บันทึกเยี่ยม 9 ผู้ต้องขังทางการเมือง ระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค. 2566

ระหว่างวันที่ 16-20 ต.ค. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในคดีการเมืองจำนวน 8 คน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเรือนจำกลางคลองเปรม หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือน ขณะที่หลายคนเริ่มหายจากอาการไม่สบาย ก็มีคนที่เพิ่งเริ่มป่วย โดยเกือบทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับเพียงยาพาราฯ ทำให้อาจจะหายจากอาการหวัดได้ช้า 

ปัญหาที่ผู้ต้องขังบางคนในแดน 4 พบเจอคือเรื่องการจ่ายยา ซึ่งพวกเขาพบว่ายาที่ควรได้รับตามใบสั่งของหมอนั้นหายไปและเรือนจำจ่ายยายากมาก แม้จะเป็นเพียงยาพาราฯ ก็ตาม ทำให้อาจจะเกิดปัญหาการซื้อ-ขายยาที่ควรจะได้รับตามสิทธิ์ในเรือนจำ 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ผู้ต้องขังบางคนในแดน 5 ถูกข่มขู่และทำร้ายจากผู้ต้องขังในแดนเดียวกัน โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด สร้างความอึดอัดและกังวลใจให้เขาเป็นอย่างมาก โดยพวกเขาอยากให้ปัญหาทั้งสองเรื่องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว

.

ธี ถิรนัย: ถูกกลั่นแกล้งในเรือนจำจากนักโทษด้วยกัน

ธีบอกว่าเขาและเพื่อน ๆ นักโทษการเมืองในแดน 5  ติดตามข่าวการเมืองเท่าที่ทำได้ แต่อยากรู้ความเป็นไปจริง ๆ ข้างนอก เพราะในเรือนจำข่าวลือเยอะ 

“เห็นคนอย่างเปรมชัยได้ปล่อยตัวก็เซ็ง ทั้งที่ความผิดชัดเจนขนาดนั้น ปล่อยตัวอ้างป่วย ไม่ต้องใส่อีเอ็ม แต่พวกผมขอประกันตัวใส่อีเอ็มไม่เคยได้ อ้างแต่จะโทษสูง กลัวจะหลบหนี พวกผมจะเอาอะไรไปหลบหนี”

ธียังเล่าว่าตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก อยากร้องเรียนถึงกรมราชทัณฑ์ และผู้บัญชาการเรือนจำ 

“วันเสาร์ที่ผ่านมา ผมถูกนักโทษข่มขู่ ผมไปทำงานที่กองงาน แล้วถูกเขาสั่งให้ทำงานให้ เขาพูดว่า ‘เขียนงานมา ถ้าไม่เขียนงานมาให้เสร็จ ไปลุกนั่งกลางสนาม’ ผมก็เขียนให้เค้าจนเสร็จ 

“คือเค้าก็นักโทษด้วยกัน แต่เค้าทำตัวกร่างมาก อยากให้มีการตรวจสอบ เพื่อน ๆ ในเรือนจำเคยร้องเรียนเกี่ยวกับเขาไปแล้วเรื่องก็เงียบหาย                                                                                                                                                                                                                                                                                                       

“หลังจากทำงานเสร็จผมก็ยืนคุยกับเพื่อนผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ หัวเราะกัน จู่ ๆ เค้าก็เดินมาพูดกับผมว่า หัวเราะเป็นอะไรกัน ‘เพื่อนเล่นมึงหรอ เดี๋ยวกูก็เตะหน้าให้’ ต่อหน้าเพื่อน ๆ และเจ้าหน้าที่ ทำเหมือนไม่กลัวใครเลย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ว่าอะไร ผมไม่อยากจะต้องเจออะไรแบบนี้อีก”

“ช่วงที่ลงแดน 5 มาแรก ๆ ผมก็เคยถูกหลอกไถเงินไปประมาณ พันกว่าบาท แต่ตอนนั้นไม่ได้บอกอะไร เพราะจะไม่ให้อีกแล้ว และเห็นว่าใคร ๆ ก็เคยโดน ก็พยายามไม่ยุ่งวุ่นวายกับเค้า แต่เหมือนเค้าไม่กลัวใครเลย แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่”

ปัจจุบัน ธี ถูกคุมขังมาแล้ว 252 วัน 

.

มาย ชัยพร: ป่วย ไข้ขึ้นสูง แต่เรือนจำขาดแคลนยา

มายบอกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เขาไม่สบาย ตัวร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสั่น เลยไปลงชื่อขอออกไปหาหมอ มายเล่าถึงสัปดาห์แห่งการป่วยไข้ของเขาโดยละเอียด

“ได้แจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่ไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ไปหาหมอ หรือไปรักษาเลย เมื่อไม่ได้ไปหาหมอ ผมวัดไข้ที่หน้าแดน 3 รอบด้วยกัน เช้าวัดได้ 37.5 ช่วงเที่ยง 38.1 ช่วงบ่ายสอง 39.5 รอบนี้หมอให้ยาพาราฯ มา 2 เม็ด แต่บอกให้ผมไปกินข้าวก่อน ผมกินข้าวได้แค่ 3 คำ มันรู้สึกพะอืดพะอม แล้วก็กินยากลับมานอน 

“คืนนั้นตี 1 ผมหนาวสั่นนอนไม่ได้เลย พี่เอ เอายามาให้กินและเช็ดตัวให้ ไข้ลดลง ไม่หนาวสั่น ก็หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ตื่นเช้ามาวันพุธ ก็ยังมีไข้อยู่ จึงไปที่หน้าแดนเพื่อวัดไข้ 2 รอบ คือช่วงเช้าและบ่าย ไข้ยังสูงอยู่ 38.9 แต่อาการไม่หนาวสั่นเท่าวันอังคาร อาการทรง ๆ ก็นอนพักเอา เมื่อวานเค้าให้ยามารอบละ 2 เม็ด”

“วันนี้ (19 ต.ค.) ผมก็ยังมีไข้ แต่ไม่หนักเท่า 2 วันที่ผ่าน มีไอบ้าง มีน้ำหมูกแต่ไม่มาก วันนี้ก็เฝ้าดูต่อว่าจะเป็นยังไง จริง ๆ ที่ผ่านมาก่อนไปหาหมอ ผมก็ได้ยาจากเพื่อน ๆ ในเรือนจำกินไปก่อน วันอังคารที่ได้มา 2 เม็ด ก็ตอนบ่ายแล้ว ในเรือนจำขาดแคลนยามาก ๆ”

มายยังแสดงความเห็นเรื่องเปรมชัย เช่นเดียวกับธีว่า “เรื่องเปรมชัย ที่ถูกปล่อยตัว ผมไม่มีอะไรจะพูด ตั้งแต่ก่อเหตุถึงปัจจุบันไม่มีอะไรถูกต้องตั้งแต่แรกเลย ตลกเหมือนกัน พอจะปล่อยอ้างง่าย ๆ  เทียบกับผู้ต้องขังทางการเมืองแล้ว มันก็เศร้า ดูจากข่าว 2 วันมานี้ ตัดสินลงโทษอย่างเดียวมันก็เศร้า ไม่อยากให้ใครเข้ามาอีกแล้ว” 

ปัจจุบัน มายถูกคุมขังมาแล้ว 252 วัน 

.

มาร์ค ชนะดล: ย้อนกลับไป ผมก็คงออกมาม็อบอยู่ดี

มาร์คบอกว่าเขานั่งนับวันรอออกศาล เพราะอยากเจอครอบครัวและคิดถึงที่บ้านมาก ๆ 

“อยากกลับบ้าน ที่บ้านไม่ค่อยได้เยี่ยม ผมไม่อยากให้เค้ามาลำบากเค้า ให้เค้าลงเยี่ยมไลน์เอา ออกมาทีต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ แค่ผมอยู่ในนี้ก็ลำบากมาก ๆ แล้ว”

มาร์คบอกว่าเขายังไปทำงานกองช่างอยู่ทุกวันเพราะไม่อยากอยู่เฉย ๆ เขาบอกว่าหากไม่มีอะไรทำ เขาจะฟุ้งซ่าน คิดไม่หยุด 

