บันทึกเยี่ยม 8 ผู้ต้องขังทางการเมือง: มีความหวังกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ลุ้นให้สำเร็จ

ระหว่างวันที่ 20-24 พ.ย. 2566 ทนายความได้เข้าเยี่ยม 8 ผู้ต้องขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้แก่ “เอ” กฤษณะ, “มาย” ชัยพร, “ธี” ถิรนัย, “มาร์ค” ชนะดล, “บุ๊ค” ธนายุทธ และสุดใจ รวมถึงผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม ได้แก่ ไพฑูรย์และสุขสันต์ ผู้ต้องขังส่วนใหญ่ยังคงมีสุขภาพแข็งแรงแม้ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามีลมหนาวเล็กน้อย แต่ก็มีบางคนรู้สึกป่วยจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงดังกล่าว

หลาย ๆ คนถามไถ่ถึงความคืบหน้าของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และเมื่อพวกเขาทราบว่าได้มีการเปิดตัว พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับประชาชน ก็รู้สึกยินดีและเอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จ
.

“เอ” กฤษณะ: ฉลองวันเกิดในเรือนจำเป็นปีแรก 

“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังค่ะพี่เอ” ทนายทักทายตั้งแต่เขายกหูโทรศัพท์ขึ้น เอยิ้มตาหยี ผมถูกตัดสั้นเกรียนแบบผู้ต้องขังทั่วไป เอยืนคุยกับทนายตลอดชั่วโมง โดยบอกว่าเก้าอี้ทรงกลมในห้องเยี่ยมฝั่งผู้ต้องขังมันไม่ตรงกับโทรศัพท์ เขาจึงคิดว่ายืนคุยน่าจะสะดวกกว่า ทนายถามว่า เมื่อวันเกิดได้อาหารที่คนข้างนอกสั่งมาให้ฉลองมั้ย พี่เอตอบว่า

“ได้ครับ วันศุกร์ที่แล้วก็ได้กินเค้กกับคนในร้าน 5-6 คน มีมาย มีบุ๊ค ขอบคุณมากครับ กินกันจนอิ่มเลย แม้ว่าวันเกิดปีนี้จะแตกต่างจากข้างนอก เพราะข้างในมันไม่น่าพิสมัยนัก แต่อย่างน้อยก็ยังมีมิตรภาพดี ๆ” ทนายถามต่อว่า ปกติอยู่ข้างนอก พี่เอจะทำอะไร เขาตอบว่า “สังสรรค์กับเพื่อน”

“วันเกิดครบรอบ 38 ปี ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ใช้ชีวิตไปวัน ๆ หวังให้มันผ่านไปเร็ว ๆ ทุกวัน โชคดีที่มีภารกิจหน้าที่ที่ทำให้ผ่านไปเร็วขึ้น ก็คือการทำงานในร้านค้าสงเคราะห์ แก่ขึ้นอีกปีละ ก็พยายามตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ให้ชีวิต ตอนนี้ก็มีเป้าหมายอยากออกไปทำธุรกิจเป็นกิจจะลักษณะ ออกไปค้าขาย

“พรวันเกิดที่อยากจะขอ ก็อยากขอให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชาชนอยู่ดีกินดี มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี และมีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต” 

ทนายถามต่อว่า ถ้าขอพรให้ตัวเองได้ 1 ข้อ อยากขออะไร

“ก็ขอให้ได้ออกจากที่นี่ อยากได้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มันมีความสำคัญตรงที่ คดีที่เราถูกตัดสินว่าผิดมันก็จะไม่มีความผิด แม้ว่าจริง ๆ แล้ว มันไม่ควรผิดกฎหมายตั้งแต่แรกก็ตาม” ทนายเล่าให้เอฟังถึงความคืบหน้าของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคก้าวไกล และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของประชาชน พร้อมภาพงานเสวนาเปิดตัว เอเห็นภาพแล้วแววตาดูสดชื่นขึ้นทันที เขาไล่อ่านสรุป พ.ร.บ.นิรโทษกรรมภาคประชาชน อย่างตั้งใจ ทนายถามว่า มีอะไรอยากเพิ่มเติมอีกไหม เอตอบว่า

“รู้สึกว่ามันครอบคลุมแล้วครับ เห็นแล้วก็มีความหวัง อยากให้มันสมหวัง (ยิ้ม) ตอนนี้คนข้างนอกคงทำหน้าที่ของเขาอยู่ ก็ขอให้ทำเต็มที่แล้วกันครับ ข้างในรออยู่ สิ้นเดือนนี้ก็ครบ 1 ปี ที่ผมถูกจำคุกแล้วครับ คิดว่าเดือนธันวาคม คงมีใบมาให้ปรับเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม”

ทนายเปลี่ยนมาคุยเรื่องสารทุกข์สุขดิบของเอบ้าง เขาตอบว่า “ข้างในอากาศเย็น เริ่มมีอาการเจ็บคอ แต่ก็พยายามดื่มน้ำร้อนประคองไว้เพื่อไม่ให้เป็นไข้ เหมือนแพ้อากาศเย็นด้วย”

“อยู่ในแดนก็เช็คสินค้าเข้าแดน เอาสินค้าไปเรียง เช็คสินค้าส่งให้ผู้ต้องขัง เช็คกับข้าวช่วงบ่าย ข่าวก็ไม่ได้ดู เห็นแค่แว้บ ๆ ข่าวการเมืองนี่แทบไม่ได้ดูเลย ผ่านไปแวบเดียว เพราะเขาไม่ให้เสพข่าว” จากนั้นพี่เอก็ถามความคืบหน้าเรื่องข้างนอก สิ่งที่เขาสนใจเป็นพิเศษคือข่าวการเมืองและการเคลื่อนไหวของมวลชน 

ก่อนจากกันทนายบอกว่าจะส่งหนังสือมาให้ เป็นหนังสือที่ศูนย์ทนายฯ ได้รับบริจาคมาจากคนข้างนอก เพื่อให้เพื่อนที่อยู่ในเรือนจำได้อ่าน เอบอกว่าจะรออ่านหนังสือที่ส่งเข้ามาอย่างใจจดใจจ่อ

กฤษณะรับโทษภายหลังศาลฎีกาพิพากษายืน ตัดสินจำคุก 3 ปี ในคดีแจกใบปลิวและขายเสื้อที่มีตราสัญลักษณ์ของกลุ่มสหพันธรัฐไท ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2565 ปัจจุบัน (27 พ.ย. 2566) เขาถูกจำคุกมาแล้ว 363 วัน
.

“มาย” ชัยพร: มีความหวังกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

มายบอกกับทนายว่า “ผมพยายามตามข่าวอยู่ตลอด ติดคุกจนสมองเบลอ จำวันไม่ได้ละ แดน 6 มันเป็นแดนคุมประพฤติอีกที ข่าวสารอะไรจะไม่ค่อยมาถึง แต่มีเพื่อนบอกว่า ที่แดน 2 มีคนโดน 112 หรือคดีการเมืองเข้ามาอีกนะพี่ ผมไม่รู้ชื่อ ฝากข้างนอกเช็คหน่อย”

เมื่อทนายเล่าเรื่องที่มีการผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมประชาชน มายบอกว่า ดีใจมาก ๆ ที่คนข้างนอกผลักดัน 

“ผมขอบคุณทุก ๆ คน ทุก ๆ องค์กรที่ช่วยกัน หากไม่มีการแก้ไขปัญหาตรงนี้ คงต้องมีนักโทษการเมือง นักโทษทางความคิดเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ตอนนี้ผมก็หวังนะว่ารัฐบาลจะเอาเรื่องนี้ไปแก้ไข ตามที่หาเสียงว่าพรรคเพื่อไทยเป็นประชาธิปไตยเคารพเสียงประชาชน ตามที่เคยหาเสียงกับประชาชน ผม ผู้ต้องขังและผู้ต้องหาคดีการเมืองคนอื่น ๆ ก็ประชาชนเช่นกัน

“เห็นหลาย ๆ อย่างที่รัฐบาลนี้แสดงออกมา ไม่ต่างจากรัฐบาลประยุทธ์เลย จริง ๆ มันแย่กว่าด้วยซ้ำ เขาทำลายความหวังประชาชน จริง ๆ ประเทศไทยไม่ต้องมีการเลือกตั้งก็ได้ ถ้าจะได้รัฐบาลที่เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจคำว่าเสียงข้างมากหรือเปล่า ไม่ต้องมีการเลือกตั้งหรอก มันเหมือนประชาธิปไตยปาหี่อะ” มายแสดงความคิดเห็น และยังแสดงความคิดเห็นเรื่องเงินดิจิตอลว่า

“เรื่องดิจิตอลวอลเล็ทสรุปกู้ไม่กู้ ก็ยังไม่ชัดเจนสักที ผมมาย้อนคิดตอนก่อนเลือกตั้งนะ หมดรัฐบาลประยุทธ์ไป รัฐบาลใหม่มาใช้หนี้ยาว ๆ เลย แต่มันก็ยังมีความหวังว่าเราจะได้รัฐบาลที่มีศักยภาพ แต่พอเพื่อไทยมาทำแบบนี้ ผมได้แต่อุทานว่า “เจริญละประเทศ” มองไม่เห็นอนาคตเลย 

มายทิ้งท้ายว่า เมื่อพูดถึงกระบวนการยุติธรรมแบบที่ตนและผู้ต้องหาทางการเมืองคนอื่น ๆ โดน มันทำให้สติหลุดได้เลย 

“การอยู่ในนี้โดยไม่ได้รับการประกัน มันบีบให้เราไม่มีทางสู้ เราไม่เห็นทางรอดเลย เพราะเราไม่มีโอกาสได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ทุกครั้งที่ศาลไม่ให้ประกัน มันทำให้เราหมดหวังจริง ๆ เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยขอบคุณศูนย์ทนายฯ และเพื่อน ๆ ที่คอยส่งข้าวมาให้มาก ๆ ผมอยู่ข้างในไม่มีอะไรจะให้ นอกจากขอบคุณมาก ๆ”

จนถึงวันที่ 27 พ.ย. 2566 ชัยพรถูกคุมขังมาแล้ว 286 วัน
.

“ธี” ถิรนัย: ย้ายมาอยู่แดน 4 ความเป็นอยู่-สภาพจิตใจ ดีขึ้น

ธีถูกย้ายมาแดน 4 แล้วหลังจากเขาเขียนคำร้องขอย้ายแดนเนื่องจากมีปัญหากับผู้ต้องขังด้วยกันบางคน วันนี้ทนายต้องเยี่ยมเขาผ่านจอภาพ ซึ่งจอภาพเสีย ภาพติด ๆ ดับ ๆ ทำให้ธีมองไม่เห็นทนาย แต่ทนายมองเห็นธี เท่าที่ดูธีมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น เครียดน้อยลง

“ได้ย้ายแดนเมื่อวันอังคาร ได้อยู่กับเก็ทกับทนายอานนท์ ไม่ได้ทำงานธุรการแล้วก็รู้สึกโล่งใจอะไรหลาย ๆอย่าง มีเวลาอ่านหนังสือ รีแลกซ์ อาทิตย์หน้าจะไปเล่นฟิตเนสกับพวกพี่อานนท์ เขาชวนตั้งแต่อาทิตย์นี้แล้วพี่ แต่ผมขอพักก่อน“

ธีเล่าให้ฟังว่าตอนเขาย้ายแดน มีผู้ต้องขังจำนวนมากมายืนส่งหน้าธุรการ

“มากันเยอะมาก 200-300 คนได้มั้ง ทุกคนก็ขอให้โชคดี บางคนก็บอกว่า จะไปทำไม ไม่อยากให้ไปเลย ก็อย่างที่บอกพี่ ผมไม่ได้มีปัญหากับคนในแดนคนอื่นเลย ยกเว้นกับคนนั้นนั่นแหละ”

ธีแสดงความเห็นเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในแต่ละแดนว่าแตกต่างกันมากในความรู้สึกของเขา

