อัยการสั่งไม่ฟ้องคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ “คาร์ม็อบเชียงใหม่” ปี 2564 รวม 2 คดีรวด เห็นว่าใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ-ไม่แออัด ไม่เสี่ยงโรค

วันที่ 17 มิ.ย. 2568 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งไม่ฟ้องคดีของนักกิจกรรมและประชาชนจำนวน 2 คดี ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากสำนักงานอัยการคดีศาลแขวงเชียงใหม่ ได้แก่ กรณีจากกิจกรรมคาร์ม็อบ “ด่วนนครพิงค์เชียงใหม่ไล่ประยุทธ์” เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 และกรณีจากกิจกรรมคาร์ม็อบ “ล้านนาต้านศักดินาทัวร์” เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 ทำให้คดีทั้งสองสิ้นสุดลง หลังค้างอยู่ในชั้นสอบสวนเกือบ 4 ปี

สำหรับคดีคาร์ม็อบ “ด่วนนครพิงค์เชียงใหม่ไล่ประยุทธ์” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 มีผู้ถูกดำเนินคดี 6 คน ได้แก่ หาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์ อดีตแกนนำ นปช. แดงเชียงใหม่, จตุรณ คำชมภู บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้, ภัควดี วีระภาสพงษ์ นักเขียน-นักแปลอิสระ, ธนาธร วิทยเบญจางค์ และ วัชรภัทร ธรรมจักร บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, สังวาลย์ ศรีวิชัย ผู้ร่วมชุมนุมทางการเมือง ทั้งหมดถูกแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 และ 20 ส.ค. 2564

ส่วนคดีคาร์ม็อบ “ล้านนาต้านศักดินาทัวร์” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 มีผู้ถูกดำเนินคดี 4 คน ได้แก่ จตุรณ คำชมภู, หาญศักดิ์ เบญจศรีพิทักษ์, วัชรภัทร ธรรมจักร และประสิทธิ ครุธาโรจน์ บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564

.

คดีคาร์ม็อบ “ด่วนนครพิงค์เชียงใหม่ไล่ประยุทธ์” เห็นว่าการชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ – สถานที่ชุมนุมเปิดโล่ง ทั้งไม่ปรากฏมีผู้ชุมนุมป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้น

ในคดีคาร์ม็อบ “ด่วนนครพิงค์เชียงใหม่ไล่ประยุทธ์” พนักงานอัยการคดีแขวงเชียงใหม่ระบุเหตุผลในคำสั่งไม่ฟ้องโดยสรุป คดีนี้มี พ.ต.ท.มนัสชัย อินเถื่อน เป็นผู้กล่าวหาในข้อหาร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่้งกำหนดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด ซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่รวมกันมากกว่า 200 คน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และร่วมกันจัดกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกิน 50 คน โดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการสอบสวนได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุพบเฟซบุ๊กชื่อ “พรรควิฬาร์” มีการโพสต์ข้อความเชิญชวนบุคคลทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรม ก่อนพบว่ามีผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 400 คน โดยมีรถยนต์เข้าร่วมประมาณ 300 คัน และรถจักรยานยนต์เข้าร่วมประมาณ 200 คัน กิจกรรมสิ้นสุดเวลาประมาณ 19.20 น. โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวมใส่หน้ากากอนามัย 

พิจารณาแล้วเห็นว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ สถานที่จัดชุมนุมเป็นสถานที่โล่งแจ้ง เป็นลานกว้าง ข้อเท็จจริงในสำนวนไม่ปรากฏว่ามีผู้ร่วมชุมนุมติดเชื้อป่วยเป็นโรคโควิด-19 หรือทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากการชุมนุมยิ่งกว่าการติดเชื้อจากการแพร่ระบาดของโรคในอัตราเพิ่มตามการระบาดที่ผ่านมา พยานหลักฐานไม่พอฟ้อง

คดีนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เห็นพ้องคำสั่งไม่ฟ้องแล้ว

.

ภาพคาร์ม็อบ “ล้านนาต้านศักดินาทัวร์” (ภาพจาก Mob Data Thailand)

.

คดีคาร์ม็อบ “ล้านนาต้านศักดินาทัวร์” อัยการชี้ไม่มีหลักฐานว่าผู้ต้องหาเป็นผู้จัดชุมนุม – เป็นการชุมนุมทางการเมือง ไม่มีเจตนาจะแพร่โรค

สำหรับคดีคาร์ม็อบ “ล้านนาต้านศักดินาทัวร์” พนักงานอัยการคดีแขวงเชียงใหม่ระบุเหตุผลในคำสั่งไม่ฟ้องโดยสรุปว่า คดีนี้มี พ.ต.ท.ตรีเพชร ป่าหวาย เป็นผู้กล่าวหา ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่รวมกันมากกว่า 20 คน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยไม่ได้รับอนุญาต

จากข้อเท็จจริงการสอบสวน ก่อนเกิดเหตุมีการชุมนุมหรือทำกิจกรรมในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่หลายครั้ง ประกอบกับเป็นช่วงที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19  ต่อมาผู้กล่าวหาสืบทราบมาว่า มีการนัดหมายรวมตัวทำกิจกรรมและปราศรัยโจมตีรัฐบาล โดยมีรถยนต์ 200 คัน รถจักรยานยนต์ 100 คัน และมีผู้ร่วมกิจกรรมประมาณ 400 คน จึงเดินไปตรวจสอบและสังเกตการณ์บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ พบกลุ่มบุคคลเข้าร่วมกิจกรรม มีการใส่หน้ากากอนามัยและสลับกันขึ้นปราศรัย โดยใช้เครื่องขยายเสียงโจมตีการทำงานของรัฐบาล 

