ห่วงครอบครัว – เลือกสู้ต่อดีกว่าตาย บันทึกเยี่ยมครั้งแรกของ ‘นารา’ หลังตกเป็นจำเลยคดี ม.112 อีกหนที่ 2

22 มี.ค. 2567 ทนายความเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม ‘นารา’ หรือ อนิวัต ประทุมถิ่น คอนเทนต์ครีเอเตอร์และจำเลยคดี ม.112 วัย 24 ปี เป็น ‘ครั้งแรก’ ผ่านวิธีวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพราะนารายังอยู่ระหว่างกักกันโรค หลังถูกเบิกตัวออกไปศาลในคดีส่วนตัว เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา 

ในตอนนี้นาราถูกตัด ‘ผมสั้น’ เป็นทรง ‘รองทรงสูง’ สวมเสื้อแขนสั้นสีฟ้าอ่อน เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ นารายิ้มทักทายเราด้วยสีหน้าที่ดูผ่อนคลาย นาราดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือทางคดีในคดีที่เธอเพิ่งถูกฟ้องใหม่

คดี ม.112 คดีแรก ศาลเพิ่งยกฟ้องไป
แต่จู่ ๆ ก็มีคดี ม.112 ใหม่เข้ามาอีก หนูไม่เงินจ้างทนายแล้ว”
– นาราพูดด้วยความรู้สึกตัดพ้อ

คดี ม.112 คดีแรกของนารา กรณีถูกฟ้องจากกรณีจัดทำและร่วมแสดงในคลิปโฆษณาแคมเปญ 5.5 ของลาซาด้า เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นการล้อเลียนเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ คดีนี้นาราได้ว่าจ้างทนายความเอกชนในการสู้คดี

แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา นาราถูกพนักงานอัยการสั่งฟ้องคดี ม.112 อีกครั้งเป็นคดีที่ 2 โดยมีเหตุสืบเนื่องจากการโพสต์เฟซบุ๊ก จำนวน 1 โพสต์ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2563 ทำให้นาราแจ้งมายังศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเพื่อขอรับความช่วยเหลือทางกฎหมาย เนื่องจากไม่มีทุนทรัพย์ที่จะว่าจ้างทนายความเอกชนเหมือนครั้งก่อนแล้ว

นาราเล่า ภายหลังจากเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2566 ที่ศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องคดี ม.112 คดีแรกไปก็มีเพื่อน ๆ ของเธอทยอยกลับมาเข้าเยี่ยมที่เรือนจำอยู่เรื่อย ๆ แต่พอมีข่าวออกไปว่าถูกฟ้องคดี ม.112 อีกเป็นคดีที่ 2 ก็ไม่มีเพื่อนมาเยี่ยม แต่ยังต้องรอดูต่อไป

“ไม่โอเคมาก เราหลุดมาแล้วยังไปขุดอะไรขึ้นมาอีก” นาราพูดแล้วนิ่งเงียบไปพักใหญ่

“เราเห็นเก็ท (โสภณ สุรฤทธิ์ธํารง)
เห็นทนายอานนท์ (อานนท์ นำภา) ต้องถูกตีตรวนเวลาออกไปศาล
พวกแกดูเหนื่อยมาก แล้วยังต้องถูกตรวนตลอดเวลา เรารู้สึกทรมานแทน
เขาสองคนถูกจับเพราะขึ้นปราศรัย เพราะแสดงออกเฉย ๆ
ทำไมต้องไปพรากลูกพรากเมียเขาด้วย
ขนาดคนที่ฆ่าคนตายบางคดียังได้ประกันตัวเลย

“ยิ่งหนูมาอยู่ในคุก หนูยิ่งเห็น 

แม้จะติดคุกก็ไม่มีความเท่าเทียมกัน 

คนมีเงินก็เป็นนักโทษอีกชั้นหนึ่ง 

พวกไม่มีเงินก็ต้องคอยเป็นคนใช้” 


เป็นห่วงครอบครัว ตายายสูงวัย น้อง แม่

และหลานตาบอด

“หนูเข้ามาในเรือนจำในคดีฉ้อโกง เรื่องกล่องสุ่ม ตั้งแต่ 21 มีนาคมปีที่แล้ว, เมื่อวานครบ 1 ปี พอดี 

