ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2567 ทนายความเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง และผู้ถูกคุมตัวจากคดีมาตรา 112 รวม 5 ราย ได้แก่ “นารา” จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ที่มาพูดถึงสิทธิของผู้ต้องขังหลากหลายทางเพศ และสิ่งที่ควรจะได้รับอย่างชุดชั้นใน ที่เธอควรจะได้สิทธิสวมใส่ นารายังคาดหวังอิสรภาพที่อยากออกมาเห็น และใช้ชีวิตข้างนอกเสมอ “ภูมิ” เยาวชนที่สถานพินิจบ้านเมตตา พูดถึงคำพิพากษาศาลอุทรณ์ที่ไม่อาจทำให้เขาได้กลับบ้าน ส่วนอาการเจ็บไหล่ยังอยู่ระหว่างการนัดพบหมอเพื่อดูอาการอีกครั้ง ภูมิยังคงรอคอยโอกาสที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติกับแม่และอาม่าอยู่เสมอ
“น้ำ” วารุณี ที่เล่าถึงกิจวัตรซ้ำ ๆ ข้างในนั้น การได้พบทนายและพูดคุยเรื่องข้างนอก ทำให้เธอผ่อนคลายขึ้น และยังฝากขอบคุณที่ยังนึกถึงเพื่อนผู้ต้องขังทางการเมือง “แม็กกี้” จากเรือนจำกลางคลองเปรม พูดคุยถึงชีวิตที่ค่อนข้างวนซ้ำ อีกทั้งยังไม่ได้รับข่าวสารจากสื่อทีวีมานานกว่า 4 เดือน ตอนนี้แม็กกี้พยายามอ่านหนังสือบ้าง เตรียมเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนวการศึกษาบ้าง เพื่ออย่างน้อยจะได้พัฒนาตัวเอง และคลายความเบื่อหน่ายจากชีวิตในนั้น
และ มานี ที่เพิ่งถูกศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษาจำคุก 3 ปี 6 เดือน จากคดี เรียกร้องให้ประกัน “ใบปอ” และ “บุ้ง” สองนักกิจกรรมทะลุวัง เมื่อปี 2565 โดยไม่รอลงอาญา โดยมานีคิดถึงหลานที่เธอเป็นคนเลี้ยงดูขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก มีนายังคาดหวังเรื่องการประกันตัวที่เธอพร้อมรับเงื่อนไขทุกอย่างหากจะได้รับอิสรภาพ
.
“นารา”: ยังหวังว่าจะได้ออกไปเห็นข้างนอกบ้าง
วันที่ 17 ก.ค. 2567 ครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ที่ทนาย และนาราพบตัวกันจริง ๆ หลังก่อนหน้าทนายเข้าเยี่ยมผ่านวีดีโอ นารายังคงร่างเล็ก สีหน้าเพลีย ๆ ผมยาวขึ้นจนสามารถมัดจุกเล็ก ๆ ข้างหน้าได้ ทนายสังเกตเห็นหน้าอกนารายังคงไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน และนั่นทำให้ตอนเดินออกมาพบทนายต้องห่อไหล่เดินยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นข่าวที่ถูกเผยแพร่เกี่ยวกับนาราเรื่อง ‘สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว แต่สิทธิ LGBTQ+ ในคุกไทยอยู่ที่ไหน ? เธอมีแววตาตื่นเต้น ชมว่ารูปที่เลือกสวยมาก ๆ นารายืนยันจากบทความว่าสาวประเภท 2 โดยเฉพาะคนที่ทำนมมาแล้ว ก็เหมือนผู้หญิง ผู้ต้องขังหญิงยังใส่ได้ ถ้าไม่เอามาแจก แต่เอาเข้ามาขายก็ได้ จะสั่งซื้อ แต่กลับไม่มีเลย ผู้ชายยังได้ใส่กางเกงในเลย และยกทรงมันไม่ใช่เครื่องประดับ มันก็เป็นเสื้อผ้า และเป็นเครื่องดูแลหน้าอกด้วย
“เราเป็นผู้หญิง เราก็ไม่อยากให้นมหย่อนคล้อย ที่สำคัญนมปลอมมันเป็นซิลิโคนมันต้องมียกทรงใส่ประคองเพื่อไม่ให้ซิลิโคนพลิกหรือแตก ซึ่งหากซิลิโคนแตกที่เรือนจำจะจัดการยังไง” และอีกเรื่องเวลาเธอไม่ได้ใส่ยกทรง มันก็จะมีผู้ชายเดินเข้ามาจับ ไม่ใช่ทุกคนจะตระหนักเรื่องสิทธิ “เอาเป็นว่าในแดนมี 600 คน บางทีเราเดิน ๆ อยู่ก็มอง บางคนมาจับ บางคนเห็นหัวนมเรา ก็บอกว่าหัวนมเราดำ เป็นเรื่องที่ทำให้เราอับอายมาก”
นาราเล่าว่า ช่วงนี้ป่วย ๆ เพลีย ๆ เหมือนอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ร่างกายแย่ เป็นลมพิษ ยังดีที่คนในแดนให้ยาแก้แพ้มากิน แล้วนิ้วเท้ายังมาอักเสบมีหนองออกมา น่าจะเพราะกรรไกรตัดเล็บไม่สะอาด ทำให้เกิดแผลอักเสบ นาราลุกขึ้นแล้วถอยหลัง แล้วยกเท้าให้ดู เธอบอกขอโทษที่ยกเท้าให้ดู ซึ่งเป็นแผลอย่างที่เธอบอก ก่อนสังเกตเห็นท่าทางนาราดูป่วย ดูเพลียอย่างเห็นได้ชัด
ทนายเล่าเกี่ยวกับกลุ่ม Thumb Right ที่อยากเข้าพูดคุยกับผู้ต้องขังคดี 112 นาราแจ้งว่ารายชื่อผู้เข้าเยี่ยมของเธอเต็มแล้ว แต่ก็อยากให้ทางกลุ่มเข้าพูดคุย และนาราอยากให้มีคนเขียนจดหมายมาพูดคุยด้วย เธออยากฟังเรื่องราวข้างนอก จะเรื่องไหนก็ได้ เธอไม่อยากให้ลืมเธอ
26 กรกฎาคม 2567 หลังกล่าวทักทายกันเล็กน้อย นาราแจ้งว่าแม่ได้เข้าเยี่ยม แม่ก็เป็นห่วง แต่นาราบอกไปแล้วว่ามีทนายด้านสิทธิมนุษยชนช่วยคดี 112 นี้อยู่ เมื่อถามเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย และอาการอักเสบที่เท้า นาราบอกว่าดีขึ้นมาก ได้ออกไปพบหมอแล้ว หมอให้ยาแก้อักเสบกับยาฆ่าเชื้อมากิน หมอนัดล้างแผลทุกเช้า
“ช่วงนี้ใจเป็นกังวลเพราะใกล้ตัดสิน กังวลทั้งเรื่องคดีส่วนตัว คดี 112 ก็กังวล ผู้คุมก็คงเห็นว่าเราดูไม่สงบ เขาก็อนุญาตให้ขึ้นไปนอนกับเพื่อนกระเทย ปกติเราจะนอนห้องผู้ช่วยงาน วันที่ 31 นี้ เราหวังว่าจะได้ออกไปเห็นข้างนอกบ้าง”
ปัจจุบัน (30 ก.ค. 2567) นาราถูกคุมขังระหว่างพิจารณาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในคดี 112 คดีที่ 2 มาแล้ว 138 วัน
.