“มันคนละอย่างเลยพี่ เหมือนย้ายประเทศอะ เสียภาษีเท่ากัน แต่คุณภาพชีวิตไม่เหมือนกัน สภาพจิตใจผมก็ดีขึ้น ตอนนี้ผมเป็นห่วงพวกแดน 5 แต่คิดว่าพวกน้อง ๆ น่าจะอยู่กันได้ ก่อนออกมาก็ฝากเพื่อนในแดนช่วยดูแล้ว เขาก็รับปากว่าจะช่วย คนที่เป็นห่วงเป็นพิเศษก็คือ อารีฟ เพราะมีผมได้ย้ายคนเดียว คิดว่าน่าจะต้องใช้เวลา”

จนถึงวันที่ 27 พ.ย. 2566 ถิรนัยถูกคุมขังมาแล้ว 286 วัน

.

“มาร์ค” ชนะดล: รอฟังคำพิพากษา 7 ธ.ค. 66 หวังว่าผลจะออกมาดี

มาร์คอยู่ระหว่างการรอฟังคำพิพากษาในวันที่ 7 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ ภายหลังเขาเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพ เนื่องจากถูกคุมขังมาตลอดตั้งแต่ถูกฟ้องเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 

“ในคดีผมก็อยากขอบคุณเพื่อน ๆ ข้างนอก ขอบคุณทั้ง 13 องค์กรที่ช่วยผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมประชาชน ผมยังมีความหวังกับประชาชนเสมอ ทุกครั้งที่เห็นคนข้างนอกทำกิจกรรมให้ มันทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ผมยังมีความหวังว่าจะได้รับการประกันตัวตามสิทธิอยู่เสมอ และหากการเรียกร้องคืนสิทธิประกันได้สำเร็จก็คงดีมาก ๆ

“ไม่อยากเห็นใครต้องเข้ามาในนี้เพราะคดีการเมืองอีกแล้ว การถูกขังโดยไม่ให้สิทธิประกันตัวก็เหมือนบีบให้เราไม่มีทางเลือก เรามีทางเลือกเดียว คือ ต้องรับสารภาพให้จบ ที่ศาลสั่งว่า พฤติการณ์ร้ายแรง กลัวว่าจะหลบหนี มันก็เหมือนศาลได้ตัดสินผมไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีคำพิพากษา แต่ผมกลับไม่มีสิทธิได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มที่

“อยากให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมจริง ๆ สักที ที่ผ่านมาผมไม่เคยหลบหนีเลย ตำรวจเรียกให้ไปให้การเพิ่มเติมผมก็ไป ผมไม่รู้เลยว่าศาลเอาอะไรมาชี้วัดว่า กลัวว่าผมหรือเพื่อน ๆ หลาย ๆ คน จะหลบหนี ตอนนี้นับถอยหลังรอวันฟังคำพิพากษา ก็หวังว่าผลจะออกมาดี” 

มาร์คยังฝากขอบคุณศูนย์ทนายฯ และทุกคนที่คอยช่วยเหลือผู้ต้องขังข้างใน “ข้าวที่ได้รับมันเป็นแรงใจอย่างหนึ่งว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยว”

จนถึงวันที่ 27 พ.ย. 2566 ชนะดลถูกคุมขังมาแล้ว 258 วัน

.

ไพฑูรย์ – สุขสันต์: ป่วยไข้วนเวียนกันไปเมื่ออากาศเปลี่ยน

ไพฑูรย์บอกทนายที่เข้าเยี่ยมว่า กลับมาป่วยอีกครั้ง รู้สึกตัวรุม ๆ มีไข้ แต่ยังไม่ได้หาหมอ คิดว่าถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นค่อยเขียนขอยา กลางคืนเขาตัวร้อนมาก นอนไม่ค่อยหลับ พอทนายถามว่า ติดมาจากในแดนหรือเปล่า ไพฑูรย์ก็บอกว่า “ไม่น่านะครับ น่าจะติดมาจากคนข้าง ๆ มากกว่า” แล้วก็ชี้ไปที่สุขสันต์ เขาบอกว่า ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เลยน่าจะป่วยเพราะอากาศด้วย

ไพฑูรย์เล่าว่า เมื่อวาน (19 พ.ย. 2566) มีหมอเข้ามาเจาะเลือด เพื่อตรวจร่างกายนักโทษใหม่ ซึ่งเพิ่งถึงคิวของไพฑูรย์กับสุขสันต์ได้ตรวจ สัปดาห์ที่แล้วเจ้าหน้าที่มีแบบฟอร์มมาให้กรอกและแจ้งว่า จะมีเจาะเลือดเมื่อวาน ส่วนผลเลือดเห็นว่าถ้าไม่ป่วยก็ไม่น่ามีใครมาแจ้งอะไร คนในแดนคุยกันว่า ถ้าผลเลือดมีปัญหาเขาจะเรียกเข้าไปคุยเงียบ ๆ เอง

ไพฑูรย์บอกอีกว่า ช่วงนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเหมือนเดิม ห้องสมุดก็ปิดเสาร์อาทิตย์ ทำให้เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่มีอะไรอ่าน


“ค้นหาทั่วห้องสมุดแล้ว ไม่ค่อยเจออะไรที่อยากอ่านเลย”

ภายหลังทนายพูดคุยกับไพฑูรย์เสร็จจึงได้คุยกับสุขสันต์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต่อ สุขสันต์บอกว่า ตอนนี้ป่วยใกล้หายแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา 

“ช่วงนี้ก็ยังออกกำลังกายบ้าง มีเพื่อนในแดนทักว่า เริ่มดูมีกล้ามเนื้อขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำหนักขึ้นมั้ย แต่ก็พยายามกินนม กินไข่เรื่อย ๆ”

สุขสันต์เล่าว่า ล่าสุดไปค้นเจอนิยายผีอีกเล่มในห้องสมุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอเล่มนี้เลย เลยดีหน่อย ทำให้ช่วงนี้มีอะไรอ่านบ้าง

สุขสันต์ทิ้งท้ายว่า ช่วงนี้อากาศเย็น ๆ ทำให้คิดถึงที่บ้าน “บ้านอยู่บนเขา ตอนนี้น่าจะ 14-15 องศา”

จนถึงวันที่ 27 พ.ย. 2566 ไพฑูรย์และสุขสันต์ถูกคุมขังมาแล้ว 75 วัน

.

บุ๊ค” ธนายุทธ: อยากให้เรือนจำเปลี่ยนยี่ห้อยาพาราและยาอม

บุ๊คทักทายกับทนายและบอกว่า ตอนนี้ข้างในหนาวแล้วมีไข้หวัดใหญ่ระบาด “มันติดกันง่ายมาก ๆ ในห้องก็ติดกันหมด ลามไม่หยุด ผมกับมายคุยกันว่า อยากทำคำร้องขอให้ทางเรือนจำนำยาอมแก้เจ็บคอยี่ห้อสเตปซิลมาขาย เนื่องจากยาอมที่มีขายอยู่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ยาที่เรือนจำแจกก็ไม่ได้ผล แต่ตรงนี้ไม่รู้ว่าต้องทำคำร้องยังไง และทางทนายจะช่วยได้มั้ย”

บุ๊คยังได้ลงชื่อหาหมอไว้ด้วยโดยบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบาย “ผมคิดว่ายาที่เรือนจำแจกแทบจะไม่ได้ผล อย่างเช่น ยาพารา คิดว่ายี่ห้อที่แจกไม่ได้คุณภาพ ตอนที่ผมป่วย ผมกินยาที่แจกหายช้ามาก ๆ เปรียบเทียบกับยาพาราอีกยี่ห้อที่ผมได้รับจากเพื่อนผู้ต้องขัง มันต่างกันมาก ๆ แม้จะโดสเท่ากัน อยากให้ทางเรือนจำแจกยาที่มีคุณภาพเพื่อลดการแพร่ระบาด ผมว่าตรงนี้น่าจะแก้ไขได้ไม่ยาก” 

เขาทิ้งท้ายด้วยการขอบคุณเพื่อน ๆ ที่คอยติดตามข่าวและส่งกำลังใจมาตลอด พร้อมทั้งขอบคุณทนายทุกคนที่คอยติดตามคดี

จนถึงวันที่ 27 พ.ย. 2566 ธนายุทธถูกคุมขังมาแล้ว 67 วัน 

.

