บันทึกเยี่ยม 4 ผู้ต้องขังคดี ม.112: “เป็นห่วงคนข้างนอกนะ เป็นกำลังใจให้ทุกคน”

ระหว่างวันที่ 30 เม.ย.- 3 พ.ค. 2567 ทนายความเข้าเยี่ยม 5 ผู้ต้องขังทางการเมืองในคดีมาตรา 112 ทั้งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ อย่าง ‘เก็ท’ โสภณ ที่ฝากข้อความถึงวันแรงงาน และวันตายของจิตร ภูมิศักดิ์ รวมถึงการให้กำลังใจตะวันและบุ้ง ตลอดถึงขบวนการต่อสู้ประชาธิปไตย และ ‘หนุ่ม’ สมบัติ ที่ตอนนี้สุขภาพแข็งแรงดี กำลังลุ้นการปรับชั้นนักโทษ และหวังว่าจะได้รับข่าวดีจากข้างในนี้  

ส่วน ‘แม็กกี้’ ที่ตอนนี้ถูกคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม ก็บอกเล่าถึงสถานการณ์ชีวิตหลาย ๆ เรื่อง ส่วนสำคัญคงหนีไม่พ้น การที่เธออาจต้องย้ายแดนอีกครั้ง และต้องได้ปรับสภาพชีวิตอีกครั้ง ทั้งกังวลถึงสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะได้พบเจออะไรบ้าง

สุดท้าย ‘ภูมิ’ เยาวชนจากสถานพินิจบ้านเมตตา ที่ผู้ปกครองและที่ปรึกษากฎหมาย คอยติดตามเรื่องวันเวลาในการนัดผ่าตัดหัวไหล่ ขณะที่ภูมิก็ยังพยายามเข้าฝึกวิชาชีพให้ได้ 2 วิชาชีพ ตามคำสั่งศาล 

.

เก็ท โสภณ: เราสำเร็จกันมามากแล้ว แต่ผู้มีอำนาจเขาไม่ยอมถอยไม่ยอมลง

วันที่ 30 เม.ย. 2567 เก็ทเปิดบทสนทนาเรื่องการเยี่ยมญาติผ่านไลน์หลายครั้งที่ผ่านมา ได้เวลาไม่ครบ 20 นาที บางครั้งได้แค่ 13 นาทีเอง ก็ถูกตัดการพูดคุย เพราะนาฬิกาจับเวลาข้างในกับข้างนอก จับไม่พร้อมกัน จึงครบเวลาก่อนกำหนดจริงเสมอ 

เก็ทบอกผู้คุมไปหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงฝากทนายสอบถามเรื่องนี้ให้ เก็ทบอกอีกว่าอยากได้คำสั่งศาลเรื่องที่เขาร้องเรียนคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นที่ผิดพลาด (คดี #ทัวร์มูล่าผัว ศาลอาญาลงโทษจำคุกข้อหาใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกถึง 6 เดือน ทั้งที่กฎหมายกำหนดโทษปรับไม่เกิน 200 บาท)

ก่อนเก็ทจะพูดถึงวันแรงงานสากล คือวันที่ 1 พฤษภาคม อยากฝากข้อความถึงสหภาพคนทำงาน ว่าการก่อร่างสร้างประเทศมันไม่ได้มาจากใครคนหนึ่งคนใด มันมาจากทุกหมู่เหล่าทุกชนชั้น การเคลมว่าเรามีทุกอย่างที่ดีได้ เพราะใครคนใดคนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องน่าอาย เก็ทสะท้อนเป็นประโยคว่า “แรงงานสร้างชาติ ไม่ใช่มหาราชองค์ใด” 

ส่วนวันที่ 5 พฤษภา ก็เป็นวันฉัตรมงคล และยังเป็นวันตายของจิตร ภูมิศักดิ์ อยากให้คนพูดถึงประวัติศาสตร์กระแสร้องบ้าง พูดถึงจิตร, ครูครอง จันดาวงศ์ บ้าง รู้ว่าคงยาก แต่ถ้าช่วยกันพูดบ่อย ๆ หลาย ๆ ปี มันคงมีผลขึ้นมาบ้าง 

ก่อนที่เก็ทฝากกำลังใจให้ตะวันกับบุ้งด้วย “เราสำเร็จกันมามากแล้วแต่ผู้มีอำนาจเขาไม่ยอมถอยไม่ยอมลง พวกเราเองก็ต้องเข้มแข็งไว้ อย่าเสียความบริสุทธิ์ของอุดมการณ์ของเราไป”  และบอกประโยคปิดท้ายว่า “เป็นห่วงคนข้างนอกนะ เป็นกำลังใจให้ทุกคน”

ปัจจุบัน (6 พ.ค. 2567) เก็ทถูกคุมขังระหว่างพิจารณาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาแล้ว 256 วัน

.