“ภูมิ” : ขอให้อาม่าแข็งแรง รอภูมิออกไป
วันที่ 17 ก.ค. 2567 ที่สถานพินิจบ้านเมตตา ผมภูมิยาวขึ้นกว่าวันที่ออกศาลเมื่อสัปดาห์ก่อน สีหน้าดูอิดโรย แววตานิ่ง ๆ ภูมิยกมือไหว้ กล่าวทักทายกันเล็กน้อย ที่ปรึกษาฯ ยื่นคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้ภูมิอ่านรายละเอียดอีกครั้ง ก่อนพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ที่มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2567 ระหว่างนั้นภูมิเปิดดูคำพิพากษาไปด้วย หลังอธิบายเสร็จภูมินิ่งเงียบ ที่ปรึกษาฯ ปล่อยให้ภูมิได้นั่งคิด ภูมิถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดถึงความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เรื่องจิตใจ “เอาเข้าจริงผมไม่ได้หวังขนาดนั้น ผมก็รู้ว่ามันเป็นไปได้ยาก ด้วยอะไรก็ตาม พอเจอประโยคแรกที่ศาลอ่าน ตอนนั้นผมรู้แล้วล่ะว่าไม่มีหวัง ตัวผมไม่มีปัญหา สงสารแต่แม่กับอาม่า สองคนนั้นหวังเยอะมาก ๆ” ภูมิบอกว่าถ้าให้คะแนนความรู้สึกเต็ม 10 เขาให้ตัวเองที่ 7 คะแนน และกล่าวต่อว่า “ผมทำใจไว้อยู่แล้ว”
กับเรื่องไหล่ขวา ภูมิอาการดีขึ้น หมอให้ใส่ที่คล้องแขนเพื่อพะยุงไปก่อน ตอนนี้ยกแขนและขยับแขนได้มากขึ้น หมอนัดดูอาการอีกครั้งวันที่ 30 ก.ค. 2567 ส่วนการเรียนหลักสูตรวิชาชีพตามคำสั่งศาล ภูมิลงเรียนหลักสูตรศิลปะ เรียนไปได้ 50 % แล้ว ถึงจะมีปัญหาเรื่องไหล่แต่เขายืนยันจะพยายามฝึกให้จบให้ได้ ก่อนพูดถึงวันที่ 24 ก.ค. เป็นวันเกิดอาม่า ภูมิฝากบอกให้แม่ซื้อเค้กให้อาม่ามาเป่าที่ศาลด้วย ภูมิฝากอวยพรอาม่า “ขอให้อาม่าแข็งแรง รอภูมิออกไป พอได้ออกไปภูมิจะบวชให้อาม่า ให้อาม่ารอภูมินะ”
ก่อนที่ปรึกษาฯ เล่าเกี่ยวกับกลุ่ม Thumb Rights ที่จะนำอาสาสมัครเข้าพูดคุยกับผู้ต้องขังคดี 112 แต่ของเยาวชนอาจจะมีข้อจำกัดในการเข้าเยี่ยมที่สถานพินิจ ภูมิแจ้งว่ายินดีที่จะให้เข้าพูดคุย ให้ทางกลุ่มไปคุยเวลาออกศาลก็ได้ ส่วนเรื่องที่ว่าศาลจะอนุญาตให้เข้าฟังหรือไม่ ก็ให้เขาได้เห็นเลยว่าคดีเด็กเป็นแบบนี้ และภูมิเสนอว่าให้ทางกลุ่มลองทำหนังสือขอ ผู้อำนวยสถานพินิจเพื่อเข้าพูดคุยกับเขาดู คิดว่าลองทำหลาย ๆ ช่องทางที่จะได้เข้าพบเพื่อภูมิเองก็จะได้รู้ขั้นตอน รู้แนวปฏิบัติ
ปัจจุบัน (30 ก.ค. 2567) ภูมิถูกควบคุมตัวตามคำสั่งของศาลเยาวชนฯ ที่สถานพินิจฯ บ้านเมตตามาแล้ว 287 วัน
.