อยู่ในนี้หนูก็พยายามเอาตัวรอด ขายข้าวขายของ
เอาจริง ๆ นะ ถ้าตัวคนเดียวหนูอยู่ได้ เราโอเค แต่ห่วงที่บ้าน ห่วงครอบครัวมากกว่า”

นาราเล่าว่า เธอเกิดที่จังหวัดลพบุรี แล้วจึงย้ายมาอยู่ที่จังหวัดอยุธยา ที่บ้านมีตา ยาย แม่ น้อง 2 คน และหลานที่ตาบอด นาราเป็น ‘ลูกคนโต’ ของบ้าน พ่อของเธอเสียชีวิตแล้ว ตอนอยู่ข้างนอกนาราเป็น ‘เสาหลักของครอบครัว’ คอยดูแลทุกคนในบ้าน แต่ตอนนี้นารารู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นภาระของครอบครัวเสียเอง เพราะความรับผิดชอบทุกอย่างตกไปอยู่ที่ ‘แม่’ คนเดียว 

นาราบอกว่า แม่ต้องลำบากมาก ต้องเลี้ยงดูทุกคน ตั้งแต่น้องคนสุดท้องที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.4 ส่วนน้องคนกลางอายุ 18 ปี เรียนระดับ ปวช. ซึ่งเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ นาราไม่รู้ว่าตอนนี้น้องเป็นยังไงบ้างแล้ว ถ้าได้อยู่ข้างนอกอย่างน้อยยังได้คอยดูแลทุกคนในครอบครัว 

หลานของนารา ‘บกพร่องทางการมองเห็น’ ทั้ง 2 ข้าง แม่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและชอบปวดไมเกรนบ่อย ๆ  ส่วนตากับยายก็มีอายุเยอะแล้ว มีโรคประจำตัวหลายอย่าง โดยเฉพาะยายซึ่งมักจะเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ไม่ค่อยสบายมาหลายปีแล้ว ส่วนตาก็มีโรคมาเบียดเบียนตามประสาคนแก่ไม่ต่างจากยาย 

“ตั้งแต่หนูเข้ามา รู้ว่าตาต้องเข้าโรงพยาบาล 2 ครั้งแล้ว แต่คนที่บ้านไม่ค่อยอยากจะบอกว่าตาเป็นอะไร 

เขากลัวเราคิดมาก ตอนนี้เราช่วยเหลืออะไรครอบครัวไม่ได้เลย ต้องให้เขาดูแลกันไปก่อน

“ปกติแม่จะมาเยี่ยมสัปดาห์ละครั้ง ขับรถจากจังหวัดอยุธยา แต่หนูไม่ค่อยอยากให้มา
หนูก็พยายามบอกว่าหนูอยู่ได้ ไม่ต้องกังวล เพราะการมาหาหนูแต่ละครั้งก็มีแต่จะเสียเงิน
แถมยังต้องเสียเวลาต้องมานั่งรอ 2-3 ชั่วโมง หนูพยายามให้แกเยี่ยมแบบออนไลน์อยู่ แต่แกทำไม่ค่อยเป็น” เมื่อเล่าถึงเรื่องที่บ้านสีหน้าของนาราดูเศร้าลงเล็กน้อย


กังวลโอกาสได้ประกันตัวยากกว่าเดิม

หลังถูกฟ้องคดี ม.112 เพิ่มอีก

การถูกคุมขังในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากคดีฉ้อโกงของนารา ซึ่งเดิมตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาราว 14 คดี แต่ศาลทยอยมีคำพิพากษาไปบ้างแล้ว มีทั้งพิพากษายกฟ้อง ให้จำคุกแต่รอลงอาญา รวมถึงมีคดีที่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องต่อศาลด้วย ทำให้ปัจจุบันคดีฉ้อโกงของนาราเหลืออยู่ราว 4 คดีเท่านั้น

วันที่ 28 เม.ย ที่จะถึงนี้เป็นนัดสืบพยานครั้งแรกของหนึ่ง 1 ใน 4 คดีที่เหลืออยู่ ซึ่งนาราตั้งใจว่าจะยื่นขอประกันตัวต่อศาลอีกครั้ง จะได้ออกไปหาเงินมาคืนให้ผู้เสียหายที่เหลืออยู่ แต่นาราก็รู้สึกกังวลคดี ม.112 คดีที่ 2 ที่อัยการเพิ่งยื่นฟ้องไปอาจเป็นคดีที่จะทำให้ศาลสั่งไม่ได้ประกันตัวหรือไม่ 


