บันทึกเยี่ยม 7 ผู้ต้องขังคดี ‘112’: ขอบคุณทุกความหวังดี คนข้างในได้รับกำลังใจนั้นมาแล้ว

สัปดาห์กลางเดือนมีนาคม 2567 ทนายเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีมาตรา ‘112’ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมี “บูม” จิรวัฒน์ ที่ขณะนี้ทำงานอยู่ในร้านค้าของแดน บอกเล่าความรู้สึกที่อยากออกไปอยู่ตลอด และเห็นถึงปลายทางของการรับโทษว่าจะจบลงตอนไหน “ก้อง” อุกฤษฏ์ อัปเดตว่าในแดนที่เขาถูกคุมขังอยู่ยังมีกิจกรรมยืนหยุดขังทุกวัน วันละ 1 ชั่วโมง 12 นาที พร้อมยังหาหนทางสร้างกิจกรรมอื่น ๆ อีก 

และ “แม็กกี้” ที่เพิ่งถูกศาลตัดสินให้จำคุก 50 ปี ก่อนลดเหลือ 25 ปี ซึ่งกำลังจะถูกย้ายที่คุมขังไปเรือนจำกลางคลองเปรม ก็ระบายถึงภาวะเครียดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการถูกพรากเวลา พรากหลายสิ่งอย่างในชีวิตไป ขณะที่ “ไบรท์” ที่เพิ่งมีทนายเข้าไปเยี่ยมก็ระบายความรู้สึกถึงภาระครอบครัวในระหว่างที่เขาต้องถูกคุมขัง และฝากบอกครอบครัวให้มาเจอเขาด้วยหากมีนัดออกศาล

ทนายยังเข้าเยี่ยมที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดย “น้ำ” วารุณี ฝากกำลังใจถึงคนที่กำลังต่อสู้อยู่ ว่าทำให้คนที่ถูกคุมขังข้างในไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

ส่วนที่สถานพินิจฯ บ้านเมตตา “ภูมิ” ยังคงเฝ้ารอการรักษาอาการไหล่หลุด ทำให้ระหว่างนี้ภูมิยังคงฝึกอาชีพและร่วมกิจกรรมอะไรไม่ได้ เพราะลำพังใช้ชีวิตก็ลำบากพอสมควรแล้ว 

และที่เรือนจำนราธิวาส “อุดม” เล่าถึงช่วงถือศีลอดของคนมุสิม ทำให้กิจกรรมในเรือนจำถูกงด และฝากขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความหวังดีของคนข้างนอก

.

บูม: เห็นปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ว่าจะจบลงเมื่อไร

12 มี.ค. 2567 เสียงทักทายทนายของบูมสดใสดี แต่ดูรีบ ๆ เหนื่อย ๆ เมื่อถามทนายเลยรู้ว่า เขากำลังทำงานเติมของที่ร้านค้าของแดนอยู่ ช่วงนี้ผู้ต้องขังถูกปล่อยไปหลายคน คนทำงานน้อยลง งานที่ร้านค้าก็เลยยุ่งขึ้นด้วย ไฟที่เรือนจำก็ดับบ่อยมาก ดับทีเป็นชั่วโมงโดยไม่ทราบสาเหตุ

บูมเล่าถึงสุขภาพว่า ตอนนี้แข็งแรงดี ยังเป็นหิดอยู่ แต่ดูเหมือนใกล้จะหายแล้ว กับความรู้สึกส่วนตัวตอนนี้ก็อยากออกไปอยู่ตลอด คิดถึงลูก อยากกินอาหารดี ๆ นอนดี ๆ “แต่ยังไงผมก็เห็นปลายทางของการเดินทางนี้เหมือนกันว่า มันจะจบลงเมื่อไร แล้วตอนนี้ก็ทำใจได้แล้วด้วย” 

จนถึงปัจจุบัน (21 มี.ค. 2567) จิรวัฒน์ถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 107 วัน

ย้อนดูคดีของจิรวัฒน์

.  

