเยอะ ๆ ไปพบแพทย์ก่อน”
นอกจากนี้ไพฑูรย์ยังบอกอีกว่าคนป่วยกันทั้งแดน โดยมีอาการคล้าย ๆ กัน แต่ถ้าวัดไข้แล้วไม่มีไข้ ก็ยังไม่ให้ยา
“มีตรวจเจอคนเป็นไข้หวัดใหญ่ แล้วคนกลุ่มนั้นก็ถูกเอาไปกักตัวไว้ แล้วคนที่เหลือในแดนก็ไม่ตรวจแล้ว ไม่ตรวจทั้งโควิดและไข้หวัดใหญ่”
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) ไพฑูรย์ถูกคุมขังมาแล้ว 23 วัน
.
ดั๊ก สุขสันต์: กำลังป่วยและนอนลำบากเพราะฝุ่นเยอะ
วันนี้สุขสันต์ดูอ่อนแรง เหนื่อย ๆ พูดน้อยไปกว่าทุกครั้งที่เจอกัน ระหว่างนั่งรอ ทนายให้สุขสันต์อ่านข้อความจากญาติผ่านกระดาษที่วางไว้หน้ากระจก พอถามว่าเป็นไงบ้าง สุขสันต์ก็ตอบว่า ‘ป่วยครับ’
“เป็นไข้ มึน ๆ เพลียตลอดเวลาเลยครับ พี่เข้ามาหาผมวันศุกร์ใช่มั้ย ตอนเย็นผมก็เริ่มครั่นเนื้อครั่นตัว แล้วเสาร์ก็ป่วยเลย ไอ เจ็บคอ”
เขาบอกว่าได้ยามากินแล้วเป็นยาพาราแต่ช่วงนี้ก็ ‘นอนลำบาก’ ตอนกลางวันก็นอนไม่ได้เพราะเสียงดัง มีคนตะโกนเรียกกันตลอด กลางคืนก็อึดอัด ในห้องมีแต่ฝุ่น
สุขสันต์ยังเล่าต่อว่าตอนไปวัดไข้วันก่อน วัดได้ 38.9 องศา แต่ยาหมด ทำอะไรไม่ได้ ‘สงสัยเค้ารอให้หายเอง’ พอทนายถามว่ามีคนได้ถูกพาไปรักษาบ้างไหม สุขสันต์ก็ตอบว่า “มีครับ แต่คือเค้าเป็นลมล้มลงไปเลยถึงถูกพาออกไป”
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) ดั๊กถูกคุมขังมาแล้ว 23 วัน
.
บุ๊ค ธนายุทธ: ต้องดูแลย่าป่วยติดเตียง
บุ๊คบอกว่าเขาและพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว โดยมีภาระที่จะต้องดูแลย่าซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถเดินเองได้ “ถ้าลุกขึ้น ขาก็ไม่มีแรง ล้มลงทันที” บุ๊คว่า
เขาเล่าย้อนไปถึงงานแรกที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง คืองานเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2562
“ตอนนั้น ผมมีเพลงที่แต่งชื่อ ‘เท่าเทียม’ ผมเอาไปร้องที่งาน หลังจากนั้น กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยก็เลิกจ้าง เพื่อน ๆ นักร้องแร็ปด้วยกันก็ต่างเตือนว่าไปร้องเพลงแร็ปด่ารัฐบาลแบบนั้น เดี๋ยวก็ไม่มีคนจ้าง ผมโดนทั้งคอมเมนต์ ทั้งทักแชทมา
“ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปเยอะ แต่มันยิ่งทำให้ผมเข้าใจปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศเรามากขึ้น แม้ว่างานจ้างจะหายไป แต่ผมกลับได้ตัวตนที่ชัดเจนมากขึ้น ผมไม่เคยคิดว่าเราต้องสยบยอมให้กับแรงกระแทกที่เราได้รับ ไม่ว่าจะการคุกคามหรือโดนแบนงาน ไม่มีคนจ้าง มันกลับเป็นแรงผลักให้ผมต้องสู้มันต่อไปบนเส้นทางศิลปินที่ผมรัก ใช้ผลงานบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น ผมเชื่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นเอง มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอกหากเรานิ่งเฉย”
บุ๊คบอกว่าสภาพจิตใจของเขายังเข้มแข็ง “ขอฝากทุกคนติดตามข่าวการเมืองและข่าวเพื่อนในเรือนจำกันนะครับ”
ปัจจุบัน (6 ต.ค. 2566) บุ๊คถูกคุมขังมาแล้ว 15 วัน