วันที่ 9 ก.ค. 2567 เวลา 09.00 น. ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ หลัง “ภูมิ หัวลำโพง” นักกิจกรรมเยาวชนและอาสากู้ภัยวัย 20 ปี ยื่นอุทธรณ์ขอให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลางที่ให้ควบคุมตัวภูมิในสถานพินิจฯ ในคดีมาตรา 112 กรณีเข้าร่วมกิจกรรมเรียกร้องให้ปล่อยตัว “นิว” สิริชัย นาถึง ซึ่งถูกจับกุมไปยัง สภ.คลองหลวง เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2564
สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2566 ภูมิได้ให้การรับสารภาพ ก่อนศาลเห็นควรให้ใช้มาตรการพิเศษแทนการพิพากษาคดี ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 132 วรรค 2 โดยให้ส่งตัวจำเลยไปที่สถานพินิจฯ เป็นเวลา 1 ปี ให้อบรมหลักสูตรวิชาชีพ 2 หลักสูตร และให้ ผอ.สถานพินิจฯ รายงานความประพฤติจำเลยให้ศาลทราบทุก 3 เดือน
จากคำสั่งดังกล่าวทำให้ภูมิต้องถูกควบคุมตัวในสถานพินิจฯ บ้านเมตตาตั้งแต่วันนั้น แม้ที่ปรึกษากฎหมายได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 2 ครั้ง เนื่องจากมีข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญคือมารดาของภูมิได้เดินทางกลับจากทำงานต่างประเทศแล้ว และพร้อมจะดูแลภูมิในฐานะผู้ปกครอง แต่ศาลเยาวชนฯ ยังเห็นว่า ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม
ต่อมา วันที่ 19 ธ.ค. 2566 ที่ปรึกษากฎหมายได้เข้ายื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลเยาวชนฯ โดยมีสาระสำคัญว่า คำสั่งศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ประกอบกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์เกี่ยวกับจำเลยและผู้ปกครองที่ดูแลจำเลยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เปลี่ยนไปใช้มาตรการแทนการพิพากษาคดี และให้จำเลยอยู่ในความดูแลของมารดา ตามมาตรา 132 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ แทน พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางอนุญาตให้อุทธรณ์
ต่อมา อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนฯ มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ดังกล่าว และส่งให้อัยการโจทก์แก้ รวมทั้งส่งให้ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัย กระทั่งมีนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (9 ก.ค. 2567)
เวลา 08.50 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 1 ที่ปรึกษากฎหมาย และครอบครัวของภูมิได้เดินทางมาถึงหน้าห้องพิจารณา โดยเจ้าหน้าที่ศาลได้แจ้งว่าภูมิได้เดินทางมาถึงศาลแล้ว ให้ที่ปรึกษากฎหมายและครอบครัวเข้าไปนั่งรอในห้องพิจารณาคดี ส่วนบุคคลอื่นที่เดินทางมาสังเกตการณ์คดีในวันนี้ให้อยู่ข้างนอก ไม่สามารถเข้าไปในห้องพิจารณาได้
เวลา 09.00 น. ภูมิถูกเบิกตัวมาจากข้างหลังห้องพิจารณาคดี โดยสภาพของเขาได้ใส่เฝือกอ่อนไว้ที่แขนขวาเนื่องจากอยู่ระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บหัวไหล่หลุดที่เป็นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567
ก่อนศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ ศาลได้ให้ภูมิและที่ปรึกษากฎหมายลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงอ่านคำพิพากษา มีใจความสำคัญโดยสรุปว่า จากที่ศาลชั้นต้นเห็นควรให้ใช้มาตรการพิเศษแทนการพิพากษาคดี ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว มาตรา 132 วรรค 2 กำหนดให้ส่งตัวจำเลยไปที่สถานพินิจฯ เป็นเวลา 1 ปี ให้อบรมหลักสูตรวิชาชีพ 2 หลักสูตร และให้ ผอ.สถานพินิจฯ รายงานความประพฤติจำเลยให้ศาลทราบทุก 3 เดือนนั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วเห็นชอบด้วย ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม พิพากษายืน
ภูมิเปิดเผยว่าอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ยังไม่ดีขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลแล้ว
สำหรับอาการบาดเจ็บที่ไหล่ด้านขวาของภูมินั้นล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2567 ที่ปรึกษากฎหมายได้เข้าเยี่ยมภูมิที่โรงพยาบาลสิรินธร ตึกศัลยกรรมกระดูกชาย ขณะภูมิกำลังเข้ารับการรักษาหลังเกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดเย็บเอ็นหัวไหล่ด้านขวา ที่ทีมแพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ ทำการผ่าตัดให้เมื่อต้นเดือน มิ.ย. ซึ่งภายหลัง 5 วันที่ได้รับการพักฟื้นที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่บ้านเมตตาก็ได้แจ้งว่าจะนำตัวเขากลับไปสถานพินิจฯ แม้แผลผ่าตัดจะยังไม่หายดีและมีน้ำเหลืองไหลออกมา
ก่อนหน้าวันฟังคำพิพากษา ทนายได้ถามภูมิเกี่ยวกับความหวังในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่จะอ่านในวันนี้ ภูมินิ่งเงียบก่อนตอบว่า
“ผมอยากกลับบ้าน คิดถึงอาม่า คิดถึงแม่ คิดถึงครอบครัว คิดถึงมูลนิธิ คิดถึงเพื่อน ผมเข้ามาอยู่ในนี้นานเกินไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าถ้าออกไปข้างนอกผมจะยังสามารถทำงานที่รักได้อีกเหมือนเดิมมั้ย
“ถ้าศาลไม่เห็นใจ ให้ผมอยู่ต่อ เดือน ก.ค. นี้ผมจะจบ ม.6 ด้วยนะพี่”
อย่างไรก็ตาม ภูมิถูกควบคุมตัวตามมาตรการพิเศษของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางฯ อยู่ที่บ้านเมตตา มาเป็นระยะเวลากว่า 9 เดือนแล้ว ซึ่งทำให้เขาขาดโอกาสในการหาเลี้ยงชีพครอบครัวที่มีเพียงแค่แม่และอาม่าที่รอเขาอยู่ที่บ้าน
ผลของคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ทำให้ภูมิยังคงถูกควบคุมตัวที่สถานพินิจฯ บ้านเมตตาต่อไป ขณะที่ยังมีอาการบาดเจ็บจากแผลผ่าตัดเย็บเอ็นหัวไหล่ด้านขวาซึ่งส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำในบ้านเมตตา ตลอดจนการเข้ารับการฝึกอบรมตามคำสั่งศาลที่ยังเหลืออีก 1 หลักสูตร
นอกจากนี้ การที่ภูมิยังคงถูกควบคุมตัวที่บ้านเมตตาต่อไป ไม่เป็นผลดีต่อการรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ด้านขวา ซึ่งจำเป็นต้องรักษาให้หายเป็นปกติได้โดยไว ก่อนที่จะเรื้อรังจนอาจทำให้ภูมิไม่สามารถกลับมาใช้แขนขวาได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิมอีก