เสียงจาก ‘นารา’ ผู้ถูกคุมขังในเรือนจำระบบสองเพศ: ถูกตัดผมทรงนักเรียนสั้นเกรียน – ไม่ให้เทคยาคุม – ไม่ให้ใส่ยกทรง

วานนี้ (26 ก.ย. 2566) เรามีโอกาสได้สังเกตการณ์การสืบพยานคดีมาตรา 112 ของ ‘นารา’ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ‘นาราเครปกะเทย’  ที่ศาลอาญา และมีโอกาสได้พูดคุยกับเธอเป็นเวลาสั้น ๆ ถึงชีวิตในเรือนจำ โดยเฉพาะการถูกบังคับให้ทำและไม่ทำหลายสิ่งที่ขัดแย้งกับเพศสภาพของเธอ

วันนี้เป็นนัดสืบพยานคดี ม.112 วันสุดท้ายพอดี คดีนี้นาราถูกฟ้องจากการถ่ายคลิปโฆษณาลาซาด้า 5.5 ร่วมกับหนูรัตน์และมัมดิวเมื่อปี 2565 โดยมัมดิวได้ลี้ภัยไปอยู่ที่ต่างประเทศแล้ว ส่วนคดีของหนูรัตน์อัยการแยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งมีนัดสืบพยานช่วง ส.ค. และ ก.ย. ปี 2567 

คดีของนารามีทนายความของตัวเองให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย โดยเธอยังถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเรือนจำชาย ในคดีส่วนตัวอยู่ด้วย

นารา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงในโซเซียลและวงการบันเทิงก็ว่าได้ เธอเป็นผู้หญิงข้ามเพศ ที่ผ่าตัดทำหน้าอกแล้ว แต่ยังไม่ได้ศัลยกรรมแปลง หากจะพูดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ ‘สวย’ คนหนึ่งก็คงไม่ผิด เพราะหลายปีมานี้เธอดูแลตัวเองและเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากอยู่ 

แต่ในตอนนี้ นารามีผมที่สั้นมาก คล้าย ‘ทรงนักเรียน’ ที่นักเรียนประถมต้องตัดกัน หัว 3 ด้านสั้นเกรียนเกือบขาว ด้านบนยาวเล็กน้อยคล้ายรองด้วยหวีไว้ ส่วนเท้าถูกตรวนด้วยกุญแจเท้าตลอดเวลา 

นาราเล่าให้เราฟังว่า กฎเกณฑ์ในเรือนจำกดขี่และละเมิดตัวตนความเป็นผู้หญิงข้ามเพศอย่างเธอและเพื่อนผู้ต้องขังคนอื่นมาก ๆ เธอยกตัวอย่างเรื่องการต้องตัดผมทรงนักเรียน การห้ามเทคยาคุม และการห้ามใส่ยกทรงเพื่อปิดบังหน้าอก  

ทุกคนถูกบังคับตัดผม ‘ทรงนักเรียน’ ยกเว้นอภิสิทธิ์ชนบางคนได้ละเว้นให้ตัด ‘รองทรงสูง’ ได้

นาราบอกว่า ‘เส้นผม’ สำคัญกับสาวข้ามเพศอย่างเธอและผู้ต้องขังคนอื่น ๆ อย่างมาก ตอนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะตัดผมยาวปะหลังของเธอในครั้งแรกไปเป็นทรงนักเรียนนั้น เธอได้ร้องขอแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล รวมถึงให้ทนายความของตัวเองไปคุยกับเรือนจำแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลเช่นกัน โดยเรือนจำยกระเบียบของราชทัณฑ์ขึ้นมาอ้างว่าต้องปฏิบัติตามทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น

เรือนจำบังคับให้ทุกคนตัดผมสั้น ‘ทรงนักเรียน’ เกรียนขาวทั้ง 3 ด้านเลย โดยไม่มีการรองหวีใด ๆ วันที่เราเจอกันนาราบอกว่าผมยาวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เราเห็นว่าก็ยังสั้นอยู่มาก ผู้ต้องขังอภิสิทธิ์ชนบางคนเท่านั้นที่สามารถไว้ผมยาวกว่าเพื่อนได้ โดยเรือนจำจะอนุญาตให้ตัด ‘รองทรงสูง’ ได้ นาราบอกว่า คือ ‘กลุ่มคนรวย’ 

นารายกตัวอย่างว่า บางเรือนจำอนุญาตให้ผู้ต้องขังข้ามเพศไว้ผมได้ยาวกว่านี้ อย่าง ‘เรือนจำคลองเปรม’ จะไว้ผมยาวได้ประมาณเกือบปะบ่า 

นาราอยู่ห้องขังเดียวกันกับ ‘เก็ท-โสภณ’ ที่เพิ่งเข้าไปเมื่อปลายเดือนสิงหาฯ เก็ทจะชอบพูดถึงนาราออกมาบ่อย ๆ นาราไม่ได้ลำบากเท่าไหร่กับการถูกคุมขังรวมอยู่กับนักโทษชายคนอื่น ๆ เพราะไม่ต้องไปอาบน้ำแก้ผ้ารวมกับอื่น ๆ ในที่กลางแจ้ง แต่เธอขออาบในบล็อกเตี้ย ๆ ในห้องน้ำของห้องขังที่มีไว้สำหรับให้ปลดทุกข์ และผู้ต้องขังชายคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้คุกคาม รังเกียจเธอแต่อย่างใด

แต่เธอบอกว่า พอถูกตัดผมสั้นเหมือนกันทุกคน ผู้ชายบางคนก็จะมาเล่นแรง ๆ กับเธอด้วย มาแกล้งตบหัวบ้าง พูดสรรพนามว่า ‘ไอ้’ บ้าง การมีผมยาวเหมือนผู้หญิง นาราบอกว่าเป็นสิ่งแสดงให้ผู้ชายได้หยุดคิดและให้เกียรติมากขึ้น เพราะบางคนไม่รู้จริง ๆ ว่าแต่ละคนเพศอะไรบ้าง เพราะทุกคนผมสั้น ใส่ชุดสีน้ำตาลเหมือนกันหมด นาราอยากให้ทุกคนให้เกียรติและเคารพความเป็นคนข้ามเพศบ้าง แค่นั้นก็พอแล้ว 

เธอพูดย้ำว่า ‘ทรงผม’ คือ สิ่งสำคัญที่สุดที่นาราต้องการในตอนนี้ เธออยากให้เรือนจำพิจารณาเปลี่ยนแปลงระเบียบการตัดผม เพราะสิ่งนี้ทำให้ ‘เธอ’ ยังคงเป็น ‘เธอ’ อยู่ 

‘ห้ามเทคยาคุม’ เด็ดขาด สงวนให้เฉพาะผู้แปลงเพศแล้วและมีใบรับรองแพทย์เท่านั้น 

การเทค ‘ยาคุม’ หรือ ‘ฮอร์โมนผู้หญิง’ เป็นสิ่ง ‘ต้องห้าม’ อีกอย่างของเรือนจำชาย ผู้หญิงข้ามเพศที่จะทานได้ต้อง ‘แปลงเพศ’ แล้ว และต้องมีใบรับรองจากแพทย์เท่านั้น แม้ว่าเธอคนนั้นจะมีหน้าอกแล้ว หรือมีสรีระคล้ายผู้หญิงทุกประการอย่างนารา แต่ถ้ายังไม่ได้แปลงเพศ เรือนจำก็จะไม่อนุญาตให้ทานฮอร์โมนเอสโตรเจนต่อไป 

ผู้หญิงข้ามเพศหลายคนต้องหยุดทานฮอร์โมนทันทีเมื่อเข้าเรือนจำ

รุ่นพี่ผู้หญิงข้ามเพศคนหนึ่งบอกว่า ในคนที่ยังไม่ได้แปลงเพศ ไม่ได้ตัดอัณฑะออก ฮอร์โมนผู้ชายก็จะยังผลิตตามธรรมชาติอยู่ทุกวัน ดังนั้นการเทคยาคุม หรือ ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน จึงสำคัญอย่างมากกดทับความเป็นชายไว้ และเพื่อคงสรีระและความเป็นผู้หญิงไว้กับตัวเอง โดยจะต้องทานเป็นประจำ ‘ทุกวัน’  

หากหยุดทานก็จะทำให้ร่างกายค่อย ๆ มีความเป็นผู้ชายมากขึ้น นาราบอกว่าหยุดทานประมาณ 1 เดือนก็จะเริ่มเห็นผลแล้วว่าสรีระของตัวเองมีความเป็นชายมากขึ้น เช่น หนวดกลับมาขึ้น หนา ดกดำ จะมีอารมณ์ทางเพศถี่ขึ้น มัดกล้ามเนื้อชัดเจนขึ้น 