ก้อง: ในเรือนจำยังมีการยืนหยุดขัง 1:12 ชั่วโมง   

13 มี.ค. 2567 ทนายเข้าเยี่ยมและอัพเดตข่าวการเมืองกับก้อง จากนั้นก้องก็เล่าถึงสถานการณ์ในเรือนจำว่า ตอนนี้ที่แดน 3 และแดน 4 มีการยืนหยุดขังเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที และที่แดน 4 ก็ยังมีกิจกรรมเขียนจดหมายถึงกระทรวงยุติธรรม เพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องขังด้วย 

ส่วนตัวก้องเองก็จะส่งจดหมายเกี่ยวกับเรื่องนิรโทษกรรมให้แอมแนสตี้ในวันที่ 18 มี.ค. 2567 ถ้าจดหมายออกไปได้ น่าจะถึงประมาณช่วงต้นเดือนเมษายน 

จนถึงปัจจุบัน (21 มี.ค. 2567) ก้องถูกคุมขังระหว่างต่อสู้คดีชั้นฎีกามาแล้ว 38 วัน

ย้อนดูคดีของก้อง

.

น้ำ: ดีใจที่ยังมีคนเคลื่อนไหวให้กำลังใจ-ค้านฝากขัง “ตะวัน-แฟรงค์” พร้อมฝากให้กำลังใจ “แม็กกี้”

14 มี.ค. 2567 น้ำพูดคุยกับทนายผ่านโทรศัพท์ โดยอัพเดตเรื่องสุขภาพว่า ไม่มีอาการเจ็บป่วยอะไร สภาพจิตใจก็ปกติดี อยู่ในนี้ได้ช่วยงานพยาบาล จัดยา และดูแลคนป่วย 

“ตอนนี้ใจพะวงอยู่แต่กับเรื่องอุทธรณ์ ยื่นอุทธรณ์ไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เขาขอขยาย 4 ครั้ง ถึงศาลอุทธรณ์จริง ๆ เมื่อ 4 ธันวาคม คือมันก็นานมากจริง ๆ” 

ทนายอัพเดตอาการตะวันและแฟรงค์ให้น้ำฟัง และเปิดรูปภาพที่คนข้างนอกยังจัดกิจกรรมส่งกำลังใจให้ทั้งสอง รวมทั้งมีผู้ใหญ่ในสังคมเช่น “ป้ามล” ทิชา ณ นคร, สุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ, อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ และนิสิตจุฬาฯ ไปยื่นคัดค้านการฝากขัง น้ำดูรูปภาพแล้วยิ้มน้อย ๆ บอกว่าดีใจที่ยังมีคนเคลื่อนไหวอยู่

ทนายแจ้งข้อความที่แม็กกี้ฝากมาให้น้ำ น้ำยิ้มแววตาตื่นเต้น แต่เมื่อทนายอัพเดตข่าวที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ตัดสินโทษของแม็กกี้มา 50 ปี ลดเหลือ 25 ปี น้ำมีท่าทีตกใจมากก่อนอุทานว่า “โทษเท่ากับฆ่าคนตายเลย แค่การโพสต์ทวิต”

น้ำฝากบอกแม็กกี้ว่า “กอด ๆ อย่าไปคิดถึงเรื่องตัวเลขจำคุก พยายามทำตัวให้ดี พยายามอย่าโดนวินัย ตัวเลขอาจดูแย่แต่ติดจริงอาจไม่ถึง”

สุดท้ายน้ำฝากขอบคุณทนายและทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องกับคดีทางการเมือง ที่ยังคงอยู่ตรงนี้และช่วยจัดการทุกอย่าง มันทำให้คนข้างในไม่โดดเดี่ยว

จนถึงปัจจุบัน (21 มี.ค. 2567) น้ำถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 268 วัน

ย้อนดูคดีของน้ำ

.

แม็กกี้: สิ่งที่พบเจอ มันโหดร้ายมาก มันพรากเวลา พรากทุกอย่างไปหมดเลย

19 มี.ค. 2567 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทนายเยี่ยมแม็กกี้ผ่านการคุยโทรศัพท์ เพราะยังไม่ครบกำหนดกักตัว 5 วัน หลังออกศาล แม็กกี้เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการพูดถึงการย้ายไปที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากโทษจำคุกของแม็กกี้สูงถึง 25 ปี

“ตอนแรกหนูคิดว่า เขาจะส่งหนูไปแล้ว วันศุกร์ที่ผ่านมามีเอกสารส่งเข้ามาในแดน หนูตกใจมาก แบบเขาจะเอาออกไปเลยเหรอ แต่ดูชื่อแล้วไม่ใช่ชื่อหนู เป็นของอีกคน หนูก็ดีใจนิดนึง แบบรอดไปอีกวัน”