“แต่ช่วงนี้ที่กองช่างก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ยังดีที่มีวิทยุให้ฟังเพลง มีหนังสือให้อ่าน ผมเลยไม่ค่อยได้เจอเพื่อน ๆ”

มาร์คยังฝากถึงคนข้างนอกว่า “ผมขอขอบคุณทุกคน ๆ ที่ยังต่อสู้เพื่อผมและเพื่อนในเรือนจำ แค่เห็นรูปว่ามีการเคลื่อนไหว ผลักดันเรื่องผู้ต้องขังในเรือนจำ มันก็มีกำลังใจขึ้นมาก ๆ ขอบคุณที่ไม่ลืมกัน ขอบคุณมาก ๆ ขอบคุณทุกคน เรื่องนิรโทษกรรม ถ้าทำได้ มันคงดีมาก มันดีสำหรับทุกคน จากที่ผมเห็นบางคนถูกตัดสินโทษหนักเกินความเป็นจริง คือมันแย่มาก ๆ

“ตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าคดีตัวเองมันจะออกมาเป็นแบบไหน  คนที่ออกมาม็อบ คนที่ออกมาเรียกร้องเพราะอยากให้ประเทศมันดีขึ้น แต่ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่ออกมาสู้สิ ถ้าประเทศมันยังแย่แบบนี้ คนเรามันก็ต้องต่อสู้กันต่อไป ถึงออกมาจะมีผลหรือไม่มีผล มันก็ต้องมาสู้เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น 

“บางทีผมก็เคยคิดนะ ถ้าได้ออกจากเรือนจำ ประเทศมันยังแย่ ผมก็คงออกไปม็อบอีก ย้อนกลับไป ผมก็ออกมาม็อบอยู่ดี เพราะประเทศมันแย่”

ปัจจุบัน มาร์ค ถูกคุมขังมาแล้ว 223 วัน คดีของเขามีนัดสืบพยานที่ศาลอาญาในวันที่ 24-25 ต.ค. นี้

.

แบงค์ ณัฐพล: มีอาการเหมือนปอดอักเสบ-ไอเป็นเลือดช่วงหน้าฝน

วันนี้แบงค์ดูสดใจ ยิ้มแย้ม เมื่อถามข่าว แบงค์บอกว่าดีใจที่แฟนมาเยี่ยมตอนเช้า และเห็นลูกดิ้นแรงจนเห็นผ่านชุดคลุมท้องของแฟน ทำให้เขาตื่นเต้น และมีกำลังใจมากขึ้น แบงค์บอกกับทนายว่า 3 พ.ย. นี้ จะวันเกิดเขาแล้ว เป็นปีที่ 2 ที่ได้ฉลองวันเกิดในนี้ แบงค์หัวเราะอย่างตลกร้าย เมื่อพูดถึงเรื่องนี้

“ตอนนี้เรื่องสุขภาพ ผมแข็งแรงดี ไม่มีเจ็บป่วย เพิ่งซ้อมมวยมา มือยังเหม็นอยู่เลยพี่ (เพราะใส่นวมสำหรับต่อมวย) เรื่องอาหารการกินก็เรื่อย ๆ อาศัยกินของฝากจากข้างนอก ผมไม่กินอาหารหลวง ไม่รู้ว่าอาหารไม่อร่อย หรือลิ้นผมมันไม่รับรส แต่กินไม่ไหว”

แม้แบงค์จะบอกว่าร่างกายแข็งแรงดี แต่บอกว่าเมื่อเช้าไอเป็นเลือด ระหว่างที่แฟนเข้าเยี่ยม เขาบอกกับทนายว่าเคยมีอาการปอดอักเสบตั้งแต่ตอนอยู่ข้างนอก 

“ตอนเข้ามาในนี้เดือนแรก ผมไม่มีอาการเลย เพิ่งมามีอาการช่วงหน้าฝน แล้วสภาพข้างในมันแออัดมาก อากาศไม่ถ่ายเท ทำให้รู้สึกเหมือนป่วยยิ่งขึ้น ตอนอยู่ข้างนอก เวลาฝนตก แฟนไม่ให้ผมออกไปไหน กลัวผมจะไม่สบาย” 

