บันทึกเยี่ยม 7 ผู้ต้องขังคดี ‘112’ : ขอบคุณที่ช่วยกันทำงานและผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม

สัปดาห์ที่ผ่านมา เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนได้เริ่มแคมเปญลงชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน แล้ว จึงมีทั้งภาพงานเสวนาและกิจกรรมที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนิรโทษกรรมตามภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อบอกเล่าถึงที่มาและความสำคัญของการเสนอร่างกฎหมายนี้ โดยมีนักโทษทางการเมืองที่ถูกคุมขังในปัจจุบันอย่างน้อย 38 ราย เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่สะท้อนความสำคัญของการผลักดันร่างกฎหมายประชาชน

ยิ่งกับผู้ต้องขังคดีตามมาตรา ‘112’ มีจำนวนไม่น้อยที่คอยความหวังการนิรโทษกรรมครั้งนี้อยู่ ผ่านบันทึกเยี่ยมครั้งนี้ ซึ่งมีเรื่องราวจากเรือนจำจังหวัดนราธิวาสของ “กัลยา” ที่ฝากถามถึงความคืบหน้าการขอประกันตัวและฝากความคิดถึงครอบครัว “อุดม” ฝากคำขอบคุณถึงผู้คอยช่วยเหลือผู้ต้องขังทางการเมือง 

ส่วนที่กรุงเทพฯ “จิรวัฒน์” ผู้ถูกคุมขังในระหว่างอุทธรณ์เกินกว่า 2 เดือนแล้ว ก็ยังคงเฝ้าหวังถึงสิทธิการประกันตัว “แม็กกี้” เตรียมขึ้นศาลในนัดสอบคำให้การเร็ว ๆ นี้ “น้ำ” วารุณี กำลังทำใจว่าอาจจะถูกคุมขังจนครบกำหนดโทษ ด้าน “ภูมิ” ต้องคอยปรับสภาพการอยู่ในสถานพินิจบ้านเมตตาอยู่เป็นระยะ ๆ และเขาคาดหวังว่าต่อจากนี้จะได้รับการเข้าเยี่ยมบ่อย ๆ สุดท้าย “อารีฟ” ส่งกำลังใจถึงผู้ที่เพิ่งถูกตัดสินคดีไปไม่นานนี้ พร้อมทั้งขอบคุณคนที่ช่วยกันทำงานและผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมนี้อีกด้วย

.

กัลยา: มี กสม. มาเยี่ยม ก่อนแจ้งว่า จะหารือกับกระทรวงยุติธรรมเรื่องการประกันตัว

ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส วันที่ 30 ม.ค. 2567 ทนายเล่าว่า หลังจากยื่นคำร้องขอพบผู้ต้องขังระบุชื่อ อุดมกับกัลยา เจ้าหน้าที่ถามว่า “ทำคดีนี้ด้วยหรือ”

แรกพบเห็นกัลยานั่งตรงที่มีกระจกกั้นไว้ทนายสังเกตเห็นสีหน้าของกัลยาดูเหมือนตกใจมากเพราะเพิ่งเห็นและเจอกันวันนี้เป็นวันแรก กัลยาบอกว่า ถูกกักตัวอยู่เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2567 ไปพบหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือด ผลเลือดปกติ วันนี้กักตัวครบ 5 วันแล้ว สามารถลงมาอยู่ในแดนปกติ ก่อนให้ข้อมูลว่า ยาตอนเช้าตัวเดิมสีขาว ตัวใหม่สีเหลือง และยาก่อนนอนตัวเดิมสีฟ้าอ่อน ตัวใหม่สีฟ้าเข้ม ได้ทานยาตัวใหม่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 หมอบอกให้กัลยาหยุดทานยา แต่กัลยาปฏิเสธ 

กัลยาเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ด้วยมี ‘ลิ่มเลือดอุดตัน’ เป็นโรคประจำตัวอยู่แล้ว และอยากกลับมารักษาตัวกับหมอที่เคยรักษาครั้งแรก กัลยาเล่าอีกว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาพบ ผบ.เรือนจำ และได้พูดคุยกับกัลยา ก่อนแจ้งกับเธอว่า จะหารือกับกระทรวงยุติธรรมเรื่องการประกันตัว

กัลยาอยากทราบด้วยว่า ทนายดำเนินการเรื่องการประกันตัวถึงไหนแล้ว เธอเล่าอีกว่า ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่พ่อกับแม่ได้เยี่ยม 2 ครั้ง (ผ่านไลน์) บทสนทนาท้าย ๆ กัลยาจึงฝากให้ทนายโทรหาแม่และบอกว่าเธอ “คิดถึง พ่อแม่ ฝากดูแลสุขภาพด้วย” พร้อมทั้งบอกกับทนายว่าอยากให้มาเยี่ยมบ่อย ๆ

จนถึงปัจจุบัน (12 ก.พ. 2567) กัลยาถูกคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสในระหว่างฎีกามาแล้ว 116  วัน 

ย้อนอ่านคดีของกัลยา

.

อุดม: อยากขอบคุณที่ช่วยเหลือกันตั้งแต่เริ่มต้น

วันเดียวกันกับที่ทนายเข้าเยี่ยมกัลยาที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ทนายเข้าเยี่ยมอุดม ผู้ต้องขังคดี 112 อีกคน

ตอนพบกันครั้งแรก อุดมตกใจมาก เพราะเจ้าหน้าที่เรือนจำบอกว่าทนายมาเยี่ยม จึงคิดว่าเป็นทนายที่เคยทำคดีให้ พอเห็นแล้วไม่ใช่ เขาคิดในใจว่าเป็นใคร ญาติก็ไม่ใช่เหตุใดจึงมาเยี่ยมได้ ก่อนสบายใจขึ้นหลังได้รับคำชี้แจงจากทนายที่เข้าเยี่ยม

อุดมเล่าว่า ความเป็นอยู่ในแดน 7 ไม่ค่อยมีปัญหา ที่นี่มีระเบียบวินัยดี ในแดนมีผู้ต้องขังคดีความมั่นคงอยู่ด้วย ปัจจุบันอุดมปรับตัวได้แล้ว ช่วงนี้กินเยอะ จนตอนนี้จะไม่ทานมื้อเที่ยง ทานแต่มื้อเช้ากับมื้อเย็น พร้อมออกกำลังกายทุกวัน 

เช่นเดียวกับกัลยา อุดมเล่าว่า วันที่ 19 ม.ค. 2567 มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมาพบปะกับ ผบ.เรือนจำ พูดคุยถึงแนวทางการผลักดันย้ายผู้ต้องขังกลับภูมิลำเนาเพื่อไปเสนอกับกระทรวงยุติธรรมเช่นกัน  

บทสนทนาท้าย ๆ อุดมกล่าวว่า อยากขอบคุณที่ช่วยเหลือกันตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นทนายความ แม้กระทั่งกองทุนฯ ที่ช่วยค่าใช้จ่าย ค่าอยู่ ค่ากิน ขอบคุณมาก ๆ

จนถึงปัจจุบัน (12 ก.พ. 2567) อุดมถูกคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสระหว่างฎีกามาแล้ว 167 วัน

ย้อนอ่านคดีของอุดม

.

จิรวัฒน์: หวังว่าผมจะได้รับการประกันตัวในเร็ว ๆ นี้ ทนายจะได้ไม่ต้องเข้ามาเยี่ยม

วันที่ 30 ม.ค. 2567 หลังทักทายกันเสร็จ จิรวัฒน์ถามเกี่ยวกับสถานการณ์คดี 112 ทนายอัพเดทให้ฟังถึงคดีที่เพิ่งตัดสินและข่าวเกี่ยวกับการประกัน และยังเล่าเกี่ยวกับแคมเปญ “นิรโทษกรรมประชาชน” ว่า จะมีการจัดนิทรรศการ และมีการลงลายรายชื่อเพื่อเสนอร่าง พ.ร.บ. นี้ จิรวัฒน์ฟังแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “ได้ยินแบบนี้แล้ว ผมก็รู้สึกดีใจครับ” 

จากนั้นทนายอ่านข้อความเกี่ยวกับคำร้องขอประกันที่ยื่นไปวันก่อน (29 ม.ค. 2567) และสรุปให้ฟัง ก่อนพูดคุยความเป็นไปได้ในการประกันตัวครั้งนี้ จิรวัฒน์สะท้อนว่า “ถ้าครั้งนี้ไม่ได้ประกัน ผมก็คงหมดตัว เพราะไม่รู้จะส่งบ้านส่งรถยังไง แล้วก็คงหมดปัญญาหมดกำลังใจมากเหมือนกัน” เพราะครั้งนี้เขาคิดว่า เตรียมตัว เตรียมเอกสารดี พร้อมยอมรับเงื่อนไขจากศาลทุกอย่างด้วย “ผมก็หวังว่าศาลจะเห็นใจและเข้าใจ ตอนนี้ก็ยังมีความหวังอยู่”

เมื่อถามเรื่องสุขภาพ จิรวัฒน์ตอบว่า สัปดาห์ที่เเล้ว อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกคันที่ขา เหมือนเป็นเชื้อราแดงทั้งขา ไปหาหมอมา หมอให้ยาแก้ลมพิษแบบโลชั่น แต่ว่าทาแล้วหนักกว่าเดิม วันนี้เดินไปหาหมอตามที่ผู้คุมบอก แต่ยังไม่ทันได้ตรวจ ผู้คุมมองที่ขา แล้วบอกให้ไปลงชื่อหาหมอวันพรุ่งนี้ ซึ่งก็หมายความว่าจะได้หาหมอวันถัดไปอีก และตอนนี้มันก็ลามขึ้นแขนทั้งสองข้างแต่ที่แขนไม่ได้เยอะเท่าขา “ผมคิดว่าผื่นน่าจะเกิดจากที่นอนเพราะว่าเป็นนอกร่มผ้า แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจริง ๆ เเล้วเป็นอะไร” 

จิรวัฒน์เล่าอีกว่า แฟนฝากยารักษาหูมาประมาณ 45 วันแล้ว ยังไม่ได้รับเลย ซึ่งเป็นยาที่เขากินมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนเข้ามาอยู่ในเรือนจำ 

ท้ายที่สุดนี้ “ผมก็ขอบคุณทุกคนที่ยังเป็นกำลังใจให้ แล้วก็หวังว่าผมจะได้รับการประกันตัวในเร็ว ๆ นี้ ทนายจะได้ไม่ต้องเข้ามาเยี่ยม” 

จนถึงปัจจุบัน (12 ก.พ. 2567) จิรวัฒน์ถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 69 วัน

ย้อนอ่านคดีของจิรวัฒน์

.

แม็กกี้:  ห้องนอนยิ่งแออัด “นอนเบียดกันจนนอนดี ๆ ไม่ได้เลย”

วันที่ 5 ก.พ. 2567 แม็กกี้ยิ้มต้อนรับทนายพร้อมบอกว่า “ยังคงสบายดีค่ะ” ระหว่างคุยเธอมีอาการไอบ้างนิดหน่อย แต่แม็กกี้บอกไม่ได้เป็นอะไร ก่อนอัพเดตว่า ที่สัปดาห์ก่อนเขียนขอพบหมอไปก็ได้พบแล้ว แต่เจอหมอตอนจะหายแล้ว เลยเอายาพาราที่ได้เพิ่มมาเก็บไว้แทน 

แม็กกี้เล่าว่า เริ่มวิ่งจริงจังแล้ว “เวลาเหงื่อออกแล้วรู้สึกดีมาก ๆ เลยค่ะ ตัวมันโล่ง ๆ เพื่อน ๆ รอบตัวก็รู้สึกแปลกตา แล้วหนูก็กินน้อยลงด้วย” เเม็กกี้เสริมว่าปกติจะเอาอาหารขึ้นไปบนห้อง และแบ่งกินเป็น 3 มื้อ แต่ตอนนี้แบ่งกินแค่ 2 มื้อ ก่อนบอกอีกว่ามาคิด ๆ ดูแล้ว ให้ควบคุมอาหารเยอะ ๆ น่าจะทำไม่ได้ เน้นออกกำลังกายดีกว่า

สภาพห้องนอนก็แออัดเพิ่มมากขึ้นอีก แม็กกี้เล่าว่า ตอนนี้มีกัน 40 คนแล้ว ยังมีรอกักโรคอีก 2 คน ที่น่าจะถูกส่งเข้ามาเพิ่ม “ตอนนี้นอนเบียดกันแล้วค่ะ ก่ายมาก่ายกลับไม่โกง (หัวเราะ) มันนอนเบียดกันจนนอนดี ๆ ไม่ได้เลย” และเหลือที่ว่างจริง ๆ แค่ช่องประมาณ 20 เซนติเมตร ตรงหน้าบล็อคไว้เดินเข้าห้องน้ำ ซึ่งเวลาเดินไปเข้าห้องน้ำก็มีเหยียบกันบ้างเพราะไม่มีที่จะเดินจริง ๆ

จนถึงปัจจุบัน (12 ก.พ. 2567) แม็กกี้ถูกคุมขังระหว่างสอบสวนและระหว่างพิจารณามาแล้ว 114 วัน คดีของเธอมีกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันที่ 19 ก.พ. นี้

ย้อนอ่านคดีของแม็กกี้

.

น้ำ วารุณี:  เผื่อใจไว้แล้วสำหรับกรณีที่ต้องอยู่จนครบโทษ

ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ วันที่ 6 ก.พ. 2567 น้ำเล่าว่า ในวอร์ดมีคนไข้ใหม่เข้ามา ในห้องเลยบันเทิงกันมาก ๆ เพราะเขาเล่าอะไรก็สนุกสนานไปหมด ช่วงนี้บรรยากาศเลยไม่หดหู่เท่าไหร่ พอทนายอัพเดทเรื่องการประท้วงยืนหยุดขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้น้ำฟัง พร้อมเล่าว่า มีผู้คอมเมนต์ในข่าวด้วยว่า มีการเปิดเพลงสรรเสริญในเรือนจำด้วยเหรอ น้ำก็เล่าว่าที่ทัณฑสถานหญิงกลางก็เปิด ที่โรงพยาบาลก็เปิดเหมือนกัน

ก่อนบทสนทนาจะเป็นเรื่องการอดน้ำอดอาหารของ “บุ้ง” เนติพร น้ำฟังอาการบุ้งแล้วก็คิดว่าน่าจะถูกส่งมาที่โรงพยาบาลเร็ว ๆ นี้ แต่ยังไม่น่าจะได้เจอกัน เพราะน้ำอยู่โซนพักฟื้นแล้ว ส่วนบุ้งน่าจะถูกส่งไปที่วอร์ดคนไข้วิกฤต ซึ่งทนายน่าจะต้องเยี่ยมบุ้งผ่านวิดีโอคอล หลังจากนั้นถึงค่อยมาเจอตัวแบบนี้ได้

น้ำเล่าถึงตัวเองว่า เธอยังคงกังวลเรื่องคดีว่าควรทำยังไงดี ทั้งยังลังเลว่าควรยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษดีมั้ย หรือรออภัยโทษดี แต่ลึก ๆ ก็เผื่อใจไว้แล้วสำหรับกรณีที่ต้องอยู่จนครบโทษ ซึ่งต้องอยู่ต่อไปอีก 10 เดือนกว่า

จนถึงปัจจุบัน (12 ก.พ. 2567) น้ำถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 230 วัน

ย้อนอ่านคดีของน้ำ

.