ความเป็นอยู่ ‘คนข้ามเพศ’ ในเรือนจำดีขึ้น

จากนี้ตั้งใจจะเป็นเสียงให้ LGBTQIAN+

เมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข่าวเรื่องที่นาราถูกเลือกปฏิบัติและถูกละเมิดความเป็นคนข้ามเพศในเรือนจำ หลังจากนั้นทำให้นาราและผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN+) ได้รับการปฏิบัติหลายอย่างในทิศทางที่ดีขึ้น  

“เราได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้น เราได้รับอนุญาตให้ ‘เทคฮอร์โมนเพศหญิง’ ได้แล้ว
เราไว้ผมได้ยาวมากขึ้น และผู้คุมก็ได้หา ‘ชุดชั้นใน’ มาให้เราใส่ปิดหน้าอกแล้ว 


“เราขอบคุณมาก ๆ ที่ช่วยสื่อสารให้เรา ตอนที่เข้ามาแรก ๆ เราไม่รู้จะพูดกับใคร บอกใคร ใครจะมาสนใจ 

แต่พอมีคนแชร์เรื่องราวของเราออกไปให้สังคมรู้ เราดีใจ เราได้รับการปฏิบัติดีขึ้นมาก 

“อย่างเรื่องที่เคยมีคนมา ‘ตบหัว’ นาราและล้อนาราเสมือนเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผู้คุมเรือนจำก็มาช่วยดูแลไม่ให้มีเรื่องแบบนั้นอีก เจ้าหน้าที่ตักเตือนคนที่แกล้งคนข้ามเพศว่า ‘เป็นสิ่งไม่ดี อย่าทำ’ 

พอมีกะเทยคนอื่นโดน เราก็คอยพูดเป็นปากเป็นเสียงแทน ไม่ให้ใครมาแกล้งพวกเราได้อีก

“ส่วนเรื่อง ‘อาบน้ำ’ ที่นี่มันไม่มีห้องน้ำแบ่งแยก มีแค่บล็อก เราก็ไปอาบในบล็อกเหมือนเดิม
แต่ขอไปอาบตอน 9-10 โมง ช่วงที่ยังไม่มีใครเข้ามา ระหว่างนั้นเราก็จัดการตัวเองไป ผู้คุมเองก็ใจดีอนุโลมให้เราอาบน้ำก่อนได้ อยู่ที่นี่เราก็รู้สึก ‘โชคดี’ อยู่บ้าง หัวหน้าฝ่ายโอเค เวลามีปัญหาก็เรียกมาคุยตลอด เราก็ไม่สร้างปัญหาให้เขาด้วย แบบเจอกันครึ่งทาง อันไหนแก้ได้เขาก็พยายามแก้ให้ 

“อย่ามาตัดความเป็นคนของเรา, ทุกวันนี้หนูพยายามปรับตัว
และพยายามอยู่ในอย่างมีความสุขให้ได้ ถึงไม่มีความสุขแต่ก็ต้องอยู่

“มีคนเคยถามว่า ‘ถ้าเลือกตาย กับติดคุก จะเลือกอะไร’
หนูเลือก ‘ติดคุก’

“เมื่อได้กลับออกไปหนูจะทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงอีกครั้งหนึ่ง อาจจะต้องกลับไปเป็นแม่ค้าขายของเหมือนเดิมก็ไม่เป็นไร ชีวิตเรามันเริ่มจากศูนย์อยู่แล้ว หนูจะเอาความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน หนูเคยทำผิดพลาดเรื่องไหน หนูได้เรียนรู้จากเรื่องนั้นแล้ว ทั้งเรื่องคบเพื่อน การทำมาหากิน
กลับออกไป หนูจะได้ไปดูแลครอบครัวของหนู

“อีกเรื่อง ถ้าได้ออกไปครั้งนี้หนูจะขอเป็นกระบอกเสียงให้กับ LGBTQIAN+ เรื่องความเท่าเทียม ความเป็นคน
แต่ก่อนหนูไม่เคยดูเรื่องพวกนี้เลย เห็นเด็กออกมาเรียกร้องเรื่องไว้ผมยาวแล้วยังไงก็ฉันไว้ผมได้อยู่แล้วนี่
หนูก็ไม่สนใจ จนมาเจอกับตัวเอง