1. ในความผิดฐานร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคฯ ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 30) ข้อ 4 เห็นว่าบุคคลใดจะมีความผิดฐานนี้จะต้องได้ความว่า เป็นผู้จัดให้มีกิจกรรมหรือจัดให้มีการรวมกลุ่ม และกิจกรรมนั้นมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค

แม้คดีมีพยานหลักฐานว่าผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 เป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊กที่ประกาศเชิญชวนให้มีกลุ่มบุคคลมาร่วมกิจกรรม แต่ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่าเป็นผู้จัดการชุมนุมดังกล่าว ประกอบกับชุดความมั่นคง งานสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ สืบสวนแล้ว ก็ไม่ปรากฏชื่อผู้จัดกิจกรรมแต่อย่างใด 

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ตรีเพชร ป่าหวาย ให้การว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีการเชิญชวนให้คนมาร่วมชุมนุมผ่านเฟซบุ๊ก และฟังว่ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เข้ามาร่วมชุมนุมจำนวนมากนี้ สมัครใจมาร่วมกิจกรรมด้วยตนเอง ไม่ได้ปรากฏว่าได้มีการจ้างมาแต่อย่างใด 

ทั้งบริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ สถานที่เกิดเหตุตามภาพถ่าย เป็นพื้นที่กว้างเปิดโล่ง ไม่มีลักษณะแออัด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าในระหว่างชุมนุมและมีการเว้นระยะห่างพอสมควร ดังนั้นพฤติการณ์ยังไม่พอฟังได้ว่าเป็นผู้จัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคตามข้อกล่าวหา 

2. ในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคฯ ตามประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดโรคของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับที่ 9 ข้อ 3 

เห็นว่าการชุมนุมดังกล่าวมีจุดประสงค์มุ่งเน้นในทางการเมือง มิได้มีเจตนาเพื่อเผยแพร่โรคหรือความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เมื่อพิจารณาบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 มีลักษณะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่มีลักษณะเป็นสถานที่แออัด และผู้ร่วมชุมนุมได้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า อีกทั้งยังมีการเว้นระยะห่างตามสมควร จึงฟังได้ว่า กิจกรรมการชุมนุมดังกล่าวไม่มีลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคตามข้อหาดังกล่าว พยานหลักฐานไม่พอฟ้องในความผิดฐานนี้

ส่วนความผิดฐานร่วมกันจัดกิจกรรมใด ๆ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกินกว่า 20 คน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 98/2564 เรื่องมาตรการควบคุมการจัดกิจกรรมรวมคนจำนวนมาก ลงวันที่ 2 ส.ค. 2564 ประกอบ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 คดีขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6)

คดีนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เห็นพ้องคำสั่งไม่ฟ้องแล้ว

.

ตัวอย่างการตีความการใช้อำนาจรัฐ ด้วย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อคุ้มครองสิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ

สำหรับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2563 -2565 เป็นกฎหมายที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐอย่างกว้างขวางด้วยเหตุผลเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 และออกกฎหมายทับซ้อนมากมาย เพื่อจำกัดไม่ให้มีการชุมนุมเกิดขึ้น ท่ามกลางกระแสการชุมนุมประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่ที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ 2563

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นอำนาจกฎหมายมหาชนย่อมจะต้องบังคับใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยต้องคำนึงถึงความจำเป็น และความเหมาะสม ในการใช้อำนาจ และคำนึงถึงสิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 44 ที่รับรองสิทธิในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ประกอบกันด้วย

เหตุผลของพนักงานอัยการทั้งสองคดีชี้ให้เห็นว่า การชุมนุมทางการเมืองย่อมเป็นสิทธิที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ตราบใดที่ไม่มีเจตนาเพื่อให้เกิดการแพร่ระบาดโรค และดำเนินการโดยระมัดระวังต่อการแพร่โรค เป็นการตีความเจตนารมณ์ของกฎหมาย ให้สามารถปกป้องประชาชนจากการใช้อำนาจรัฐ ไม่ใช่เพื่อมอบอำนาจให้รัฐจำกัดสิทธิประชาชนอย่างไรก็ได้

คำสั่งไม่ฟ้องนี้ เป็นคดีชุมนุมสองคดีแรกของอัยการคดีศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เห็นพ้องคำสั่งไม่ฟ้องด้วย ทำให้คดีอาญาสิ้นสุดลง หลังจากการต่อสู้ทั้งสองคดีเป็นเวลากว่า 3 ปี 10 เดือน 

ขณะเดียวกันยังมีคดีคาร์ม็อบในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงปี 2564 ที่ยังค้างอยู่ในชั้นสอบสวนอีก 2 คดี ได้แก่ คดีคาร์ม็อบเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2564 (ผู้ถูกดำเนินคดี 1 คน) และ 7 ส.ค. 2564 (ผู้ถูกดำเนินคดี 11 คน)

โดยภาพรวม มีคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2563 ที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีไปแล้วอย่างน้อย 73 คดี (จากจำนวนคดีไม่น้อยกว่า 675 คดี) แต่ก็มีคดีจำนวนมากที่อัยการสั่งฟ้องต่อศาล โดยแนวโน้มคดีที่ต่อสู้ในชั้นศาล ศาลก็มีแนวโน้มจะยกฟ้องมากกว่าเห็นว่ามีความผิด

.

X