อารีฟ วีรภาพ: ให้กำลังใจถึงผู้ที่เพิ่งถูกตัดสินคดีไปไม่นานนี้ทุกคน

วันที่ 7 ก.พ. 2567 อารีฟทักทายทนายแล้วบอกว่า ตอนนี้มีนำแดนเดินตามตลอดเลย เพราะชื่อเขาติดลิตส์ผู้ต้องขังรายสำคัญ ก่อนอธิบายว่า นำแดนก็คือผู้ช่วยที่ผลัดเปลี่ยนกันมาดูอารีฟ คอยตามดูว่าทำอะไรบ้าง 

อารีฟยังเล่าต่อว่า วันก่อนได้รับแจกไข่เค็มเน่า มีหนอนขึ้นเต็มเลย ไข่น่าจะเน่ายกแผง มี 20 กว่าฟองที่มีหนอน ซึ่งอารีฟก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับด้วย เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เปลี่ยนให้ ไม่รู้ว่าจงใจมั้ย อารีฟก็เลยเทอาหารทิ้งยกถาดเลย

ตั้งแต่ร้องเรียนผู้คุมไปครั้งก่อน ก็ไม่ค่อยมีผู้คุมเข้ามาตามสุงสิงกับอารีฟแล้ว น่าจะประกอบกับที่ถ้าใครมาวุ่นวายด้วยอารีฟก็จะบอกกลับไปว่า ถ้าคุณไม่มายุ่งกับผม ผมก็จะไม่ยุ่งกับคุณ อารีฟอัพเดทด้วยว่า เจ้าหน้าที่นำปลอกแขนสีแดงมาให้เพิ่มเป็น 2 อันแล้วนะ ไม่ต้องซักทุกวันแล้ว (หัวเราะ)

กับเรื่องที่ประท้วงโดยการยืนหยุดขังในแดน 5 อารีฟก็ร่วมประท้วงด้วย แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้ทำได้ตลอด เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่มีใครเห็นว่าเราทำหรือไม่ อีกอย่างเพื่อนร่วมห้องก็มองแปลก ๆ แล้วก็ถามว่า ทำอะไร แต่อารีฟก็ไม่ได้สนใจเสียงคนนินทาอยู่แล้ว วันไหนที่เราเต็มที่เราก็ทำ ไม่ได้สนใจเสียงคนอื่น แม้ยังไม่รู้เลยว่าการยืนประท้วงอยู่ข้างในจะส่งผลอะไรต่อไป แต่เมื่อเพื่อน ๆ ตกลงกันว่าจะทำแล้ว อารีฟก็ร่วมทำด้วย

หลังทนายอัพเดทคดีการเมืองและเรื่องนิรโทษกรรมประชาชนให้ฟัง อารีฟก็ฝากส่งกำลังใจถึงองค์กรต่าง ๆ ขอบคุณที่ช่วยกันทำงานและผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม รวมถึงให้กำลังใจถึงผู้ที่เพิ่งถูกตัดสินคดีไปไม่นานนี้ทุกคน

จนถึงปัจจุบัน (12 ก.พ. 2567) อารีฟถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว 138 วัน 

ย้อนอ่านคดีของอารีฟ

.

ภูมิ: หากมาเยี่ยมแบบใกล้ชิดไม่ได้ ก็ขอให้จองเยี่ยมออนไลน์เข้ามาบ่อย ๆ 

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2567 ที่สถานพินิจบ้านเมตตา ที่ปรึกษากฏหมายเข้าพูดคุยเกี่ยวกับรายงานของสถานพินิจที่ส่งศาลเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567 ภูมิมีสีหน้ากังวลเมื่อฟังประเด็นที่ระบุในรายงาน ซึ่งมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่เป็นความจริง เช่น รายงานระบุว่า ภูมิพูดแซวของขวัญของเจ้าหน้าที่ในเชิงว่า ของขวัญมีมูลค่าน้อย ซึ่งภูมิบอกว่า ไม่เป็นความจริงเลย เป็นเด็กคนอื่นที่จับฉลากได้ของขวัญชิ้นนั้น ภูมิจึงไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไร หรือเรื่องที่ระบุว่า ภูมิจะให้เพื่อนดึงแขนให้ไหล่หลุด ซึ่งความเป็นจริงแล้วด้วยความที่ภูมิป่วยตั้งแต่วันศุกร์แต่ไม่ได้ถูกพาไปพบหมอ เจตนาของภูมิคือทนกับอาการเจ็บป่วยไม่ไหวและต้องการพบหมอเท่านั้น   

