“ยอมรับโทษ แต่ไม่ยอมรับผิด”: บันทึกเยี่ยม “บัสบาส” การต่อสู้กับโรคซึมเศร้า และการรอคอยจดหมาย-หนังสือบริจาค

14 ส.ค. 2567 ในเวลาช่วงเช้าที่เรือนจำกลางเชียงรายบรรยากาศหลังฝนตกอึมครึม ทนายความเดินทางเข้าเยี่ยม “บัสบาส” มงคล ถิระโคตร นักกิจกรรมในจังหวัดเชียงรายวัย 31 ปี ที่ถูกคุมขังในคดีมาตรา 112 หลังจากถูกศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุก 50 ปี จากกรณีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก และศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกา ทำให้เขาถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค. 2567

สภาพเมื่อเดินเข้าไปในห้องเยี่ยมของเรือนจำนั้น เป็นช่องทางเดินสีขาวแคบ ๆ ด้านข้างขวามือเรียงรายไปด้วยช่องกระจกพร้อมที่นั่ง และเครื่องโทรศัพท์วางไว้สำหรับใช้พูดคุยกับคนด้านใน

สุดทางเป็นจอภาพ 4-5 เครื่อง หนึ่งในหน้าจอนั้นมีบัสบาสในสภาพชุดสีฟ้า อันเป็นเครื่องแบบของผู้ต้องขังชายคดียังไม่สิ้นสุด ผมสั้นเตียนนั่งนิ่งรออยู่ด้านหลังจอภาพที่ถ่ายทอดมาจากแดน 1 โดยมีนักโทษ 1-2 คน คอยสลับยืนคุมอยู่ด้านหลังตลอดเวลา

บัสบาสยิ้มเจื่อน ๆ ต้อนรับ เมื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้น เขารีบทักทาย ท่าทางดูดีใจ แต่ไม่สามารถแสดงความรู้สึกนั้นได้ดีสักเท่าไร หากสัมผัสได้ถึงความซึมและความไม่สดใสเหมือนก่อนหน้านี้

.

แม้จะห่างหายจากข่าวการเมือง แต่ยังเป็นห่วงผู้ต้องขังคดีการเมืองทุกคนเสมอ

บัสบาสเริ่มบทสนทนาด้วยการถามข่าวคดียุบพรรคก้าวไกล เขาอยากรู้ว่าใครขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค พรรคใหม่ชื่ออะไร และจะมีท่าทีอย่างไรต่อคดีการเมือง 112 เขาติดตามข่าวพรรคก้าวไกลมาก่อนจะเข้าในเรือนจำ และพอจะรู้ว่า “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นคนเก่ง แต่นอกจากนี้บัสบาสยังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหัวหน้าพรรคคนใหม่เลย

เขาดูมีกำลังใจขึ้นหลังรู้ว่ากระแสการตอบรับของพรรคประชาชนมีผู้สมัครสมาชิกและร่วมบริจาคเงินจำนวนมาก เขาตอบมาแค่สั้น ๆ ว่า “โห….” พร้อมกับยิ้มออกมา

บัสบาสบอกว่าเขายังไม่รู้เลยว่านโยบายพรรคเป็นอย่างไร เปลี่ยนจากก้าวไกลไหม แต่เขาไม่ได้สนับสนุนที่พรรค หากให้ความสำคัญกับอุดมการณ์มากกว่า เขาจะสนับสนุนพรรคที่ยังรักษาอุดมการณ์ประชาธิปไตย ทั้งยังผลักดันเรื่องนิรโทษกรรม และช่วยเหลือผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง เขาก็คงหวังว่าพรรคประชาชนจะยังคงอุดมการณ์เดิมและผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ได้

บัสบาสยังหวังว่าจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ที่รวมข้อหามาตรา 112 ด้วยแน่นอนในสักวันหนึ่ง โดยทุก ๆ วันที่ผ่านไปเขามีความหวังเสมอ และมั่นใจว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะต้องช่วยกันผลักดัน ซึ่งจะต้องประสบความสำเร็จไม่ช้าก็เร็ว

.