แต่ตอนนี้นาราถูกคุมขังมาเกือบ 7 เดือนแล้ว

ห้ามใส่ยกทรง และไม่มีขายในเรือนจำ 

‘ยกทรงที่มีโครงเหล็ก’ คือ สิ่งต้องห้ามในเรือนจำหญิง เพราะโครงเหล็กอาจถูกใช้ทำร้ายร่างกายกันเองได้ แต่เรือนจำจะแจก ‘เสื้อใน’ แบบที่ไม่มีโครงเหล็กให้ฟรี ซึ่งบางทีก็ไซส์ใหญ่ไปบ้าง เล็กไปบ้าง ก็ต้องใช้หนังยางนัดเอา หรือจะแอบใช้ ‘สปอร์ตบลา’ แทนก็ได้ แต่เรือนจำหญิงไม่ได้มีขาย เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำที่มีฐานะบางคนจะมีครอบครองไว้ และจะแอบขายให้ผู้ต้องขังกันเองในราคาที่สูงมาก จากคำบอกเล่าของอดีตผู้ต้องขังการเมือง ราคาอาจสูงถึงหลักพัน เลยจะมีแค่คนที่มีฐานะเท่านั้นที่ซื้อได้ไว้ใช้ 

กับเรือนจำชาย สปอร์ตบลา ยกทรง หรือสิ่งคล้ายกันไม่มีขายให้ผู้ต้องขังเลย และไม่สามารถนำเข้าไปในตอนแรกด้วย แต่เรือนจำชายก็ไม่ได้มีเฉพาะนักโทษที่มีเพศสภาพเป็น ‘ชาย’ เพศเดียวเท่านั้น ยังมีผู้มีความหลากหลายทางเพศอีกมากมายหลายเฉด

นาราเธอผ่าตัดทำหน้าอกแล้ว เธอบอกว่า ตั้งแต่ถูกคุมขังไม่เคยได้ใส่ยกทรงเลย ทุกวันนี้ใส่เฉพาะเสื้อผู้ต้องขังผ้าบาง ๆ สีน้ำตาลแค่ตัวเดียวคลุมร่างกายเท่านั้น จุกซิลิโคนสำหรับปิดหัวนมก็ไม่มีให้ใช้ ฉะนั้นการใช้ชีวิตจะลำบากและต้องระมัดระวังการก้ม การเดิน วิ่ง มาก ๆ แม้กระทั่งนั่งเฉย ๆ ก็อาจจะโป๊ได้แล้ว  

ใช้สีทาบ้านไว้ทาเล็บ แต่งหน้าจากเครื่องสำอางเก่า ‘ต้องทำทุกอย่างให้เรายังเป็นเรามากที่สุด’ 

วันนี้นาราแต่งหน้าด้วย เธอเขียนคิ้ว แต่งสีตาประกายชมพู ทาลิปสีแดง และทาสีเล็บเท้าสีแดงด้วย เรางงว่าเรือนจำให้เอาเครื่องสำอางเข้าไปได้ด้วยเหรอ นาราหัวเราะแล้วตอบว่า เรือนจำเขาไม่ให้เอาเข้าหรอกค่ะพี่ นี่เป็นเครื่องสำอางของชมรม To be number One ในเรือนจำ ที่ส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น มีไว้ให้ผู้ต้องขังแต่งหน้าเวลาจะทำการแสดง-การแข่งขันในงานสำคัญต่าง ๆ อย่างกีฬาสี แข่งร้องเพลง แข่งเต้น 

นาราไม่ได้แต่งแบบนี้หรอก เธอบอกว่าจะแต่งหน้าสวย ๆ แบบนี้เฉพาะวันสำคัญ ๆ เท่านั้น อย่างวันนี้ที่ต้องออกมาศาล เพราะเครื่องสำอางมีน้อยมาก ๆ ต้องใช้อย่างประหยัด ส่วนเล็บเท้าที่ทาสีแดงก็ไม่ใช่สีทาเล็บด้วยซ้ำ แต่เป็น ‘สีทาผนัง’ ที่เรือนจำใช้ทาซ่อมแซมพระพิฆเนศ แล้วนาราก็เอาไปใช้ทาเล็บ  

“ทำยังไงก็ได้อะพี่ ให้เรายังเป็นเรามากที่สุด” นาราบอกกับเรา

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

สั่งฟ้อง “มัมดิว-หนูรัตน์” คดี ม.112 กล่าวหาทำคลิปล้อเลียนอดีตพระราชินี-เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ซึ่งอัยการระบุว่าเป็น “รัชทายาท” ก่อนศาลให้ประกัน

X