แม็กกี้: ยังกังวลหากต้องย้ายแดนอีกครั้ง เพราะไม่รู้จะได้เผชิญกับอะไรอีก

ที่เรือนจำกลางคลองเปรม วันที่ 30 เม.ย. 2567 แม็กกี้โบกไม้โบกมือยิ้มสดใส ทาลิปติกสีแดงเหมือนทุกครั้ง  กล่าวทักทายกันเล็กน้อย แม็กกี้เล่าถึงรูปที่ฝากให้ทนายส่งเข้าไปให้ (เป็นรูปแม็กกี้หลาย ๆ รูป ทำให้อยู่ในภาพใบเดียว) ทางเรือนจำได้ลบรูปออก เหลือแค่รูปหน้ารูปเล็กอันเดียว 

เธอบอกว่าที่นี่ไม่เหมือนพิเศษกรุงเทพ ที่ทำภาพตัดแปะได้ “หนูเห็นรูปเล็ก ๆ รูปเดียว เสียดายมากค่ะแม่” แม็กกี้พูดด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ

ทนายแจ้งข้อความที่แม่แม็กกี้ฝากถึง แม่ฝากเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นมะขามที่บ้านต่างจังหวัด หลังจากแม็กกี้ออกจากบ้านมาไม่นาน ก็เกิดพายุ ทำให้ต้นมะขามล้มใส่บ้าน แม่เลยต้องไปกู้เงิน ธกส. มาสร้างบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ข้าง ๆ บ้านหลังเดิม ทางครอบครัวยังไม่สะดวกมาเยี่ยมแม็กกี้ในตอนนี้เพราะยังไม่มีเงิน ตอนแรกจะสอนให้แม่ลงเยี่ยมทางไลน์ดู แต่แม่ของแม็กกี้บอกว่ามือถือเป็นแบบรุ่นปุ่มกดธรรมดาเท่านั้น แม็กกี้เงียบสักพัก ก่อนจะยิ้มเศร้า ๆ 

วันนี้แม็กกี้ดูเศร้า ๆ แววตาไม่สดใสแม้จะพยายามยิ้มอยู่ เธอบอกถึงความกังวลเรื่องการจำแนกแดน ในวันที่ 1 พ.ค. 2567 “หนูไม่อยากไปแดน 1 เลย เพื่อนที่เคยอยู่ด้วยกันอยู่แดน 1 ก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อวานแดน 1 กะเทยเพิ่งตบกันไป 2 คู่ แบบเดินเจอกันก็เขม่นใส่กัน หนูรู้สึกว่าแดน 1 มันวุ่นวาย ยิ่งหน้าปกประวัติหนูเขียนว่าเบี่ยงเบนทางเพศ หนูยิ่งกลัวว่าจะได้ไปอยู่แดน 1 แน่ ๆ”  

แม็กกี้ระบายอีกว่า “ถ้าเขาจะจำแนกหนูไปแดน 1 หนูกะว่าหนูจะยกมือแล้วขออยู่แดน 6 เหมือนเดิม หนูเริ่มชินกับผู้คน สภาพแวดล้อมแล้ว หนูไม่อยากย้าย หนูเครียดมาก เหมือนเมื่อไหร่มันจะสิ้นสุด หนูต้องทำใจตลอดเลย ตั้งแต่อยู่พิเศษกรุงเทพแล้วถูกย้ายมาคลองเปรม พอมาอยู่แดนนี้ ก็ต้องเตรียมตัวจำแนกแดน หนูไม่ชอบเลย เหมือนต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงซ้ำ ๆ”

เมื่อถามถึงสภาพอากาศข้างในเรือนจำ แม็กกี้เล่าว่า “ข้างในร้อนมาก ผบ.แดน ประกาศขอให้นักโทษใช้น้ำอย่างประหยัด น้ำข้างในเหมือนไม่ใช่น้ำประปา หนูลองชิมดูแล้วรสชาติมันแปลก ๆ เหมือนน้ำบาดาล 

“ตอนนี้เรือนจำจะไล่นักโทษให้ขึ้นห้องนอนตั้งแต่บ่ายสอง จะอนุญาตให้ลงมาอีกทีก็หกโมงเช้าของอีกวัน แล้วคือทรมานมาก ข้างบนมันก็ร้อนอุดอู้แล้วต้องอยู่แบบนั้น 15- 16 ชั่วโมง นักโทษก็ไม่ไหว ก็พากันอาบน้ำบนบล็อคข้างบน แล้วเจอผู้คุมด่าแบบน้ำตรงนี้ไม่ได้มีไว้ให้อาบน้ำ มันมีไว้ให้ล้างขี้ล้างเยี่ยว ก็ไม่มีใครสนใจเพราะมันร้อนอ่ะแม่”

สำหรับการอาบน้ำ “ที่นี่จะอนุญาตให้อาบน้ำ 2 รอบ คือตอน 6 โมงเช้าที่ลงมาจากห้องนอน กับอีกรอบช่วงบ่ายโมง ก่อนขึ้นห้องนอนในเวลาบ่าย 2 ซึ่งมันอยู่ไม่ได้ อากาศร้อนขนาดนี้”

เมื่อพูดถึงอาการเจ็บไข้ “อาการไอหายไปแล้ว ตอนนี้ไม่ได้กินยาอะไรแล้ว ยานอนหลับหรือคลายเครียดไม่ได้กินแล้ว เรื่องอาหารได้รับปกติ ที่นี่ปริมาณอาหารและรสชาติค่อนข้างโอเคคุ้มค่า ไม่เหมือนที่พิเศษกรุงเทพ  เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากะเทยรวมตัวกันทำส้มตำกิน ก็กดซื้อพวกมะละกอ ของที่จะใช้ทำส้มตำมารวม ๆ กัน มีซื้อลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นหมู ไส้กรอกมากินด้วยกัน” 

แม็กกี้ยังอัปเดตถึงชีวิตส่วนอื่น ๆ  “ในนี้ไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำ หนังสือก็ไม่ให้ฝากเข้ามา ทำไมแค่การอ่านหนังสือต้องห้ามด้วย ที่พิเศษกรุงเทพไม่ห้าม ตอนอยู่พิเศษกรุงเทพหนูได้นิยาย 2 เล่ม ถือเข้ามาตอนย้ายมาที่นี่ เล่มหนึ่งเป็นนิยายความรักมหาลัย อีกเล่มเป็นความรักนิยายแนว Y” 

ก่อนอธิบายว่า ในเรือนจำการได้อ่านนิยายมันเป็นความสุขอย่างหนึ่งได้เลย ห้องสมุดที่นี่หนังสือดูเก่ามาก ไม่มีความน่าอ่าน “หนูคิดว่าเรือนจำเปิดรับบริจาคหนังสือเข้าไปข้างในจะดีกว่ามาห้ามแบบนี้นะ อย่างน้อยจะได้มีหนังสือใหม่ ๆ ได้อ่านบ้าง 

“อยากให้เรือนจำเห็นใจนักโทษและปรับปรุงเรื่องนี้มาก ๆ  มีวันหนึ่งหนูไปพื้นที่แดนการศึกษา คือมันไม่มีนักโทษอยู่ประจำนะ แต่เป็นพื้นที่ส่วนกลางให้นักโทษไปทำกิจกรรม หรือใช้ได้ ข้างในคือห้องสมุดเก่ามากกกก (เน้นเสียง) ทั้งที่เรียกว่าเป็นแดนการศึกษา”

ในส่วนเรื่องการติดตามข่าวสาร “ตอนนี้หนูไม่ได้รับรู้ข่าวสารอะไรเลย เรื่องทีวีหมดหวังไปแล้ว มันมีเครื่องเดียว นักโทษมี 4-5 ห้อง เขาให้จับฉลากเอา ห้องหนูจับไม่ได้ ตอนนี้เลยไม่รู้ข่าวคราวอะไรเลย แต่ก่อนอยู่อีกห้อง ยังมีวิทยุ FM แต่ตอนนี้คือไม่รู้อะไร ทีวีส่วนกลางก็ไม่มี เศร้าอ่ะแม่”