เขาอธิบายเพิ่มว่า เวลาไอจะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ที่หน้าอก บางทีพยายามจะกลั้นไอ เพราะไอบ่อยกลัวคนอื่นจะรำคาญ แต่ยิ่งกลั้นมันยิ่งเจ็บ ต้องปล่อยให้ไอ 

แบงค์บอกว่าห้องที่เขาและผู้ต้องขังนอนรวมกันร่วม 40 คน มีขนาดพอ ๆ กับห้องเยี่ยมเฉพาะฝั่งทนาย โดยทนายกะด้วยสายตาประมาณห้องน่าจะมีขนาดประมาณ 3.5 เมตร x 9 เมตร  

แบงค์ฝากความคิดถึงถึงแฟน “ฝากจุ๊ฟน้องบี” (ชื่อลูกของแบงค์) และอวดว่าแฟนของเขาทำข้าวไข่เจียวอร่อยที่สุด กับทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวอร่อยมาก 

แบงค์เล่าอีกว่า “ถ้ามีโอกาสได้ออกไป ก็อยากทำร้านตามสั่ง ทำเป็นอาชีพได้เลี้ยงดูครอบครัว ขอทำหน้าที่พ่อ เรื่องไปม็อบผมขอไปอยู่เบื้องหลัง ครอบครัวมาอันดับแรก ผมยอมติด EM อยู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง แล้วเปิดร้านตามสั่งหาเงินแบบนี้ ผมอยากออกไปดูแลแฟน เพราะแฟนท้องโตขึ้นทุกวัน แฟนจะลำบาก กำหนดคลอดลูกเดือนกุมภาปีหน้านี้แล้ว”

ปัจจุบัน แบงค์ถูกคุมขังมาแล้ว 55 วัน 

.

เก่ง พลพล: ห้องแออัดจนต้องขอสลับไปนอนตรงปลายเท้าเพื่อน

ทนายถามถึงอาการเก่งที่นั่งซึม ๆ เก่งบอกว่าไม่ใช่เพราะสภาพจิตใจ แต่กำลังป่วย เริ่มป่วยมาตั้งแต่วันพฤหัส คือนอนซมมาหลายวัน มีวันนี้ที่พอลุกเดินได้บ้าง แต่เพลีย ๆ เหนื่อยๆ 

“ผมไข้ขึ้น วันพฤหัส (12 ต.ค.) จากนั้นรู้สึกปวดหัวมาก แล้วก็ไอ อาการเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่”

ใบหน้าเก่งดูซีดเซียว ใต้ตาคล้ำหนัก แววตาโรยแรง เก่งเล่าว่าน่าจะเพราะอาการเป็นไข้ที่ผ่านมาที่เพิ่งอาการดีขึ้นเล็กน้อย เรื่องอาการทางกายอื่น ๆ เขายังปกติอยู่ สภาพจิตใจถือว่าปกติ ไม่มีอาการอยากทำร้ายตัวเอง แต่แค่ช่วงวันพฤหัสที่ผ่านมา

“อยู่ดี ๆ ก็คิดเรื่องครอบครัว เรื่องแฟน เข้ามาในหัว ตอนนั้นปวดหัวมาก กินข้าวไม่ลง แล้วก็ป่วยเลยในวันนั้น ตอนนี้โอเคขึ้นแล้ว แต่ที่หนักคืออาการไอ”

เก่งเล่าว่าในเรือนนอนแออัดมาก การนอนที่เบียดกัน ทำให้เขาหายใจไม่สะดวก วันไหนที่อาการป่วยหนัก เขาต้องนอนสลับทาง โดนหันหัวมาทางเท้าคนอื่น ๆ เพราะขนาดขาของคนโดยทั่วไปจะดูผอมกว่าขนาดตัว พอหันนอนท่านี้ จะทำให้เขาหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น 

“อากาศมันถ่ายเทกว่า ทำให้ผมหลับง่ายขึ้น”

ปัจจุบัน เก่งถูกคุมขังมาแล้ว 55 วัน

.