ความโศกเศร้าจากการตายของบุ้ง

บัสบาสเล่าว่าก่อนหน้านี้เขาพูดจาน้อยลง เพราะมีอาการของโรคซึมเศร้า ดิ่ง ดาวน์ โดยอยู่ในช่วงปรับยาโรคซึมเศร้า เขาต้องพบหมอเป็นประจำตั้งแต่ก่อนเข้ามาในเรือนจำ และมีอาการหนักมาก ตั้งแต่ได้ยินข่าวเรื่องการเสียชีวิตของบุ้ง เนติพร ในระหว่างที่อยู่ในเรือนจำ

บัสบาสเล่าต่อไปว่าเคยเจอบุ้งมาก่อนในช่วงไปทำกิจกรรมที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ได้สนิทกัน เขามองว่าบุ้งเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์คนหนึ่ง ทั้งนี้บัสบาสเคยประท้วงอดอาหารเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องขังทางการเมือง รวมถึงบุ้งมาก่อนด้วย

ตอนนี้บัสบาสเริ่มพูดได้มากขึ้นเล็กน้อยเพราะหมอเพิ่งจะปรับยาให้ แต่ถึงอย่างไร ก็ดูจะพูดโต้ตอบได้ไม่ยาวนัก ขณะพูดคุย เขามองเหม่อไปด้านนอกบ้าง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการทานยา เพื่อพยายามทำให้อารมณ์คงที่ ไม่มีความรู้สึกดีใจ เสียใจ แต่ก็ยังดีที่ไม่ฟุ้งซ่าน 

“พอเห็นข่าวเยอะ ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยใจ มันเหนื่อย มันเฟล”

“ข่าวบุ้งตาย ก็ช็อคเหมือนกัน พอตายไปแล้วคนก็ลืมกัน มันก็…เหมือนชีวิตคนน่ะ ไม่มีค่าเลย” บัสบาสส่ายหัว น้ำเสียงผิดหวัง ก่อนจะนิ่งไปสักพัก

“บางทีก็คิดว่าเราอยู่นี่ทำไมวะ” บัสบาสอุทานเสียงดังขึ้น เขาตัดพ้อถึงกระแสเรื่องบุ้ง จนรู้สึกได้ว่าเรื่องดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อจิตใจเขามาก

“ถ้าบาสอยู่ข้างนอก บาสคงทำอะไรสักอย่างเพื่อให้เพื่อนเราออกมาให้ได้” เขาบอก และพยายามถามถึงผู้ต้องขังทางการเมืองในเรือนจำว่ามีเพิ่มขึ้นเยอะไหม มีเด็กถูกขังไหม บัสบาสแสดงความเป็นห่วงผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ทุกคน

.

บัสบาสกับอายุในเรือนจำที่ผ่านไป กับโทษที่จะสูงถึง 54 ปี

“ถ้าฎีกาตกแล้ว ผมจะติดคุกกี่ปี” บัสบาสเริ่มถามเรื่องคดีของตนเองบ้าง

หลังจากประเมินว่าเขาอาจถูกติดคุกสูงสุดอยู่ที่ 54 ปี เมื่อรวมกับคดีที่ 3 ซึ่งกำลังมีนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 4 ก.ย. นี้  แต่ก็มีโอกาสหากศาลฎีกาพิพากษาแก้กลับไปลงโทษเหมือนศาลชั้นต้นคือจำคุก 28 ปี เมื่อรวมกับคดีที่ 3 อีก 4 ปี โดยรวมเขาจะถูกจำคุกอย่างต่ำรวมเป็น 32 ปี

