เอกชัยยังรอคำสั่งอนุญาตฎีกา – สมบัติหายจากโควิดย้ายกลับเรือนจำ – ทะลุแก๊สมีอาการเครียดนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่องหลังถูกขังมาครบ 1 เดือน

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565 ทนายความได้เข้าเยี่ยม เอกชัย หงส์กังวาน  ซึ่งถูกศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (4) กรณีโพสต์ประสบการณ์เรื่องเพศสัมพันธ์ในเรือนจำ และศาลฎีกาก็ยังไม่อนุญาตให้ประกันตัวในระหว่างฎีกาคำพิพากษา ทำให้เอกชัยถูกคุมขังมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2565 รวมเป็นเวลา 90 วัน

เอกชัยมีความกังวลเกี่ยวกับการยื่นฎีกา เขาต้องการทราบรายละเอียดของการขออนุญาตยื่นฎีกาอยู่เป็นระยะ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่าคดีของเขาจะสามารถฎีกาได้หรือไม่ แม้จะมีการยื่นขออนุญาตฎีกาไปแล้ว

ในวันที่ 19 ก.ค. 2565 นี้ เอกชัยจะถูกนำตัวจากเรือนจำ มาร่วมการสืบพยานจำเลยคดีชุมนุมแกนนำคนอยากเลือกตั้ง ARMY57 ที่ศาลอาญาด้วย

วันเดียวกันทนายความยังได้เข้าเยี่ยม สมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง อายุ 52 ปี ซึ่งถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวขณะสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ สมบัติถูกคุมขังตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 2565 รวมเป็นเวลา 81 วัน 

สมบัติเล่าว่าวันนี้เขาถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์กลับมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว ภายหลังต้องเข้ารักษาตัวจากโรคโควิด-19 โดยคาดว่าตนเองน่าจะได้อยู่ในแดน 4 เขาบอกว่าอาหารที่โรงพยาบาล “กินได้” กว่าที่เรือนจำ เเต่เขากินเเค่มื้อเช้ากับเที่ยงไม่ได้กินมื้อเย็นเพราะอยากรักษาสุขภาพ

สมบัติพูดถึงการรักษาโควิดในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่าเขาไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวีย เนื่องจากหมอบอกว่าเชื้อไม่ลงปอดและตอนเอ็กซเรย์ปอดก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เขามีอาการป่วยอยู่ประมาณ 5 วัน โดยเป็นอาการทั่วไป คือ ไข้ ไอ เจ็บคอ 

เขายังคงฝากความคิดถึง ถึงทุกคนที่บ้าน ฝากบอกลูกสาวว่าพ่อหายดีเเล้วและสามารถจองเยี่ยมออนไลน์ได้เเล้ว นอกจากนี้เขายังมีความหวังถึงเรื่องการยื่นประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป 

วันที่ 13 ก.ค. 2565 ทนายความยังได้เข้าเยี่ยมกลุ่ม “ทะลุแก๊ส” 6 คน ประกอบด้วย “ดิว” สมชาย, “หยก” วรวุฒิ, “หิน” อัครพล, “เก่ง” พลพล, “ใหญ่” พิชัย และ “คิม” ธีรวิทย์ ที่ยังคงถูกคุมขังระหว่างการสอบสวนในคดีจากเหตุการณ์ชุมนุมบริเวณดินแดงเมื่อช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยพวกเขาส่วนใหญ่ถูกขังมาแล้ว 31 วันและกว่าครึ่งหนึ่งติดโควิดในเรือนจำ


“ใหญ่” พิชัย: ปลากระป๋อง อาหารกระป๋อง ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน สบู่ กลายเป็นสิ่งต้องห้าม


ใหญ่ยังคงกินอาหารวันละมื้อ เนื่องจากไม่มีความอยากกินอาหารจากอาการเครียด รวมถึงยังไม่สามารถนอนหลับได้ดีนัก เขาเล่าให้ฟังว่า “ถึงหลับ ก็หลับๆ ตื่นๆ ใหญ่บอกว่าตนเองต้องเริ่มกินยานอนหลับแล้ว เขาบอกเล่าถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่า ปลากระป๋อง อาหารกระป๋อง ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน สบู่ กลายเป็นสิ่งที่ถูกห้ามเอาขึ้นเรือนนอน เนื่องจากเจ้าหน้าที่กลัวเกิดการทำร้ายตัวเองอีก นักโทษก็เลยลำบากกันไปหมด

