บันทึกเยี่ยม ธี-มาร์ค-บุ๊ค:  “คุกคือที่ที่จำลองระบบเจ้าขุนมูลนายมาชัดเจนมาก ๆ” 

ระหว่างวันที่ 26-28 มี.ค. 2567 ทนายความได้เข้าเยี่ยม “ธี” ถิรนัย, “มาร์ค” และ “บุ๊ค” ธนายุทธ 3 ผู้ต้องขังคดีทางการเมืองที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ธีเพิ่งหายป่วยจากอากาศที่ร้อนจัดในเรือนจำ แต่ยังคงมีอาการปวดตัวไม่หายมากว่า 2 อาทิตย์แล้ว ขณะที่มาร์คได้เข้าร่วมการอบรมธรรมะและนั่งสมาธิของเรือนจำเป็นเวลา ส่วนบุ๊คเล่าถึงสภาพเรือนจำที่เต็มไปด้วยผู้ป่วยจิตเวช โดยเฉพาะในแดนที่เขาอยู่

.

วันที่ 26 มี.ค. 2567 ธีนั่งรอในห้องเยี่ยมทนายห้องที่ 3 ใส่ชุดผู้ต้องขังสีฟ้า หน้าตายิ้มแย้ม เขามารออยู่เป็นคนแรก และบอกว่าเพื่อน ๆ น่าจะกำลังเดินออกมา 

ธีถามไถ่ถึงคดีแอมมี่และคดีของเพื่อน ๆ เขาได้ยินข่าวด้วยว่า “ขนุน” เข้ามาในเรือนจำอีกคน นอกจากนี้ธียังเล่าว่า ข้างในอากาศร้อนมาก ๆ ทำให้เขาสุขภาพแย่ และมีอาการปวดตัวมาตลอด 2 สัปดาห์ แม้จะหายไข้แล้ว 

“ไม่มีแรงไปทำอะไร ไปฟิตเนสไม่ไหว ก็เลยนั่งพับนกไปเหมือนเดิม กินยาพาราไปเรื่อย ๆ ก็ช่วยแก้ปวดได้

แป๊ปนึง ถ้าสัปดาห์หน้ายังไม่ดีขึ้นจะไปหาหมอ” ธีเล่าพร้อมกับใช้มือจับตามเนื้อตามตัวไปด้วย และชี้ว่าปวดกระดูกช่วงหลัง โดยเฉพาะหลังล่าง

เขาบอกว่า สงกรานต์อยากได้ไอติมสักถังนึง มาแบ่งกินกับเพื่อน “ข้างในนี้มันร้อนมาก ๆ กับพวก KFC หมูแดดเดียว แดน 4 คนเยอะ เวลาได้ของฝากมาก็จะแบ่ง ๆ กันกิน น่าจะได้กินหลากหลายที่สุดแล้วถ้าเทียบกับเพื่อนแดนอื่น” 

ธีบอกว่า เขาเป็นคนดูแลเรื่องโกดังสินค้าของเพื่อน ๆ ผู้ต้องขังการเมืองในแดน 4 ก็จะคอยดูว่าอะไรจะหมด 

“มีคนมาขออยู่ด้วย มาขอช่วยทำงานแลกของกิน เราก็แบ่งให้ จนตอนนี้เหมือนจะเป็นบ้านที่มี 20 คนแล้ว”

ธีทิ้งท้ายว่า อยากให้ทนายปรินท์บันทึกเยี่ยมของศูนย์ทนายฯ มาให้อ่าน “อยากอ่านพวกคอมเมนท์ รู้ว่ามี io กับสลิ่มมาด่า แต่ก็ยังอยากอ่านอยู่ดี”

ปัจจุบัน (1 เม.ย. 2567) ธีถูกคุมขังมาแล้ว 412 วัน โดยไม่เคยได้รับการอนุญาตประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2566

ย้อนดูคดีของธี

.

28 มี.ค. 2567 มาร์คเดินเข้ามาในห้องเยี่ยมด้วยท่าทางยิ้มแย้ม พอเจอเพื่อน ๆ ก็ยิ้มทักทายกัน มาร์คสวมเสื้อยืดสีขาว มีข้อความว่า “จิตที่ฝึกแล้ว นำความสุขมาให้” มาร์คบอกว่าเป็นเสื้อที่เขาให้ใส่เข้าอบรมพุทธศาสนาในช่วง 4 วันสุดท้าย 

“พรุ่งนี้อบรมวันสุดท้ายแล้ว จะมีการสอบข้อเขียน 20 ข้อ และสอบปฏิบัติ เป็นการสอบนั่งสมาธิและเดินจงกรม อย่างละ 15 นาที ไม่รู้จะชี้วัดอะไรได้ แต่ก็คงทำ ๆ ไปให้ครบกระบวนการ”

สำหรับเรื่องสุขภาพ มาร์คบอกว่าเขาไม่ป่วย ไม่ไข้ “ผมเป็นคนร่างกายแข็งแรงอย่างที่บอก อยู่ง่ายกินง่าย ถ้าจะมีก็คงปวดคอ ปวดหลัง เพราะว่านั่งสมาธิทั้งวัน”

เมื่อทนายถามว่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษ มาร์คบอกว่าไม่ได้อยากได้อะไรแต่ฝากขอบคุณทุกคนที่ฝากของเข้ามา 

“ถ้ามีของที่อยากได้จริง ๆ ก็คงเป็นเบียร์สักกระป๋อง” (หัวเราะ) 

ปัจจุบัน (1 เม.ย. 2567) มาร์คถูกคุมขังมาแล้ว 384 วัน โดยไม่เคยได้รับการอนุญาตประกันตัวเพื่อสู้คดีนับตั้งแต่อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 จนกระทั่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี 1 เดือน เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 

.

28 มี.ค. 2567 บุ๊คเดินมาในห้องเยี่ยมทนายห้องที่ 3 ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม สวมชุดผู้ต้องขังสีฟ้า เสื้อตัวนี้หน้าอกขวาเขียนชื่อจริงของบุ๊ค และคำว่า “สามัญชน” 

บุ๊คบอกว่า เขาหายป่วยแล้ว ไม่มีอาการไอ ไม่มีไข้หรือตัวร้อน แต่มีอาการคันกับมีผื่น โดยเฉพาะวันที่อากาศร้อน บางทีคันหนักจนต้องกินยาแก้แพ้ บุ๊คพูดถึงอากาศที่ร้อนจัดเช่นเดียวกับเพื่อน ๆ คนอื่น

“ช่วงนี้อากาศร้อนมาก ลมก็ไม่มี อบอ้าว ยิ่งร้อนมาก ๆ ก็จะหายใจไม่ออกและคัน”

บุ๊คยังเล่าถึงสถานการณ์ในแดน 6 ว่า ตอนนี้ผู้ต้องขังคดีการเมืองได้ย้ายมานอนในห้องเดียวกันแล้ว ทำให้พูดคุยและช่วยกันดูแลทุกคนได้ง่ายขึ้น ก่อนทวงถามเรื่องหนังสือที่ขอให้คนช่วยกันบริจาคเข้ามาโดยระบุว่าให้แดน 6 เพราะเขาเห็นว่ายังไม่มีหนังสือบริจาคเข้ามาในแดน 6 เลย 

“ตอนนี้ผมกับก้องทำหน้าที่อยู่ที่ห้องสมุดเหมือนเดิม ก้องก็ชอบอ่านหนังสือ” 

นอกจากนี้บุ๊คยังรู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองทำหน้าที่เหมือนเป็นครูแนะแนวหรือนักจิตวิทยา 

“จริง ๆ ก็ไม่มีอะไร คอยรับฟังผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ทำเหมือนตอนอยู่คลองเตย ผมชอบคุยกับคน คนที่มาคุยกับเราก็หลากหลายด้วย ทั้งที่มาคุยปัญหาชีวิต บางทีก็เป็นคนที่มีปัญหาสุขภาพจิต หรือบางคนมีอาการทางจิตชัด ๆ เลยก็มี เจอคนหลายประเภท เวลาเจอเรื่องราวน่าสนใจผมก็จะขอเอามาแต่งเพลง” 

เขาเล่าว่าในเวลาที่ว่างก็ยังแต่งเพลง โดยจะทำไปเรื่อย ๆ ได้มาก็เขียนลงสมุดไว้ 

“ข้างในนี้มีคนที่มีอาการทางจิตค่อนข้างเยอะนะ มีทั้งคุยคนเดียว คุยกับกำแพง เดินเหม่อลอยทั้งวัน ผมเจอเป็นสิบคนแล้ว จากผู้ต้องขังในแดน 6 ที่มีอยู่ 460 คน ก็ถือว่าเยอะใช้ได้ เมื่อเช้า สด ๆ ร้อน ๆ ผมนั่งคุยกับพี่คนนึง เขาเป็นคนที่มีอาการหูแว่ว พูดคุยคนเดียวทั้งวัน คนในแดนบอกว่าคนนี้อาการหนักแล้ว 

“เขาเดินเข้ามาเห็นรอยสักของผมที่เขียนว่า ‘เด็กสลัม’ เขาก็เดินเข้ามาทักเลย ว่า เอ้ย เด็กสลัมนี่หว่า เราก็เลยได้คุยกัน พอได้คุยผมว้าวมากนะ เขาคุยได้ปกติ และมีความรู้เยอะด้วย รู้เรื่องการเมืองลึก ๆ หลายเรื่อง รู้เรื่อง 112 รู้ลึกเรื่อง 14 ตุลา, 6 ตุลา เข้าใจปัญหาสังคม เขาบอกเขาอ่านหนังสือมาเยอะ แล้วเขาก็เล่าชีวิตที่เขาเผชิญมาก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในนี้”

บุ๊คบอกว่ายิ่งคุยยิ่งสนุก เพราะได้แลกเปลี่ยนถึงปัญหาสังคม การคอร์รัปชั่น ระบบราชการ ยาเสพติด รวมถึงเรื่องที่ทำไมปัญหาคลองเตยไม่ถูกแก้ไขสักที

“ซึ่งทุกอย่างที่เขาเล่ามามันตรงกับที่เรารู้ทั้งหมดเลย นั่งคุยจนทนายเบิกตัวมานี่แหละ จริง ๆ คนแบบนี้เขาเก่ง แต่กลับต้องมาอยู่ในนี้ เขาพูดประโยคนึงว่า “ถ้าประเทศนี้ดีจริง ไม่ต้องรอให้ใครมาอภัยหรอก แต่เรานั้นแหละควรให้อภัยกันเอง” ผมฟังแล้วชอบมาก”

บุ๊คแลกเปลี่ยนกับทนายว่า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ถึงแย่ขนาดนี้ 

“จับพวกเขาเข้ามาไว้ในนี้ ทั้งที่เราควรเยียวยา ควรรักษา บำบัดดูแลให้พวกเขาฟื้นฟูกลับสู่สังคมได้ ข้างในนี้มันเข้มข้นจริง เรื่องความเหลื่อมล้ำมันชัดเจนมาก ๆ ในโลกข้างนอกมันอาจจะเลือนราง แต่ข้างในนี้เราเห็นคนที่ไม่มีกินเลยว่าเป็นยังไง เห็นคนรวยคนมีกินว่าเป็นยังไง มันจำลองโครงสร้างสังคม จำลองระบบราชการ จำลองระบบเจ้าขุนมูลนายให้เห็นชัดเจนมาก ๆ”

ปัจจุบัน (1 เม.ย. 2567) “บุ๊ค” ถูกคุมขังมาแล้ว 193 วัน โดยไม่เคยได้รับการอนุญาตประกันตัวเพื่อสู้คดีนับตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2566  

ย้อนดูคดีของบุ๊ค

X