ต้อม จตุพล: ฝากจับตา-ตรวจสอบเรื่องยาหายในเรือนจำ ขณะที่คนป่วยมีจำนวนมาก

วันนี้ต้อมนั่งรออยู่ในห้องเยี่ยมด้วยเสื้อสีฟ้าตามปกติ แต่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยเหมือนครั้งก่อนแล้ว เขาเล่าว่า เพิ่งหายไข้มาเมื่อวานซืน (17 ต.ค.) โดยก่อนหน้านั้นนอนซมอยู่เป็นอาทิตย์ จนพวกผู้ช่วย ต้องมาพาไปหาหมอ 

“เขากลัวว่าถ้าเราเป็นไรไปจะเดือดร้อน พอออกมา เจอพยาบาลพูดไม่ดีอีก บอกว่าเป็นแค่นี้จะเอาออกมาทำไม ไม่ถึงตายหรอก ตอนนั้นพี่เก็ทเลยเดือดเลย แกบอกไปว่า สงสัยน้องผมต้องนามสกุลชินวัตรใช่มั้ย ถึงจะได้รักษา ถึงจะได้หาหมอ 

“ตอนนี้เจอปัญหา เรื่องยาในเรือนจำ คือพอไปหาหมอเราจะได้ยากลับมาไม่ครบ บางทีจะไม่ได้ยากลับมาเลยก็มี ทั้งที่หมอสั่งยามาให้ คือพอเราป่วย เราจะต้องไปลงชื่อหาหมอ พอได้วันนัดก็จะได้ไปหาหมอที่หน้าแดน หมอก็จะดูอาการ แล้วก็สั่งยาลงใบสั่งยาออกมา 

“หมอจะส่งใบสั่งยาไปที่ห้องรับยาที่หน้าแดนที่ประตูทางเข้า เจ้าหน้าที่หน้าแดน ที่เป็นผู้คุมและผู้ต้องขังที่เป็นผู้ช่วย ก็จะเอาใบสั่งยา ออกไปรับยามาจากข้างนอก  รับมาทีละหลายถุงพร้อมกันทุกคน แล้วเอามาแจกที่ด้านในทีเดียว ผู้ต้องขังที่เป็นผู้ช่วยก็จะเอายามาแจกให้แต่ละคนแต่พอเราได้รับ ปรากฏว่ายาหาย ยาไม่ครบ คนอื่น ๆ ก็เป็นกัน

“ยาของผมเคยหาย อย่างหมอเขียนมาว่ามียาแก้แพ้อากาศด้วย แต่พอได้ถุงยามากลับไม่มี” 

อาร์มบอกว่าต้องการให้มีการตรวจสอบเรื่องยาหายในเรือนจำ

“อยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ พอยามันหาย ยาหายาก ยาไม่พอ มันก็เกิดการซื้อขายกันในเรือนจำ เราก็ไม่รู้ว่าเขาแอบเอาไป เพื่อเอาไปขายมั้ย ไม่มีหลักฐาน แต่ที่แน่ ๆ มันหายกันเยอะ กับเรื่องยาพาราฯ ก็ไม่รู้ว่าจะกั๊กไว้ทำไม ขอยาก ผู้ต้องขังข้างในก็เยอะแยะ ยาไม่พออยู่แล้ว กว่าจะได้เจอหมอทีนึงก็ยาก พอเจอหมอ ยาก็มาหายอีก 

“บางคนป่วยหนักก็ไม่มียา อันที่จริง พวกยาทั่วไปนี่ควรมีแจกเยอะ ๆ เลย ไม่ต้องรอไปหาหมอ”

ต้อมทิ้งท้ายว่า เขาอยากกลับบ้านและไม่ได้ไปงานลอยกระทงมา 2 ปีแล้ว เพราะปีก่อนก็อยู่ในเรือนจำและปีใหม่ปีที่แล้วก็อยู่ในเรือนจำเช่นกัน 

“ผมเกิดวันที่ 9 ธันวา ปีที่แล้วก็อยู่ในเรือนจำ ไม่รู้ปีนี้จะได้ออกไปฉลองข้างนอกมั้ย ผมวางแผนไว้แล้วนะว่าถ้าได้ออกไป ช่วงวันที่ 9 ธันวา ผมจะไปเขาใหญ่ ไปเที่ยวด้วย ไปทำงานด้วย ช่วงนั้นมันจะมีคอนเสิร์ตพอดี พวกบิ๊กเมาท์เท้น ผมก็ไปเช่าเสื้อวินมาตัวละสองพัน เอามาวิ่งรับคน ผมเคยไปตอนปี 63 ตอนนั้นไปกับเพื่อนหลายคน ได้กลับมากันคนละเป็นหมื่นเลยนะ  แต่ปี 65 ก็ติดคุก ก็เลยไม่ได้ไป” 

ปัจจุบัน ต้อมถูกคุมขังมาแล้ว 55 วัน  

.

อาร์ม วัชรพล: ห่วงแม่ที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัดตา

อาร์มนั่งรอในห้องเยี่ยมด้วยท่าทางนิ่ง ๆ ยิ้มเล็กน้อย สวมชุดสีฟ้าตามปกติ และยังคงใส่หน้ากากอนามัย

เขาบอกว่าช่วงนี้สบายดี ปกติ มีไอเล็กน้อย กับมีเสมหะบ้าง ได้เล่นกีฬาตามปกติ แต่แปปเดียวก็เหนื่อยแล้ว 

“ตอนเด็กเคยเป็นโรคหอบ พอเหนื่อยแล้วเหมือนจะอ้วก เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ก็พยายามออกกำลังกายเท่าที่ไหว ทุก ๆ วัน” 

อาร์มเล่าว่า พ่อเพิ่งมาเยี่ยมไปเมื่อวันจันทร์ (16 ต.ค.) และบอกให้ใส่ชื่อเยี่ยมเพิ่ม ซึ่งอาร์มได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ส่วนแม่ได้เยี่ยมเขาผ่านไลน์และบอกว่าอาทิตย์หน้าจะไปผ่าตัดตาแล้ว โดยเป็นการผ่าเลนส์ตาดำ 

“แม่บอกว่ามันไม่ไหวแล้วเจ็บมาก ต้องรักษา เรื่องผ่าตัดไม่กังวลเท่าไหร่ แม่น่าจะใช้สิทธิประกันสังคม แต่ห่วงเรื่องสุขภาพร่างกายมากกว่า กลัวแกล้มอีก กลัวว่าพ่อจะไม่อยู่บ้านเหมือนรอบที่แล้ว แม่ผมอายุ 53 แล้ว พ่อก็ใกล้ ๆ กันแต่เด็กกว่าแม่

“แม่รอแค่ผมออกจากคุกอย่างเดียว ตอนนี้ก็เก็บเงินรอ จะกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ผมกังวล (หน้าซึม) อยู่ข้างในนี้มันก็เปลืองตังค์พ่อแม่ด้วย เขาก็ต้องส่งเงินมาช่วยเราอีก แทนที่เขาจะได้เก็บตังค์ไปอยู่บ้าน ได้ไปใช้ชีวิตพักผ่อนกัน”

ปัจจุบัน อาร์มถูกคุมขังมาแล้ว 55 วัน

.

ไพฑูรย์: นอนหลับตั้งแต่บ่าย 2 และตื่นอีกทีกลางดึก 

ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ไพฑูรย์แจ้งว่าอาการป่วยดีขึ้นมากแล้ว ที่ผ่านมาได้กินยาไปชุดหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้กินอีก เขาบอกว่าช่วงนี้รู้สึกเริ่มปรับตัวกับข้างในได้แล้ว แต่ก็ต้องรอดูว่าหลังจากย้ายแดนแล้วจะเป็นยังไง

ไพฑูรย์เล่าว่าช่วงนี้นอนกลางวันบ่อย พอเจ้าหน้าที่ให้ขึ้นเรือนนอนตอนประมาณบ่ายสองก็นอนเลย แล้วก็ตื่นอีกทีค่ำ ๆ แล้วก็จะไปหลับอีกทีตอนดึก ๆ 

เขาพูดถึงการถูกจำแนกแดนมาหลายครั้ง แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ถูกจำแนกแดน ไพฑูรย์บอกว่าฟังรีวิวจากคนข้างในมาบ้าง ทำให้ไม่ค่อยอยากไปแดน 3 เพราะน่าจะเคร่งมาก 