“น้ำ” วารุณี: ขอบคุณคนที่ยังนึกถึงเพื่อนผู้ต้องขังข้างใน
วันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ น้ำเล่าความคืบหน้าอาการว่า ร่างกายปกติดี ยังคงกินยารักษาโรคซึมเศร้าชุดเดิม หมอไม่ได้ปรับ และยังคงกินยาที่ทำให้อยากอาหารเช่นเดิม แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าอารมณ์ซึม ๆ ง่วงนอน อยากนอนตลอดเวลา ก่อนเล่าว่าช่วงนี้ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ ที่นี่น้ำตื่นตั้งแต่ตี 4 มาจัดการตัวเองให้เรียบร้อย 6 โมงเช้าไปสวดมนต์ พอสวดมนต์เสร็จก็ปล่อยอิสระ ใครจะนอนจะอะไรก็ได้ ตอนบ่ายสามก็ขึ้นห้อง ปิดขัง ชีวิตวนอยู่แบบนี้ 2 ทุ่มน้ำก็นอนแล้วเพราะกินยานอนหลับ เพื่อนผู้ต้องขังที่สนิทก็ยังคงรักษาตัวอยู่ที่นี่ น้ำก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึก แต่อาจจะเป็นเพราะกังวลเรื่องใบเด็ดขาด หรือเรื่องวันปล่อยที่ว่าจะทำอะไรบ้าง ก็พยายามจัดการอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ทนายพิมพ์บทความที่น้ำเขียนเกี่ยวกับมิตรภาพที่ศูนย์ทนายฯ โพสต์ น้ำยิ้มกว้างชมว่าทีมงานทำรูปออกมาสวยมาก และน้ำขอให้เราอ่านโพสต์ให้ฟัง ทนายเอ่ยปากชมน้ำว่าเขียนได้ดี กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ แต่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของน้ำ น้ำยิ้มตาหยี จากนั้นเราเล่าถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องร่างนิรโทษกรรม ข่าวปลาหมอคางดำระบาด เรื่องอุทยานแห่งชาติทับลาน และเรื่องเศรษฐกิจ เมื่อชวนคุยเรื่องทั่วๆไป น้ำดูผ่อนคลายขึ้นมาก และชวนคุยต่อยอดกันไปหลายประเด็น
วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 น้ำแจ้งว่าร่างกายช่วงนี้แข็งแรงดี น้ำหนักตอนนี้ 41.8 กิโลกรัม เล่าถึง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเข้ามาพูดคุยกับน้ำ ที่กังวลเรื่องน้ำหนักน้อย น้ำยังคงกินยา Cyproheptadine ซึ่งช่วยเพิ่มการอยากอาหาร น้ำยังพูดติดตลกว่า “ช่วงนี้กินข้าวอร่อย เวลาหิวก็หิวจนมือสั่น ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน”
เมื่อสัปดาห์ก่อน น้ำมีอาการซึมและเข้าพบจิตแพทย์หลังจากที่ทนายเยี่ยมเสร็จ น้ำอัพเดตว่า ตอนไปพบหมอ อาการซึมก็หายไปแล้ว หมอให้กำลังใจและปรับยาลดขั้วแมเนียลง เรื่องสุขภาพจิตไม่ต้องห่วง เพราะคิดว่าใกล้จะได้ออกไปแล้ว “ช่วงนี้ก็รับมือกับอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้น มีช่วงสวิงบ้าง กับช่วงนี้มีแพนิกว่าเครื่องสำอางจะหมด” เธอพูดพร้อมหัวเราะ
เมื่อชวนคุยเรื่องการอภัยโทษ เธอสะท้อนว่า “ถ้าไม่ได้อภัย คิดว่าไม่ได้เศร้าแล้ว เพราะรู้สึกว่าใกล้ออกแล้ว ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรเยอะ เพราะถ้าต้องมานั่งเศร้าก็ไม่ใช่เวลาแล้ว ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้จะบาน”
ทนายพูดถึงเรื่องราวข้างนอก และเล่าถึงงานนิทรรศการ The Letter : คนในส่งออกคนนอกส่งเข้า นำเสนอจดหมายจากผู้ต้องขังทางการเมือง เครื่องมือสื่อสารความรักความคิดถึงความหวังผ่านตัวอักษร ซึ่งบรรยากาศในงานมีการนำภาพของผู้ต้องขังมานำแสดง รวมถึงมีซองจดหมายของผู้ต้องขังแต่ละคนที่ให้ผู้ร่วมงานเขียนจดหมายถึง และจัดแสดงขนมกินเล่นของคนข้างใน ซึ่งทำจากโอวัลตินผสมน้ำเปล่าเล็กน้อยปั่นให้ขึ้นรูป
น้ำบอกว่าหากเป็นที่โรงพยาบาลบาลราชทัณฑ์จะใช้กาแฟทำ เป็นลูกอมรสกาแฟ น้ำขอบคุณคนที่ยังนึกถึงเพื่อนผู้ต้องขังที่อยู่ข้างใน มันทำให้คนข้างในมีกำลังใจมาก ๆ
ปัจจุบัน (30 ก.ค. 2567) น้ำถูกคุมขังมาแล้ว 399 วัน
.