ก่อนที่แม็กกี้ทิ้งท้าย ถามถึงเรื่องอภัยโทษ ทนายแจ้งว่าพอคดีถึงที่สุด จะมีใบเด็ดขาดมาให้อย่างช้าสุดน่าจะภายใน 2 เดือน แต่ต้องดูว่าคดีของแม็กกี้อัยการอุทธรณ์อะไรต่อหรือไม่ แม็กกี้บอกว่าในนี้ก็มีการพูดคุยกันอยู่ มีหลักอย่างว่าในคุกต้องรักษาอยู่ 3 ช คือ ช้อน ชั้น และชีวิต 

เธออธิบายเพิ่มว่า “ช้อน คือที่นี่เข้ามาจะมีการแจกช้อนให้คนละ 1 คัน เป็นช้อนเซรามิก (ไม่อนุญาตให้ใช้ช้อนสแตนเลส เพราะเคยมีนักโทษเอาตรงด้ามจับไปฝนจนคมแล้วใช้เป็นอาวุธ) สำหรับคนที่ไม่มีญาติ หรือไม่มีใครมาเยี่ยม ถ้าช้อนหายก็คือลำบาก  ส่วนชั้นก็คือ อย่าให้มีปัญหาจนต้องถูกลดชั้นนักโทษ เพราะชีวิตจะไม่ปลอดภัยได้” 

ปัจจุบัน (6 พ.ค. 2567) แม็กกี้ถูกคุมขังมาทั้งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพและเรือนจำกลางคลองเปรมมาแล้ว 199 วัน 

.

ภูมิ: หวังศาลจะเห็นความพยายามในการจะฝึกวิชาชีพให้ได้ตามคำสั่ง

ที่สถานพินิจบ้านเมตตา วันที่ 3 พ.ค. 2567 แม่อัพเดตกับที่ปรึกษากฎหมายถึงตอนที่ “ภูมิ” ออกไปตรวจอาการไอเป็นเลือดที่โรงพยาบาล  เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2567 อาการดังกล่าวหมอได้เก็บตัวอย่างเสมหะไปตรวจอย่างละเอียดและจะส่งผลการตรวจให้ทางบ้านเมตตาอีกครั้ง 

จากการพูดคุยระหว่างหมอกับภูมิ หมอสันนิษฐานว่าปอดภูมิจะอักเสบ แต่ภูมิมีความกังวลว่าจะเป็นวัณโรค ด้านสภาพจิตใจของภูมิช่วงนี้แม่แจ้งว่าภูมินิ่ง ๆ ไม่มีอาการบาดเจ็บเพิ่ม อาการไอลดน้อยลง แต่ก็ดูมีความกังวล อาจจะเพราะศาลนัดเพื่อดูความประพฤติภูมิอีกครั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2567  

แม่แจ้งเพิ่มอีกว่าภูมิได้ลงเรียนศิลปะแล้ว แม้จะมีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่อยู่ ซึ่งจะเปิดเรียนช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ภูมิหวังว่าศาลจะเห็นความพยายามในการจะฝึกวิชาชีพให้ได้ 2 วิชาชีพตามคำสั่งศาล แม้จะมีข้อจำกัดทางด้านอาการบาดเจ็บอยู่ก็ตาม 

ก่อนหน้านี้ภูมิได้เรียนวิชาชีพเกี่ยวกับการทำกาแฟไปแล้ว ตอนนี้ทางครอบครัวของภูมิมีความกังวลเนื่องจากทางโรงพยาบาลสิรินธรยังไม่ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับวันเวลาในการนัดผ่าตัด ตามที่หมอโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้มีบันทึกมา ให้จัดเตรียมห้องผ่าตัดและเครื่องมือแพทย์แล้วหมอจากจะเข้ามาทำการผ่าตัดให้ เนื่องจากคิวผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เต็ม และอาการของภูมิสมควรที่จะผ่าตัดโดยเร็ว ในเรื่องนี้ทางแม่ภูมิและที่ปรึกษาเตรียมจะเข้าพบ ผอ.สถานพินิจ ในช่วงสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้หลังจากช่วงหยุดยาวสงกรานต์ ที่ปรึกษากฎหมายยังไม่สามารถเข้าเยี่ยมภูมิแบบใกล้ชิดได้ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 67 ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมตตาได้ยกเลิกคิวจองไป โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เพียงบอกว่าขอเลื่อนออกไปก่อน

ปัจจุบัน (6 พ.ค. 2567) ภูมิถูกคุมตัวตามคำสั่งของศาลเยาวชนฯ ที่สถานพินิจบ้านเมตตามาแล้ว 201 วัน  

.

หนุ่ม สมบัติ: ฝากความคิดถึงถึงครอบครัว หวังว่าจะได้เจอกันเร็วนี้ 

วันที่ 1 พ.ค. 2557 และ 3 พ.ค. 2567 ทนายเข้าเยี่ยมสมบัติ ทองย้อย หลังจากทักทายกันเสร็จ เขาตอบเรื่องสุขภาพช่วงนี้ว่า สบายดี ตอนนี้สุขภาพแข็งแรง พยายามออกกำลังกายทุกวัน อบรมสมาธิก็จบไปแล้ว ตอนนี้ด้านในก็ไม่ได้ทำงานอะไร เลยพากันออกกำลังกายทุกคน สภาพจิตใจก็ดี เพราะเดินทางมาถึงตอนนี้แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์มันก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น ก็หวังว่าสิ่งที่เราคิดไว้จะเกิดขึ้นจริง 

ก่อนสมบัติอัปเดตว่า ตอนนี้อากาศข้างในร้อนมาก แต่ในแดนก็มีน้ำเย็นบริการ มีเอาผ้าห่มที่นอนมาตากแดดฆ่าเชื้อโรคกันด้วย สมบัติพูดด้วยน้ำเสียงสดใสว่า “ถ้ามาเยี่ยมเร็วกว่านี้จะเจอพี่หนุ่มแบบดำมาก ๆ เพราะว่าไปลงเล่นฟุตบอลกับเขามา แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แดดประเทศไทยก็เอาเรื่องเหมือนกัน ลูกสาวเห็นยังทักเลยว่า พ่อไปทำอะไรมา ดำเชียว (หัวเราะ)” 

สมบัติเล่าว่า เดือนมิถุนายน 2567 นี้ จะมีการปรับชั้นนักโทษ ตอนนี้เขาอยู่ชั้นกลาง ก็รอลุ้นว่าจะได้เลื่อนชั้นเป็นชั้นดีหรือไม่ และสำหรับเรื่องใบเด็ดขาด กว่าจะได้อาจจะรอประมาณ 20 – 30 วัน หลังคดีถึงที่สุดแล้ว ก็มีใบเด็ดขาดมาให้เซ็นต์ สำหรับเรื่องพักโทษ มีการสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ทราบมาว่า คดีมาตรา 112 ไม่เข้าหลักเกณฑ์ในการขอพักโทษ 

สุดท้ายสมบัติฝากความคิดถึงถึงทุกคนข้างนอก ขอให้ดูแลสุขภาพด้วย ขอบคุณที่คอยดูแลมาตลอด “หวังว่าจะได้เจอกันเร็วนี้ และขอบคุณมากเลยครับ ที่ส่งหนังสือมาให้อ่าน ได้รับแล้วและอ่านแล้ว สนุก ขบขัน มีอะไรได้หัวเราะเพิ่ม และท้ายที่สุดก็ฝากความคิดถึงถึงครอบครัวด้วยครับ คิดถึงมาก ๆ ฝากบอกให้ดูแลตัวเองกันดี ๆ รักและคิดถึงเสมอ”

ปัจจุบัน (6 พ.ค. 2567) หนุ่ม สมบัติ ถูกคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมาแล้ว 236 วัน โดยเขาถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 4 ปี และตัดสินใจไม่ฎีกาอีก

ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม

บันทึกเยี่ยม 4 ผู้ต้องขังคดี ม.112: นอกจากสู้คดี ยังต่างต่อสู้กับภาวะอากาศร้อนจัด

X