บัสบาสฟังนิ่งไปสักพักใหญ่ ก่อนหัวเราะเจื่อน ๆ ออกมาแบบตลกร้าย “โห…รู้สึกว่าอยากเอาไปออกรายการกินเนสบุ๊ก (Guinness World Records) เลย นี่มัน…กลายเป็นว่าเราโตในคุกเลยนะเนี่ย” เขาอุทานออกมาเบา ๆ

“ที่ผ่านมาบาสไม่เสียใจในสิ่งที่ทำไป ที่ต่อสู้มาโดยตลอด เพราะเรายืนยันมาตลอดว่ามันจะต้องเปลี่ยนแปลง ตอนนี้มันก็แค่ฝืนเวลา” บัสบาสค่อนข้างมั่นใจว่าสังคมได้เปลี่ยนไปแล้วและเขาจะรอฟังข่าวอยู่ด้านในเรือนจำ

“ถ้าย้อนกลับไปได้ก็คงทำเหมือนเดิม” บัสบาสยืนยันมาตลอดว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด และเขาไม่ควรต้องมาติดคุกถึง 50 ปี

.

แต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้าในกรอบกำแพงสีขาวสูง

“แต่ละวันก็คิดอยู่แค่ว่าหนังตอนกลางคืนจะเป็นเรื่องอะไร ข้างล่างจะเปิดเพลงอะไร คิดไปวันต่อวัน คิดไปถึงว่าพรุ่งนี้ทีวีจะเปิดหนังอะไรให้ดู ชีวิตมันวน ๆ ไปวนมาอยู่แค่นี้

“ส่วนมาก 90% เรือนจำจะเปิดหนังจีนล้วน ๆ เลย แบบว่าเลื่อมใส ๆ เลย ได้ฟังท่านอ๋องเต็มไปหมด” บัสบาสปล่อยมุขพร้อมหัวเราะเบา ๆ ส่วนหนังอย่างอื่น เช่นหนังเกาหลี ทางเรือนจำก็นำมาเปิดให้ดูบ้างบางวัน

เขาคิดย้อนไปก่อนจะเข้าเรือนจำ ว่ามีหนังเรื่องสุดท้ายที่เขาดูผ่านโทรศัพท์มือถือ คือเรื่อง Bohemian Rhapsody (หนังชีวประวัติของนักร้องนำแห่งวง Queen), Dallas Buyers Club ที่ Matthew McConaughey ลดน้ำหนักเพื่อจะแสดง และยังมีหนังที่เขายังอยากจะดู แต่ไม่ทันได้ดู เช่น หนังของ Quentin Tarantino และ Christopher Nolan ที่ยังไล่ดูไม่ครบ เขาพูดด้วยความเสียดาย เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปดูหนังที่อยากดูอีกเมื่อไร

บัสบาสเริ่มมีเพื่อนในเรือนจำมากขึ้น เนื่องจากสภาพที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ ก็เลยนั่งคุยกัน “ในแดน 1 เป็นพวกคดีอัตราโทษสูง มีนักโทษ 200 นิด ๆ เขาก็รู้จักเราหมด”

เมื่อถามถึงความเป็นอยู่ว่ามีปัญหาอะไรบ้างไหม บัสบาสมองว่าหลังจากที่พยายามเรียกร้องปัญหาด้านต่าง ๆ ทางเรือนจำก็ปรับตัว ทุกวันนี้ก็ดีขึ้น และตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้เรียกร้องเพิ่ม

.

รอจดหมายให้กำลังใจ และบริจาคหนังสือเข้าแดน 1 เรือนจำเชียงราย

“3 เดือนมานี้บาสไม่ได้รับจดหมายเลย ไม่รู้มีใครส่งมาไหม” บัสบาสพูดเสียงเศร้า เขาไม่รู้ว่าที่เขาไม่ได้รับจดหมายเป็นเพราะไม่มีใครส่งจดหมายมาหาเขาเลย หรือผู้คุมไม่ยอมส่งจดหมายให้