“เรื่องสิทธิของกลุ่ม LGBTQIAN+ ยังต้องผลักดันอีกมาก
ยิ่งต้องมาอยู่ในคุกยิ่งเห็นปัญหามากขึ้น”


ความเห็นกรณีแม็กกี้ และแจ้งข่าวกรณีถูกมีผู้แอบอ้างว่าให้ความช่วยเหลือนาราประจำ

นาราให้ความเห็นเรื่องของ ‘แม็กกี้’ ผู้นิยามตัวเองว่าเป็นเกย์และเคยต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศเช่นเดียวกับนารา ซึ่งล่าสุดถูกศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุกในคดี ม.112 สูงถึง 25 ปี ทำให้ต้องย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปยังเรือนจำกลางคลองเปรมแล้วในวันที่ 22 มี.ค. เพราะโทษสูงเกิน 15 ปี ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของเรือนจำ

“น้อง (แม็กกี้) ต้องติดไปอีกกี่ปี
ช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่คนต้องสร้างเนื้อสร้างตัว ต้องหาเงิน
แล้วต้องติดคุก 25 ปี ชีวิตจะเป็นยังไงต่อ”
นาราสีหน้าสลดไปครู่หนึ่ง

แล้วพูดต่อว่า

“จริง ๆ หนูก็กลัวอยู่เหมือนกัน ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
อยากให้มี ‘นิรโทษกรรม’ ขอให้ได้สำเร็จด้วยเถอะ” 

นาราฝากบอกเพื่อน ๆ ข้างนอกทุกคนว่า “เราอยากให้มีคนมาเยี่ยม มาให้กำลังใจ มาเยี่ยมที่นี่ไม่ได้ก็ส่งจดหมายมาให้กำลังใจกันได้ หนูไม่ได้สบายอะไร หนูยังต้องการกำลังใจ” 

พร้อมกันนี้ นาราฝากแจ้งข่าวสำคัญด้วย กรณีมี ‘เพื่อนคนหนึ่ง’ แอบอ้างว่าคอยทำหน้าที่ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของนาราในเรือนจำอยู่เป็นประจำทุกวัน ทั้งการฝากเงิน ซื้ออาหาร และของใช้ ซึ่งนาราขอแจ้งว่า ‘ไม่เป็นเรื่องจริง’ โดยผู้แอบอ้างเข้าเยี่ยมเพียง 1 ครั้งเท่านั้น และปัจจุบันก็ไม่ได้ดูแลนาราอย่างที่กล่าวอ้างแล้ว เรื่องนี้ทำให้เพื่อนและคนใกล้ชิดของนาราหยุดซื้ออาหารหรือให้ความช่วยเหลือนารา เพราะเห็นว่ามีคนคอยช่วยเหลือประจำอยู่แล้ว ทำให้นาราไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนเป็นเวลานานมากแล้ว

เมื่อคุยกันผ่านไปพักใหญ่ นาราทำทีหันหน้าหันหลัง ก่อนจะบอกว่า ‘ได้เวลาทำกับข้าวแล้ว’ เพราะอยู่ในเรือนจำไม่มีรายได้จึงต้องรับจ้างทำกับข้าวในเรือนจำ

สุดท้ายนาราบอกว่ามีเรื่องที่อยากเล่าอยากแชร์เยอะมาก ไว้จะเล่าให้เราฟังในการเข้าเยี่ยมครั้งหน้า และยังต้องติดตามรายละเอียดคดีมาตรา 112 คดีใหม่ของเธอเพิ่มเติม

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ศาลยกฟ้องคดี “นารา”ชี้ต้องตีความ “ดูหมิ่น-หมิ่นประมาท” โดยเคร่งครัดการแสดงบทบาทสมมติยังไม่เข้าองค์ประกอบ ม.112

เสียงจาก ‘นารา’ ผู้ถูกคุมขังในเรือนจำระบบสองเพศ: ถูกตัดผมทรงนักเรียนสั้นเกรียน – ไม่ให้เทคยาคุม – ไม่ให้ใส่ยกทรง

X