เสียงที่ถูก(ขัง)ลืม
วันที่ 9 พ.ค. 2566 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทนายความเดินทางเข้าเยี่ยม “กฤษณะ” ผู้ต้องขังคดีสิ้นสุดแล้ววัย 37 ปี จากกรณีแจกใบปลิว-ขายเสื้อมีโลโก้สหพันธรัฐไท ซึ่งได้ถูกศาลฎีกาพิพากษาว่ามีความผิดในข้อหาเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ให้จำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา
กฤษณะถูกคุมขังมาตั้งแต่วันฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา คือวันที่ 30 พ.ย. 2565 จนถึงปัจจุบัน จวนจะครบครึ่งปีแล้ว ก่อนถูกดำเนินคดีนี้ เขาเคยทำงานเป็นพนักงานขับรถ แต่ก็ตกงานหลังถูกดำเนินคดี และกลายเป็นคนว่างงาน โดยเขาพยายามดิ้นรนหารายได้ ทั้งการทำช่องยูทูป และธุรกิจออนไลน์ขายข้าวสาร แต่ก็เป็นไปอย่างยากลำบาก รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากการถูกให้ติดกำไล EM ทำให้หางานใหม่ได้ยากเย็น หลังคดีสิ้นสุด เขาเดินหน้ารับโทษตามคำพิพากษาศาล
เมื่อยกหูโทรศัพท์เพื่อพูดคุย กฤษณะสอบถามถึงสถานการณ์การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงทันที เขาอยากทราบความเป็นไปทางการเมืองในประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายนอก ซึ่งคนข้างในไม่ค่อยได้รับข้อมูลข่าวสาร
กฤษณะบอกว่าตอนนี้ เขาได้ช่วยงานที่ร้านค้าในเรือนจำ คอยเช็คและจัดส่งสินค้าให้ผู้ต้องหาในแดน และยังพยายามฝึกภาษาอังกฤษ ผ่านการอ่านหนังสือเกี่ยวกับสำนวน/วลีในภาษาอังกฤษ
เขาเล่าว่าพยายามใช้ชีวิตไปวันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ ไม่ได้คิดอะไรไปไกลมาก แต่ในสถานการณ์ทางการเมืองที่ดำเนินอยู่ เขาก็คาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล จากผู้มีอำนาจเดิมที่กุมอำนาจจากการรัฐประหาร ไปเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนโดยชอบธรรม แม้เขาจะไม่สามารถออกไปเป็นหนึ่งเสียงเพื่อการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ตาม
“ช่วงนี้เวลามันผ่านไปช้า ไม่รู้ว่าเพราะลุ้นกับการเลือกตั้งมากไปรึเปล่า (หัวเราะ) ผมยังมีความหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งผลดีต่อผู้ต้องขังทางการเมืองอยู่นะ” กฤษณะบอก
Q: รู้สึกอย่างไรกับการเลือกตั้ง ที่ไม่สามารถจะได้ไปเลือกตั้งได้
A: (หัวเราะ) รู้สึกผิดหวัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คงลุ้นให้คนข้างนอกเลือกพรรคฝั่งประชาธิปไตยเยอะๆ ขอฝากความหวังไว้ที่คนข้างนอกเลย ถ้าได้รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ผมก็คงมีความสุขขึ้นมาบ้าง จากนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ ว่าจะจัดการผู้ต้องขังทางการเมืองอย่างไร”
Q: หากมีโอกาสได้พูดคุยกับ “ว่าที่ผู้นำประเทศ” (แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี) อยากจะพูดหรือถามคำถามอะไร
A: ไม่ได้อยากฝากอะไรถึงใครเป็นพิเศษ แต่อยากฝากบอกแคนดิเดตทุกคนว่า ถ้าได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ควรทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากกว่าที่เป็นอยู่ แก้กฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญที่ขัดกับหลักประชาธิปไตย และควรยุติการดำเนินคดีนักโทษทางการเมืองได้แล้ว
Q: “ผู้นำในดวงใจ” ต้องมีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง
A: ต้องกล้าตัดสินใจ มีความเป็นผู้นำ มีความคิดก้าวหน้า เอาหลักๆ 3 ข้อนี้ได้ก็พอแล้วครับ (ยิ้ม)
Q: เสนอนโยบายของตัวเองให้พรรคการเมืองนำไปพิจารณาและผลักดันให้เกิดขึ้น
A: ต้องแก้รัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อยกเลิก ส.ว. 250 คน อย่างเร่งด่วน แล้วก็แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและหนี้สินของประเทศ เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้ทัดเทียมกับอารยประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
Q: ปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนในรัฐบาลหน้า
A: รัฐธรรมนูญครับ เพราะมันเป็นโครงสร้างในการบริหารประเทศ ผมหวังว่าถ้าได้เปลี่ยนรัฐบาลที่มีความเป็นประชาธิปไตย นักสู้หลายคนคงหลุดคดี เพราะสิ่งที่พวกเราทำคือการต่อสู้กับเผด็จการ
ย้อนอ่านเรื่องราวของกฤษณะ
“กฤษณะ” จำเลยคดีสหพันธรัฐไท ผู้ต้องใส่ EM มากว่า 4 ปีแล้ว นานที่สุดตั้งแต่มีรัฐประหาร 57