แม็กกี้: ในเรือนจำค่อนข้างน่าเบื่อ การอ่านหนังสือทำให้ได้คิดอ่าน
วันที่ 18 ก.ค. 2567 ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ทนายแจ้งเรื่องที่ “กลุ่มฟื้น” ส่ง Domimail เข้ามาหา แม็กกี้ตอบว่าได้รับแล้ว ทั้งแจ้งว่า “กลุ่มฟื้น” จะให้คนเข้ามาเยี่ยม มีการฝากเข้ามา 2 รายชื่อ เมื่อแจ้งไปแบบนั้นแม็กกี้บอกว่า ต้องรออีก 6 เดือน จึงจะเป็นช่วงที่แดน 6 ที่แม็กกี้อยู่เพิ่มชื่อได้ แม็กกี้เล่าขยายความว่า การเพิ่มชื่อเข้าเยี่ยมของที่นี่จะวนไปตามรอบ เช่นเดือนนี้เป็นของแดน 1 เดือนหน้าจะเป็นของแดน 2 และวนไปเรื่อย ๆ จนครบแดนในเรือนจำ จึงจะวนกลับมาที่เดิม แม็กกี้แจ้งว่าให้ทางกลุ่มฟื้นส่งชื่อมาใน Domimail ที่ผูกไว้ก็ได้ เพราะเธอไม่มีที่จด จำไปก็อาจจะจำชื่อผิดได้
ก่อนอัพเดตว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอสบายดี ฝนไม่ค่อยตกแล้ว ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรทำ มันก็เบื่อ ๆ ว่าง สัปดาห์ก่อน ออกไปแดนการศึกษามา ไปได้นิยายมาอ่าน พอให้สมองได้คิดอ่าน แต่หนังสือในแดนการศึกษามันไม่น่าอ่านเลย นิตยสารเก่า ๆ หนังสือพิมพ์เก่า ๆ แม็กกี้อยากให้เอาหนังสือมาบริจาคให้แดนการศึกษาบ้าง เพราะบางทีก็อยากอ่านเรื่องการเมือง เรื่องใหม่ ๆ ในสังคมบ้าง การจะออกไปแดนการศึกษาก็ใช่ว่าจะเดินออกไปได้เลย ต้องลงชื่อล่วงหน้า 1 สัปดาห์ และแดน 6 จะได้ออกทุกวันพุธ
ก่อนจากวันนั้น ทนายชวนแม็กกี้คุยเรื่องการประกวด MUT 2024 พร้อมโชว์ภาพข่าวการประกวดให้ดู แม็กกี้กรี๊ดกร๊าดบรรดาชุด และโทนการแต่งหน้าของเหล่านางงาม พร้อมบอกทีเล่นทีจริงว่า ถ้าแต่งหน้าบล็อกนี้ออกมาพบทนายความได้ไหม
วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 แม็กกี้ระบายว่าตอนนี้ 4 เดือนแล้วที่ไม่ได้ดูทีวี ไม่รับรู้ข่าวสารอะไรเลย เธอบอกว่าวันที่ 3 ส.ค. 2567 ทาง ม.สุโขทัยธรรมาธิราช จะมีการจัดแนะแนวเกี่ยวกับการเรียน เธอลงชื่อเพื่อออกไปฟังด้วย อย่างน้อยก็ออกไปเจอผู้คน เจอเรื่องใหม่ ๆ บ้าง ก่อนจะเล่าว่าเดือนตุลาคมนี้จะครบรอบ 1 ปีที่ไม่มีอิสรภาพ รู้สึกวันเวลาในนี้ผ่านไปช้ามาก คิดไปถึงโทษที่นี่ต้องอยู่ 25 ปี บางทีมันก็ท้อ ก็เศร้ามาก ก่อนเปลี่ยนเรื่อง และคุยว่าทนายสายเยี่ยมคนหนึ่งฝากข้อความเข้ามาให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้ไปพูดในงานนิทรรศการ The Letter : คนในส่งออกคนนอกส่งเข้า นำเสนอจดหมายจากผู้ต้องขังทางการเมือง เครื่องมือสื่อสารความรักความคิดถึงความหวังผ่านตัวอักษร แม็กกี้ดีใจมากเมื่อได้ฟังข้อความที่ฝากมา พร้อมฝากบอกว่า “รู้สึกขอบคุณทุก ๆ คนที่ฟังแล้วเห็นใจกับเรื่องราวของแม็กกี้มากค่ะ”
ปัจจุบัน (30 ก.ค. 2567) แม็กกี้ถูกคุมขังทั้งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเรือนจำกลางคลองเปรมมาแล้ว 283 วัน
.