ที่ปรึกษาฯ จึงบอกกับภูมิว่า ถ้ามีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ที่ปรึกษาฯ จะยื่นคำร้องขอคัดค้านรายงานเข้าไปให้ เป็นการอธิบายให้ศาลได้เห็นมุมมองอีกด้านของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภูมิจึงมีสีหน้าดีขึ้น และฝากให้ช่วยลิสต์ประเด็น และจองเยี่ยมออนไลน์เพื่อส่งข่าวให้ด้วย  

ที่ปรึกษาแจ้งเรื่องอุทธรณ์ เปลี่ยนแปลงคำสั่งศาลที่ให้เข้ามาตรการตามมาตรา 132 วรรคสอง เป็นมาตรา 132 วรรคหนึ่ง ว่า หลังจากที่เข้าตรวจสำนวนที่ศาลเมื่อช่วงต้นสัปดาห์พบว่า จริง ๆ แล้วครบกำหนดที่อัยการจะต้องยื่นแก้อุทธรณ์ในวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ปรากฏว่า อัยการยื่นขอขยายแก้อุทธรณ์หรือยื่นแก้อุทธรณ์มา จึงอาจเป็นไปได้ว่า อัยการไม่ได้โต้แย้งอุทธรณ์เรื่องเปลี่ยนแปลงคำสั่ง หลังจากนี้ก็ต้องรอหมายนัดฟังคำสั่งของศาลต่อไป

กับเรื่องสุขภาพ อาการทั่วไปของภูมิปกติ กินอิ่ม นอนหลับ ไม่มีอาการเจ็บป่วย ยังคงรับประทานยา มียาคลายเครียด 1 เม็ดครึ่ง ยานอนหลับ 1 เม็ด แต่ไม่ได้ทานยาโรคกระเพาะ และไม่มีอาการหูแว่วแล้ว

ภูมิเล่าบรรยากาศภายในบ้านเมตตาอีกว่า กับผู้คุมมีท่าทีตึง ๆ กันบ้าง ด้วยความที่ท่าทีของภูมิดูก้าวร้าวและเหมือนเจ้าหน้าที่มองว่าภูมิคอยยุยงเด็กในบ้านเมตตาให้ต่อต้านการควบคุมของเจ้าหน้าที่ ก็เลยเหมือนมีปัญหาอยู่ แต่กับเด็กด้วยกันไม่ได้มีปัญหาแล้ว มีแต่เด็ก ๆ มาบอกว่า เจ้าหน้าที่พูดแบบนั้นแบบนี้ เช่น หาว่าภูมิรู้มาก ไม่อยากยุ่งด้วย

สุดท้ายภูมิขอให้ที่ปรึกษาฯ เข้าเยี่ยมเพื่ออัพเดทสถานการณ์ข้างนอก หากมาเยี่ยมแบบใกล้ชิดไม่ได้ ก็ขอให้จองเยี่ยมออนไลน์เข้ามาบ่อย ๆ 

จนถึงปัจจุบัน (12 ก.พ. 2567) ภูมิถูกคุมตัวที่สถานพินิจบ้านเมตตามา 118 วันแล้ว

ย้อนอ่านคดีของภูมิ

.

ย้อนอ่านบันทึกเยี่ยม

บันทึกเยี่ยม 6 ผู้ต้องขัง ‘112’ : “อยากให้คนข้างนอกอย่าเพิ่งหลงลืมกันไป ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังด้วย”

X