“ส่วนนักโทษใหม่ที่ทำผิดครั้งแรกส่วนใหญ่จะโดนจำแนกไปอยู่แดน 1 ไม่ก็แดน 4”

สำหรับสิ่งที่เขาทำในช่วงนี้คือการเล่นตะกร้อ “วันก่อนใส่แตะเล่นแล้วมีแผลถลอกนิดหน่อย รุ่นพี่เลยหารองเท้าผ้าใบเก่ามาให้ยืม รองเท้าก็มีรู แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้ใส่”

ไพฑูรย์ยังบอกว่าเนื่องจากเขามีพี่ในบ้านนนทบุรี ทำงานร้านค้าในแดน เวลามีอะไรอยากได้ที่มีในร้านก็จะได้รับเลยไม่ต้องรอ เพราะคนที่รู้จักจะเอาของมาให้

สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีในเรือนจำ เช่น การเรียนหนังสือ ไพฑูรย์บอกว่าตนเองไม่ได้คิดเรื่องเรียนมานานมากแล้ว 

“ส่วนตัวก็ไม่ค่อยชอบเรียนเท่าไหร่ ทำงานอย่างเดียว ก่อนเข้ามาก็วางแผนชีวิตแค่เรื่องสร้างบ้านหรือทำฟาร์มไว้ แต่ก็คิดว่าน่าจะถูกศาลตัดสินให้มาอยู่ตรงนี้สักพัก เลยยังไม่ได้วางแผนอะไรไว้จริงจัง แต่ก็ไม่คิดว่าศาลตัดสินหนักขนาดนี้”

ปัจจุบัน ไพฑูรย์ถูกคุมขังมาแล้ว 40 วัน 

.

ดั๊ก สุขสันต์: ใกล้หายป่วย ยังสนใจอยากเรียนหนังสือในเรือนจำ

วันนี้สุขสันต์หน้าค่อนข้างแจ่มใส กลับมายิ้มและหัวเราะได้บ้าง ไม่ดูซึมเหมือนครั้งก่อน ๆ สุขสันต์บอกว่าที่ป่วยดีขึ้นมาก 

“ใกล้หายแล้วครับ หายพร้อม ๆ กันกับคนทั้งแดน ตอนป่วยก็ป่วยพร้อมกัน หายก็หายพร้อมกัน แต่ตอนนี้ในเรือนนอนมีคนนึงเป็นไข้ ไม่รู้จะวนกลับมาป่วยอีกมั้ย”

สุขสันต์บอกว่าช่วงนี้กลับไปเหมือนช่วงแรก ๆ ที่มีไอ เจ็บคอบ้าง แต่เป็นเฉพาะตอนขึ้นเรือนนอน คิดว่าน่าจะเพราะฝุ่นเยอะ เพราะพอลงแดนก็ไม่มีอาการอะไร นอกจากสุขภาพกำลังจะดีขึ้นแล้ว เขาบอกว่าช่วงนี้เขายังคงฝันอยู่บ้าง ‘ฝันว่าได้ออกไปข้างนอกอยู่บ่อย ๆ’ แม้ว่าจะพยายามไม่คิดมาก ไม่คิดอะไร เพราะเริ่มปลงแล้ว

เช่นเดียวกับไพฑูรย์ เขาบอกว่าตอนนี้เขาออกกำลังกายโดยการเล่นตะกร้อ นอกจากนั้นยังมีอ่านหนังสือบ้าง “ช่วงนี้อ่านนิยายสืบสวนสอบสวน” เขาว่า

นอกจากนี้ สุขสันต์บอกว่าเขายังสนใจการเรียนอยู่ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากเรียนอะไร อยากลองดูหลาย ๆ อย่างก่อนว่าจะชอบแบบไหน 

“ที่ผ่านมาก็ครูพักลักจำเอา ตอนอยู่บ้านก็ฝึกซ่อมนู้นนี่เอง รื้อออกมาเอง แต่พอประกอบกลับไม่ได้ก็ค่อยเอาไปให้ช่างซ่อม แต่ถ้าจะเรียนต่อข้างในนี้ต้องรอจำแนกแดนก่อน” 

ปัจจุบัน ดั๊กถูกคุมขังมาแล้ว 40 วัน 

X