 แม็กกี้เล่าย้อนไปวันที่ฟังคำพิพากษาว่า “ตอนรู้โทษที่ศาลตัดสินหนูตกใจมาก โทษลงมาสูงมาก คนในห้องก็ตกใจ หนูว่ามันเกินไป คิดไปว่าจะอยู่ยังไง 25 ปี ตอนนี้หนูอายุ 26 มันคือทั้งชีวิตที่หนูอยู่มาเลย พอหนูออกไปหนูจะอายุเท่าไหร่ แบบมันรู้สึกแย่มาก มันเศร้า ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไง

“ก่อนที่จะออกศาล มีการตรวจสุขภาพ เค้ามีให้ติ๊ก หนูติ๊กช่องที่มีความเครียดทุกช่องเลย คือหนูเครียดมาก เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าหนูเครียดขนาดนั้นเลยหรอ หนูบอกไปว่าหนูเครียดมาก ถ้าไม่มาเป็นหนูก็คงไม่รู้”

หลังกลับจากศาล เจ้าหน้าที่ย้ายแม็กกี้ไปนอนหน้ากล้องวงจรปิดและเรียกเข้าไปคุยส่วนตัว โดยพูดให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่เองก็ตกใจที่ตัดสินโทษมาสูงขนาดนี้ พร้อมทั้งบอกว่า ไปที่โน่นก็ให้ดูแลตัวเอง พยายามคิดบวก “แต่หนูก็ยังพะวงอยู่ ไม่รู้ว่าจะต้องไปอยู่แดนไหน ไม่รู้ว่าจะต้องเจอผู้คนแบบไหน อยู่ที่นี่มา 5 เดือน หนูรู้สึกว่าหนูปรับตัวได้ รู้สึกชินกับวัฒนธรรมที่นี่แล้ว แม้จะเป็นที่ที่ไม่อยากคิดถึงตั้งแต่แรก  

“หนูคิดถึงเพื่อน คิดถึงหลายหลายอย่างที่นี่ หนูพยายามคิดในแง่ดีว่า ที่โน่นก็อาจไม่มีอะไร หนูอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่หนูไม่อยากย้าย ไม่อยากไป”

แม็กกี้ระบายต่อไปว่า “ช่วงนี้ไม่ได้แต่งหน้าเลย งดไปก่อน มันรู้สึกหดหู่ใจ ไม่มีอารมณ์แต่งตัว ไม่มีอารมณ์ทำอะไร หนูเหนื่อย ตอนนี้เก็บของ นับวันรอว่าต้องไปคลองเปรมแล้ว ข้าวของส่วนตัวให้เอาไปได้” 

ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า “หนูคิดถึงชีวิตข้างนอก มันไม่ยุติธรรมกับหนู หนูไม่ได้ทำผิดร้ายแรง ไม่ได้โกง ไม่ได้ไปฆ่าใคร แค่เผยแพร่โพสต์วิจารณ์ในโซเชียล สิ่งที่พบเจอมันโหดร้ายมาก มันพรากเวลา พรากทุกอย่างไปจากหนูหมดเลย”

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2567 ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุกแม็กกี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 รวม 50 ปี เนื่องจากรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 25 ปี ไม่รอลงอาญา จากการทวีต 18 ข้อความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ถึงตุลาคม 2566 แม็กกี้กำลังถูกย้ายที่คุมขังจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังที่มีโทษเกิน 15 ปี 

จนถึงปัจจุบัน (21 มี.ค. 2567) แม็กกี้ถูกคุมขังมาตั้งแต่ถูกจับกุมรวมแล้ว 152 วัน

ย้อนดูคดีของแม็กกี้

.

ภูมิ: ยังหวังว่าศาลจะเห็นใจเปลี่ยนแปลงคำสั่งที่ให้ฝึกอาชีพที่สถานพินิจฯ เพราะผมบาดเจ็บจริง ๆ 

18 มี.ค. 2567 ที่สถานพินิจฯ บ้านเมตตา ภูมิสวมเสื้อสีน้ำเงิน ปกเสื้อสีเขียวอ่อน หน้าอกซ้ายมีเลข 13 หน้าตาดูสดใสกว่าครั้งก่อนที่ที่ปรึกษากฎหมายเข้าเยี่ยม แขนข้างขวายังคงใส่ที่ดามแขนไว้ ผ้าสีขาวที่คล้องแขนดูสะอาดกว่าครั้งก่อน แม้จะมีรอยเปื้อนคราบเหงื่อไคลอยู่ ภูมิบอกว่า ไม่ได้ออกไปไหนเลย อยู่บนหอกักตัวอย่างเดียว 