มานี: คิดถึงหลานวัย 4 ขวบ คาดหวังอิสรภาพจากการประกันตัว
วันที่ 25 ก.ค. 2567 ทนายเจอมานีครั้งแรก ทนายแนะนำตัว และถามไถ่ความเป็นอยู่ มานีเล่าว่าตอนนี้เป็นห่วงหลานมาก เนื่องจากเป็นคนเลี้ยงหลานชายอายุ 4 ขวบ ที่ดูแลมาโดยตลอด เนื่องจากลูกสาวของเธอ แยกทางกับสามี และมานีเป็นผู้ดูแลหลานที่ยังเดินไม่ได้ และต้องเข้ากายภาพบำบัด เมื่อเธอไม่อยู่จึงไม่มีใครพาไป เพราะทุกคนต้องทำงานหมด โดยที่ผ่านมา มานีไม่ได้ทำงานอะไร เนื่องจากโรคประจำตัว จึงเลี้ยงหลานอยู่บ้านเป็นหลัก
ก่อนทราบเพิ่มเติมว่ามานีเป็นโรคซึมเศร้า และเป็นแพนิคร่วมด้วย อยู่ระหว่างการรับการรักษา อาการที่เกิดคือ ใจสั่น มือสั่น อ้วก เวลาไม่ได้พบหมอ หรือไม่ได้รับยา ตอนนี้ทานยาอยู่ 2 เม็ด ซึ่งเป็นยาตัวที่ครอบครัวเอามาให้ แต่ยังขาดอีกสองเม็ด โดยหมอมีนัดรักษาต่อเนื่องครั้งถัดไป คือวันที่ 19 ส.ค. 2567 นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านสายตา แว่นที่ใส่อยู่เดิมนั้นเป็นขาเหล็ก ไม่สามารถเอาเข้ามาในนี้ได้ เลยต้องหาซื้อแว่นพลาสติกใส่แก้ขัดไปก่อนแต่เนื่องจากเป็นคนสายตายาว เวลาเดินแล้วใส่แว่นตลอดเวลาก็ทำให้มองไม่ถนัด มีสะดุดบ้าง เละตอนนี้ทางเรือนจำก็ยังไม่ให้ลงชื่อวัดสายตา เนื่องจากว่ามองว่ามีโอกาสได้ประกันตัว เลยยังไม่ได้ลงชื่อเข้าร่วมอะไร เมื่อพูดเรื่องคดี ตอนนี้มานีอยากให้ยื่นอุทธรณ์ และประกันตัว ส่วนระยะเวลาการยื่นเอาตามที่ทนายสะดวก สำหรับเงื่อนไขการประกันตัว เธอบอกว่าสามารถยอมรับได้ทุกเงื่อนไขของศาล
กับชีวิตความเป็นอยู่ มานีเล่าว่าบรรยากาศในนี้ดีขึ้นมากจากครั้งก่อนที่เข้ามาสัมผัส แต่ก็ทำให้วันแรก ๆ ที่เข้ามาคิดถึงบุ้งมาก มันเลยทำให้เราดิ่งมากๆ (มานีน้ำตาไหลเงียบๆ และหยุดพูดไป) เล่าต่อไปว่า อยู่ในนี้ไม่ค่อยได้คุยกับใคร จะอ่านหนังสือมากกว่า และมีแม่ห้องที่ ผบ.แดนฝากดูแลอยู่ “เขาก็ดูแลเราดีอยู่ในตอนนี้ ในนี้ไม่ได้มีใครมาแกล้งอะไร และขอฝากตามข่าวเรื่องการทวงคืนความยุติธรรมให้บุ้งด้วย ส่วนตัวไม่ต้องห่วง พี่อยู่ได้ ขอบคุณทุกกำลังใจมาก ๆ ค่ะ”
ถึงปัจจุบัน (30 ก.ค. 2567) มีนาถูกคุมขังมาแล้ว 13 วัน
.
ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม
เรื่องเล่ามาตรา 112 – 3 เรื่อง 3 มุมมอง จากผู้ที่กำลังเผชิญกรรม ม.112 ในเรือนจำ