ใหญ่ยังคงงุนงงกับการที่ตนเองถูกกล่าวหาเรื่องการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และถูกฝากขังโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว 

“พวกผมควรได้รับสิทธิการประกันตัวขั้นพื้นฐาน งงกับศาลที่ไม่ให้พวกผมประกันตัว” เขากล่าว

“ดิว” สมชาย: สีหน้าเคร่งครียด มีน้ำตาคลอ “เค้าจงใจเอาพวกผมมาขัง”

ทนายสังเกตว่าดิวเดินมาด้วยสีหน้าค่อนข้างเครียด มีน้ำตาคลออยู่ตลอดเวลา เขาบอกว่ายังคงนอนแบบหลับๆ ตื่นๆ โดยจะตื่นมาช่วง ตี 3 ของทุกวัน “ผมต้องยอมรับว่าผมเครียดอยู่ตลอด” เขาบอกว่าเมื่อรู้ว่ายังมีการยื่นประกันอยู่ ก็รู้สึกดีใจ ถึงไม่ได้ประกัน แม้ว่าทำใจไว้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าก็ผิดหวังมากกับผลประกันตัว

สำหรับมุมมองต่อกระบวนการยุติธรรม เขามองว่า “ผมกับเพื่อนๆ ก็มามอบตัวกันเอง โดยไม่ได้คิดจะหนีแต่อย่างใด ไม่คิดว่าตำรวจจะฝากขังพวกผมเลย ถึงฝากขังก็ไม่เป็นไร คิดว่าศาลให้ประกัน ศาลไม่น่าไม่ให้ประกันพวกผมแบบนี้ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย แค่มีภาพผมไปรวมม็อบ ตำรวจใส่แค่ข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ผมจะไม่ว่าอะไรเลย นี่ใส่เรื่องต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานได้ไง พวกผมยังงงถึงทุกวันนี้ เหมือนเค้าจงใจเอาพวกผมมาขัง” ดิวทิ้งท้าย

“หิน” อัครพล: ที่พวกผมได้เจอมันคือความอยุติธรรม

หินมีใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียดเช่นเดียวกับดิว เขามีอาการนอนหลับๆ ตื่นๆ ทุกวัน และกินข้าวแค่ 2 มื้อ เขารู้สึกเครียดมากและสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมต้องมาอยู่ในเรือนจำนานขนาดนี้  

“ไม่เข้าใจว่าทำไมศาลไม่ให้ประกันตัวพวกผม ศาลให้เหตุผลที่ไม่มีเหตุผล ผมกับเพื่อนๆ ก็เครียดกันหนัก มันเครียด มันตันไปหมด ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะให้ประกันตัวพวกผม คือศาลไม่ได้ความยุติธรรมกับพวกผมเลย ที่พวกผมได้เจอมันคือความอยุติธรรม”


หินฝากขอบคุณข้างนอกที่ยังคอยทำกิจกรรมให้ “อยากฝากให้เพื่อนข้างนอกส่งจดหมายให้พวกเราหน่อย ส่งกำลังใจ เรื่องราวข้างนอกว่าเป็นอย่างไร พวกผมไม่ได้รับรู้ข่าวสารอะไรเลย” เขากล่าว

“หยก” วรวุฒิ: ไม่สู้ก็ไม่รู้จะทำยังไง เราเลือกทางนี้แล้ว

เขาบอกกับทนายว่ากินข้าวได้วันละมื้อสองมื้อและยังคงมีอาการนอนไม่หลับ “พวกผมก็อยู่กันตามสภาพนี่แหละพี่ ตอนกลางคืนผมก็นอนไม่ค่อยหลับหรอก แต่ก็ต้องฝืนข่มตัวเองให้หลับ ผมใช้ยานอนหลับไม่ได้ เคยใช้แล้วผมปวดหัวมากๆ ก็ฝืนๆ เอาทุกวัน”

เมื่อชวนคุยถึงความรู้สึกในปัจจุบันเกี่ยวกับคดีของตนเอง เขาบอกว่า “เหตุผลที่ศาลไม่ให้ประกัน มันไม่มีเหตุผลเลยพี่ ศาลในมุมมองของผม คือ เค้ามองผู้ชุมนุมที่มาเรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ ความเท่าเทียม เป็นผู้ร้ายยิ่งกว่าคนปล้น ฆ่า หรือนักการเมืองที่คอรัปชั่นเสียอีก ไม่เคยเห็นคนพวกนี้ติดคุกง่ายๆ เลย ตอนนี้พวกผมก็ยังสู้อยู่ คือ ไม่สู้ก็ไม่รู้จะทำยังไง เราเลือกทางนี้แล้ว”