ภูมิเล่าถึงการใช้ชีวิตประจำวันที่ลำบากเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ไหล่ขวาว่า “น้ำหนักลดลงไปมาก จากแต่เดิมหนัก 90 กว่ากิโลกรัม ปัจจุบันหนัก 75 กิโลกรัม กินอาหารได้ แต่พยายามกินให้น้อยลง กับรู้สึกว่าไม่ค่อยหิว การใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างลำบาก เพราะแขนที่ถนัดคือแขนขวา พอแขนขวาใช้ไม่ได้ การใช้ชีวิตก็ลำบากไปด้วย เวลาอาบน้ำต้องค่อย ๆ อาบ กินข้าวก็ค่อย ๆ กิน คือทุกอย่างมันยาก มันลำบากไปหมด ยิ่งขยับยิ่งเจ็บหนัก

“เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2567 ไปพบหมอจิตเวชตามนัดที่ รพ.สิรินธร หมอเพิ่มยานอนหลับให้ เพราะอาการเจ็บที่หัวไหล่ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ วันถัดมาไปอีกรอบ หมอปรับยาแก้ปวดให้เป็นตัวยาที่แรงขึ้น เพราะอาการบาดเจ็บรบกวนการใช้ชีวิต ตอนนี้กินยานอนหลับ 2 เม็ด ยาคลายเครียด 2 เม็ด ยาแก้ปวดไหล่ 2 เม็ด ทั้งหมดก็กินยา 6 เม็ด กินยาแล้วก็นอน ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไร เพราะทำไม่ได้” 

ที่ปรึกษาฯ แจ้งเรื่องการอุทธรณ์คำสั่งว่า ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคำสั่งใด ๆ ลงมา ภูมิมีสีหน้าเศร้า ๆ  และพูดว่า “ผมยังหวังว่าศาลจะเมตตาเห็นใจ เพราะผมบาดเจ็บจริง ๆ พอมีอาการบาดเจ็บแบบนี้ทำให้ทำกิจกรรมอะไรไม่ได้ ขยับยังลำบาก เพราะไหล่มันหลุดไปแล้ว ผมยังหวังอยู่”

ก่อนจากกันที่ปรึกษาฯ ให้ภูมิดูภาพข่าวกิจกรรมที่เพื่อน ๆ นักกิจกรรมไปยื่นหนังสือ จัดกิจกรรม และปรินท์โพสต์ของศูนย์ทนายฯ ที่ระบุจำนวนผู้ต้องขังคดีทางการเมืองจำนวน 42 คน ซึ่งเกินครึ่งเป็นคดี 112 ภูมินั่งอ่านอย่างตั้งใจ และบอกว่ามีหลายคนที่ไม่รู้จัก มีคนอยู่ข้างในมากขนาดนี้เลย ก่อนนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ๆ  

ภูมิบอกทิ้งท้ายว่า อยากได้หนังสือที่เกี่ยวกับการเมือง ให้ที่ปรึกษาฯ ถือเข้ามาให้ด้วยในการเยี่ยมครั้งหน้า 

ล่าสุด ศาลเยาวชนฯ ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 9 ก.ค. 2567 หรืออีกเกือบ 4 เดือนข้างหน้า หลังที่ปรึกษาฯ ได้ยื่นอุทธรณ์ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 รวมถึงยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2567 ขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ที่ให้ส่งตัวภูมิไปสถานพินิจฯ และให้อบรมหลักสูตรวิชาชีพอย่างน้อย 2 หลักสูตร เนื่องจากภูมิมีอาการบาดเจ็บไหล่หลุด ทำให้มีความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน เกิดความเครียด และไม่อาจฝึกอบรมตามคำสั่งศาลได้ 

จนถึงปัจจุบัน (21 มี.ค. 2567) ภูมิถูกควบคุมตัวที่สถานพินิจฯ บ้านเมตตามาแล้ว 156 วัน

ย้อนดูคดีของภูมิ

.