สำหรับบัสบาส จดหมายเป็นสิ่งที่คอยพยุงความรู้สึกและอุดมการณ์ของเขา อยากให้มีคนส่งจดหมายให้เขาบ้าง ก่อนหน้านี้ทนายความส่งเอกสารคดี รูปภาพและข่าวที่เกี่ยวกับเขาจำนวนหนึ่งให้ทางจดหมาย แต่ผู้คุมนำเอกสารให้บัสบาสดู แต่แจ้งว่าไม่สามารถให้เขาได้ โดยให้เหตุผลว่าเกี่ยวกับความมั่นคง “บาสก็ไม่รู้ว่ามันไม่มั่นคงยังไง แต่มันเป็นสิ่งที่คนในนี้เขาเชื่อกัน” 

อย่างไรก็ตามเขายังขอรูปภาพมาได้ 1 ภาพ ได้แก่ ภาพเป็นของ อ.จรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้ลี้ภัยทางการเมืองในฝรั่งเศส สะพายกระเป๋าสีดำเขียนว่า “MAN JAILED FOR 50 YEARS FOR CRITICISING THAI MONARCHY” ที่บัสบาสอยากได้มานานแล้ว

.

ภาพจากเฟซบุ๊กจรัล ดิษฐาอภิชัย

.

“ก่อนหน้านี้เหมือนมีคนส่งหนังสือมาให้บาส 1 ลัง แต่เหมือนจะเป็นหนังสือเก่ามาก และจริง ๆ แล้วต้องส่งบริจาคให้ แดน 1 เรือนจำจังหวัดเชียงรายนะ” บัสบาสรู้สึกขอบคุณที่มีคนส่งหนังสือให้เขา แต่ถ้าจะส่งมาอีก ขอให้ส่งบริจาคเข้ามาในนามของเรือนจำกลางเชียงราย เพราะโดยปกติไม่สามารถส่งหนังสือให้ผู้ต้องขังแต่ละคนได้โดยตรง

บัสบาสย้ำว่า อยากให้ช่วยบริจาคหนังสือให้แดน 1 เรือนจำเชียงราย เมื่อถามว่าอยากอ่านหนังสือประเภทไหน “นวนิยาย บาสว่าเพื่อน ๆ น่าจะชอบหนังสือนวนิยายกัน และหนังสือการ์ตูนวันพีช

“บาสอยากอ่านหนังสือ 6 ตุลา ลืมไม่ได้ จำไม่ลง ของอาจารย์ธงชัย วินิจจะกูล หนังสือขุนศึก ศักดินา พญาอินทรี ของณัฐพล ใจจริง บาสอยากอ่านอะไรก็ได้เกี่ยวกับ 6 ตุลา เพราะคิดว่าที่อ่านมาก่อนหน้านี้ยังมีความรู้ด้านนี้น้อยไป อ้อ…และอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับ 14 ตุลา” 

หรือเป็นบริจาคหนังสืออะไรก็ได้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมือง หรือการเมืองสมัยใหม่ก็อ่านได้เช่นกัน เขาย้ำว่าตนเองคงพยายามใช้เวลาที่อยู่ในเรือนจำอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือจะช่วยให้เขามีสมาธิไม่ฟุ้งซ่านเกินไป

.

สามารถส่งจดหมายไปที่ มงคล ถิระโคตร แดน 1 เรือนจำกลางเชียงราย เลขที่ 222 หมู่ที่ 3 ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย 57000

สามารถบริจาคหนังสือส่งไปที่ แดน 1 เรือนจำกลางเชียงราย เลขที่ 222 หมู่ที่ 3 ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย 57000

.

ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยมบ้านบัสบาส “ก็แค่ยักไหล่แล้วไปต่อ ผมยังหายใจอยู่นี่หน่า”: พาเยี่ยมบ้าน ‘บัสบาส’ ผู้ต้องโทษประวัติศาสตร์คดี ม.112

ย้อนอ่านบทสัมภาษณ์บัสบาส เสียงเพลงพังก์ ในโลกขบถของ “บัสบาส” ผู้ต่อสู้คดี 112

.

X