“คิม” ธีรวิทย์: ยังอดอาหารต่อเนื่อง

คิมมีสภาพอิดโรยและสีหน้าเคร่งเครียด โดยคดีนี้เป็นคดีแรกของเขา เขาพูดถึงการอดอาหารของตัวเองว่า “ตอนนี้ผมก็ยังอดอาหารอยู่ ผมจะกินแค่น้ำ เกลือแร่ แล้วก็สปอนเซอร์ ข้างในก็ต้องอยู่กันให้ได้ ถึงจะอยากออกกันยังไง ก็ต้องอยู่กันให้ได้” 

เขาบอกว่าตอนนี้กลับมาอยู่แดน 4 แล้ว มาอยู่กับน้องๆ แต่ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน เขาต้องไปนอนห้อง อสจร. (เป็นผู้อบรมทางการแพทย์) เนื่องจากเรือนจำต้องการให้มีผู้ดูแลตนเอง โดยปัจจุบันเขายังได้ถูกต่อรองให้เริ่มกินข้าว แต่เขายืนยันว่าจะอดอาหารต่อไป

คิมอยากจะฝากบอกทุกคนว่า “สิ่งที่น้องๆ ทำไม่ว่าจะพยายามฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง น้องๆ แค่ต้องการให้ศาลให้ความยุติธรรมกับพวกเราบ้าง” 

เขารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาไม่ยุติธรรมตั้งแต่ชั้นตำรวจ โดยเขาบอกว่าตำรวจมีแค่รูปชายใส่ชุดดำนั่งคร่อมรถจักยานยนต์ในเงามืดและยิงพลุใส่ตำรวจ แม้ตนยอมรับว่าเวลาไปม็อบตนใส่เสื้อยืดสีดำ แต่ใครๆ ก็ใส่เสื้อดำ นอกจากนั้นเขากับน้องยังถูกแจ้งข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานด้วย 

“มันเหมือนการยัดข้อหาให้พวกผม มันง่ายมาก พอมาเจอศาลไม่ให้ประตัว ก็สิ้นหวังมากๆ กับกระบวนการยุติธรรม”


“เก่ง” พลพล: หากไม่ได้ประกันคงเครียดและดิ่งกว่าเดิม

พลพลบอกว่า ตอนนี้เขายังคงกินข้าวต้มกับขนมและนมทั้งวัน สำหรับยา เขากินแค่ช่วงเช้ากับเย็นและสุขภาพของตับดีขึ้นตามลำดับแต่ยังไม่ปกติ ยังต้องกินยาคลายเครียดและยานอนหลับตอน 2 ทุ่มทุกวัน เขายังไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้ย้ายกลับไปอยู่กับเพื่อนเมื่อไหร่ หมอเพียงบอกกับเขาว่าหากค่าตับดีขึ้นก็ได้กลับ แต่ยังบอกวันไม่ได้

พลพลได้รับจดหมายที่พี่ๆ น้องๆ เขียนมาให้ และดีใจมากๆ เขาบอกว่าเป็นกำลังใจอย่างดีให้กับเขา ช่วงเวลานี้เขารอคอยเพียงเรื่องการประตัวและหากไม่ได้ก็คงผิดหวังอย่างหนัก 

“ผมรู้สึกว่าไม่มีความยุติธรรมกับผมและเพื่อนๆ เลย ไล่จับคนในม็อบไปทั่ว ทั้งที่เราออกมาเรียกร้องตามสิทธิ พอจะประกันก็ไม่ให้ประกัน ทีม็อบเสื้อเหลือง  ม็อบปกป้องสถาบัน ไม่เห็นไปจับบ้าง จับแต่พวกผมอย่างเดียว มันคือกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน ไม่มีความเป็นธรรมกับพวกผมเลย หากไม่ได้ประกัน คงดิ่งและเครียดกว่าเดิม” เขากล่าว

นอกจากนี้เมื่อพูดคุยถึงความคืบหน้าในคดีของบุ้งและใบปอว่า ยังไม่ได้ประกันตัว แม้มีการไต่สวนคำร้องขอประกันและทั้งคู่มีสุขภาพแย่ 

“โห เค้าต้องรอให้คนตายก่อนละมั้ง ถึงจะให้ประกันตัว” พลพลกล่าวเมื่อได้ฟังเรื่องราวของทั้งคู่

X