ไบรท์:  ห่วงภรรยาและลูกอีก 2 คนมาก ลูกผมยังเล็กอยู่เลย 

15 มี.ค. 2567 หลังจากทนายที่เข้าเยี่ยมกล่าวทักทายและสอบถามถึงความเป็นอยู่ ไบรท์ตอบว่า พออยู่ได้ แต่ตอนแรกที่ยังไม่มีทนายมาเยี่ยม เขาเครียดมากเหมือนกัน “ตอนนี้ผมเป็นห่วงภรรยาและลูกอีก 2 คนมาก ลูกผมยังเล็กอยู่เลย ภรรยาก็ไม่สามารถทำงานหาเงินได้ ผมเองก็ยังห่วงงาน เพราะก่อนจะเข้ามาอยู่ที่นี่ ผมมีงานที่ต้องดูแลรับผิดชอบ”  

ไบรท์บอกอีกว่า ตอนนี้แค่อยากประกันตัวออกไปสัก 4-5 วันก็ยังดี เพื่อจะได้จัดการอะไรหลาย ๆ อย่าง เดินเรื่องอุทธรณ์ ฎีกาคดีต่าง ๆ 

ก่อนทิ้งท้ายว่า “หากว่าวันไหนมีออกศาล รบกวนแจ้งทางครอบครัวให้มาหาผมด้วยนะครับ” 

จนถึงปัจจุบัน (21 มี.ค. 2567) ไบรท์ถูกคุมขังอีกครั้งในคดี ‘112’ เหตุปราศรัยในการชุมนุม #25พฤศจิกาไปSCB เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2563 มาแล้ว 22 วัน

ย้อนดูคดีของไบรท์

.

อุดม: ขอบคุณทุกความหวังดี ยังคงสบายดี-ได้รับกำลังใจนั้นมาแล้ว

ที่เรือนจำนราธิวาส วันที่ 15 มี.ค. 2567 ทนายที่ไปเยี่ยมอุดมต้องพบกับปัญหาเรื่องห้องเยี่ยมนิดหน่อย เนื่องจากห้องเยี่ยมเหลือว่างแค่ห้องเดียว ซึ่งโทรศัพท์ในห้องชำรุด การพูดคุยกับอุดมจึงต้องตะโกนดัง ๆ ผ่านช่องเล็ก ๆ   

อุดมเล่าให้ทนายฟังว่า ภายหลังที่ย้ายมาอยู่แดน 5 มีปัญหาหลาย ๆ อย่าง เช่น น้ำไม่พอ สภาพในห้องไม่ค่อยดี พื้นเคยมีปัญหาน้ำซึม แม้เป็นอาคารที่เพิ่งสร้างเสร็จ 

อุดมให้ข้อมูลว่า แดน 5 เป็นแดนแรกรับและเป็นแดนสำหรับผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดี ที่คดียังไม่ตัดสิน ทำให้เขาต้องเจอกับผู้ต้องขังเข้าใหม่อยู่ตลอด ส่วนผู้ต้องขังที่อยู่ในห้องเดียวกัน ก็มีคนที่มีอาการป่วยทางจิตเวชด้วย 

ก่อนพูดคุยเรื่องสุขภาพว่า หลัง ๆ นี้เขารู้สึกว่า เป็นหวัดบ่อย อาจเป็นเพราะหลังจากถูกย้ายแดนมา เขายังไม่ได้ออกกำลังกายและไม่ค่อยมีเวลา เนื่องจากแดนนี้อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง ซึ่งขณะที่คุยกันทนายก็สังเกตได้ว่าเสียงของอุดมเหมือนคนที่เป็นหวัดอยู่ 

อุดมเล่าให้ฟังอีกว่า ช่วง 2 เดือนนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำอนุญาตให้เอานมขึ้นไปบนเรือนนอนได้คนละ 1 กล่อง และงดกิจกรรมทุกอย่าง เนื่องด้วยเป็นช่วงถือศีลอดของคนมุสลิม ทำให้เขารู้สึกเหงา ๆ ไม่มีกิจกรรมให้ทำ ได้แต่นั่งดูข่าว ดูหนัง 

สุดท้ายอุดมฝากบอกว่า ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณทุกความหวังดี ผมสบายดีและผมได้รับกำลังใจนั้นมาแล้ว

จนถึงปัจจุบัน (21 มี.ค. 2567) อุดมถูกคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสในระหว่างฎีกามาแล้ว 204 วัน

ย้อนดูคดีของอุดม

.

ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม

บันทึกเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังคดี ‘112’: สุดท้ายข่าวการเมืองจะไม่ค่อยมีคนสนใจ แต่ครอบครัวของคนที่ติดคุกยังทุกข์ใจ

X