สุดใจ: กำลังศึกษาเรื่องการพักโทษ-ลดโทษ

สุดใจนั่งรอทนายเข้าเยี่ยมตรงม้านั่ง เมื่อเห็นทนายจึงยิ้มกว้าง ทนายกล่าวทักทายถามไถ่ สุดใจมีท่าทางผ่อนคลายบอกทนายว่า สบายดี อยู่ข้างในปรับตัวได้ ไม่เครียด สุดใจบอกว่า น้องสาวยังไม่สามารถมาเยี่ยมได้ แต่ยื่นชื่อไปแล้ว โดยทางเรือนจำแจ้งว่า ชื่อจะอัพเข้าระบบจริง ๆ ช่วงสิ้นเดือนนี้ 

“ตอนนี้คิดถึงชีวิตข้างนอก เวลาได้ยินข่าวว่ามีคนไปยื่นหนังสือก็อยากไปด้วย อยากไปสู้ด้วยกันกับพี่น้องข้างนอก ปกติถ้าวันหยุดหรือเลิกงานแล้วมีกิจกรรม ผมก็จะไปทุกครั้ง”

ทนายเล่าข้อมูลที่สุดใจฝากถามเรื่องการพักโทษและลดโทษให้ฟัง โดยกรณีของสุดใจต้องเป็นนักโทษชั้นดีก่อน ตอนนี้สุดใจอยู่ในชั้นกลาง ต้องจำคุกอย่างน้อย 4 เดือน จึงจะเลื่อนขั้นเป็นชั้นดี รวมถึงต้องรับโทษแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง จึงจะมีสิทธิยื่นขอพักโทษ

ทนายอัพเดตข่าวว่า ตอนนี้มีเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนยกร่าง พ.ร.บ นิรโทษกรรม ของภาคประชาชนออกมาแล้ว ซึ่งมีรายละเอียดคร่าว ๆ ว่า นิรโทษกรรมคดีทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 ในหลายข้อหาให้กับทุกฝ่ายทันที แต่ยกเว้นเจ้าหน้าที่รัฐ คนล้มล้างการปกครอง และมีการจัดงานเสวนา “ก้าวแรกอย่างไรในการแก้ไขปัญหาคดีการเมือง” สุดใจมีท่าทีสนใจเมื่อพูดถึงประเด็นนี้ สุดใจบอกว่า ข้างในมีการพูดคุยกันถึง พ.ร.บ.ล้างมลทิน กับเรื่องอภัยโทษ ทำให้อยากรู้เรื่องด้วย  

ทนายถามถึงความเป็นอยู่ข้างใน สุดใจเล่าว่า ทำแต่กิจวัตรเดิม ๆ ทำให้รู้สึกเบื่ออยู่บ้าง 

“เช้ามาสวดมนต์และออกกำลังกาย ตอนเย็นไม่ได้ทำอะไร ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ ระหว่างวันก็คุยกับสุริยากับสรศักดิ์ เพื่อนผู้ต้องขังที่สุดใจได้เจอในเรือนจำ เกี่ยวกับเรื่องนิรโทษกรรม มีคุยกันว่า ทักษิณจะเป็นตัวชี้วัดว่าจะมี พ.ร.บ. นิรโทษกรรมมั้ย กับเรื่อง พ.ร.บ ล้างมลทิน ที่มีข่าวมาจากแดน 8 กับแดน 6 ว่า วันที่ 5 ธ.ค. หรือ 28 ก.ค. (2567) อาจจะมีความคืบหน้า” 

ส่วนเรื่องอาหาร ทั้ง 3 คน คือ สุดใจ สุริยา และสรศักดิ์ ได้รับอยู่คนละชุด ฝากขอบคุณคนที่ช่วยจัดการให้มาก ๆ 

สุดใจบอกว่าสภาพจิตใจโอเค มีเบื่อบ้าง แต่อยู่ได้ ฝากบอกคนข้างนอกว่า 

“ไม่ต้องเป็นห่วง สบายดี สู้ต่อไปคนข้างนอก”

จนถึงวันที่ 27 พ.ย. 2566 สุดใจถูกคุมขังมาแล้ว 47 วัน

.

X